"..ภาวนา พุทโธ คือความรู้แจ้ง รู้เบิกบานตลอด รู้ถึงที่สุด รู้เหนือกว่าจิตของเราอีก รู้เรื่องของจิตทุกอย่าง ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงให้อบรม คือการภาวนา เอาพุทโธนั้นไปบริกรรมให้มันรู้จิต ให้มันรู้เหนือกว่าจิต ให้เห็นแต่จิตนี้ จะคิดดีก็ตามคิดชั่วก็ตาม จนกว่าผู้รู้นั้นว่าจิตนี้สักแต่ว่าจิตเท่านั้น ไม่ใช่บุคคลตัวตนเราเขา.."
"..ตื่นอยู่ทุกกาลเวลา คือ พุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้แจ้ง ผู้สว่าง ตัวนี้ไม่ได้นอน มันเป็นของมันอยู่.."
พระธรรมคำสอน หลวงปู่ชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี จากหนังสือ กตัญญุตา ๑๐๐ ปี พระโพธิญาณเถร(หลวงปู่ชา สุภทฺโท) หน้า ๒๒๔ - ๒๒๙
” ถ้ามีสติดีๆแล้วก็จะดึงอยู่ “
ไม่มีอะไรอยู่กับเราไปตลอด ไม่เสียวันนี้ก็ต้องเสียวันหน้า ถ้าไม่สามารถรักษามันได้ มันก็ต้องจากเราไป อะไรที่จะอยู่กับเรามันก็จะอยู่ อะไรที่จะไม่อยู่มันก็จะไม่อยู่
คิดอย่างนี้ความฟุ้งซ่านก็จะหายไป ถ้าอยากได้นั่นได้นี่ก็ทำให้ดีที่สุด ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ยอมรับความจริง ความฟุ้งซ่านก็จะหายไป ถ้าเป็นพยาบาท ไม่พอใจ เวลาเห็นคนทำนั่นทำนี่ เช่นจะนั่งสมาธิคนอื่นเปิดโทรทัศน์เปิดวิทยุเสียงลั่น ก็อย่าไปโกรธ อย่าไปถือสา เป็นปกติของเขา ไปบังคับไปห้ามเขาไม่ได้
ให้คิดอย่างนี้ พยายามทำตัวเป็นแจ๋วไว้ ถ้าเป็นแจ๋วแล้วอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีปัญหา ถ้าทำตัวใหญ่ พอใครทำอะไรไม่ถูกใจก็จะเกิดอารมณ์ขึ้นมาได้ ต้องยอมรับกับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ฝนจะตกแดดจะออกก็อย่าไปโกรธ ใครจะเปิดวิทยุ ใครจะส่งเสียงดัง ก็อย่าไปโกรธ ถ้านั่งตรงนี้ไม่ได้ก็ไปนั่งที่อื่นก็ได้
ถ้าผ่านนิวรณ์ทั้ง ๕ นี้ได้ จิตก็จะเข้าสู่ความสงบได้ ต้องมีสติคอยดึงจิตไว้ด้วย ไม่ให้ไปคิดเรื่องต่างๆ นิวรณ์เกิดจากการไม่มีสติ ทำให้คิดเรื่องกามฉันทะ ทำให้คิดลังเลสงสัยในความสามารถของตน ให้โกรธคนนั้นโกรธคนนี้ เกิดจากการขาดสติเป็นหลัก ถ้ามีสติดีๆแล้วก็จะดึงอยู่ บริกรรมพุทโธๆๆอย่างเดียวทุกอย่างก็จบ ถ้าเกาะอยู่กับกรรมฐานได้ อยู่ที่ไหนก็ภาวนาได้ อยู่ในโรงหนังในโรงละครในผับก็ภาวนาได้ .
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๘ กัณฑ์ที่ ๔๐๐ วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๒
"..ผู้สนใจในความรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน จึงควรปฏิบัติรักษาจิตด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม คือฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร เพื่อเป็นการตรวจตราดูเครื่องเคราของรถคือจิต ว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไปบ้าง จะได้นำเข้าโรงซ่อมสุขภาพทางจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงของใจ ว่าคิดอะไรบ้างในวันและเวลาหนึ่ง ๆ พอมีสารประโยชน์บ้างไหม หรือพยายามคิดแส่หาแต่เรื่อง หาแต่โทษ และขนทุกข์มาเผาลนเจ้าของอยู่ทำนองนั้น พอให้รู้ความผิดถูกของตัวบ้าง และพิจารณาสังขารภายนอก คือร่างกายของเรา ว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลงในวันและเวลาหนึ่ง ๆ ที่ผ่านไปจนกลายเป็นปีเก่าและปีใหม่ผลัดเปลี่ยนกันไปไม่มีที่สิ้นสุด สังขารร่างกายเรามีอะไรใหม่ขึ้นบ้างไหม หรือมีแต่ความเก่าแก่และคร่ำคร่าชราหลุดลงไปทุกวัน ซึ่งพอจะนอนใจกับเขาละหรือ จึงไม่พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอทำได้ เวลาตายแล้วจะเสียการ นี่คือการภาวนา การภาวนาคือวิธีเตือนตนสั่งสอนตน ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรจะแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง.."
โอวาทคำสอน พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒) จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"..ความดีมีอยู่ แสวงหาซิ มนุษย์ทั้งหลายท่านหาความดีได้ ทำไมเราหาไม่ได้ เวลาไพล่ไปหาความเลวทรามต่ำช้าทำไมหาได้ สิ่งเหล่านั้นมันวิเศษวิโสอะไร ถ้ามันพาคนให้วิเศษ มนุษย์พากันวิเศษเลิศโลกไปนานแล้ว ไม่จมปลักดังที่เห็นกันอยู่นี้เลย จึงไม่ควรเพลิดเพลิน ไม่ควรมัวเมาไม่เข้าเรื่องอยู่เปล่าๆ อะไรดีมีสาระรีบแสวงหา เวลาตายจะมีที่ยึดที่เกาะ ไม่เป็นไฟทั้งกองไปเสียถ่ายเดียว คนหมดที่พึ่งหมดที่อาศัยเป็นคนดีวิเศษละหรือ ในโลกก็เห็นๆ กันอยู่ยังจะสงสัยอะไรอยู่อีก ถ้าไม่อยากจมน่ะ.."
โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖)
"... แสงใดๆ ก็ไม่สว่างสู้แสงธรรม.. เพราะ ... แสงของธรรมนั้นส่องให้ใจคนที่มืดบอด ... กลับมาสว่าง.. พบเส้นทางของทางเดิน ... แห่งมรรคได้ ..." ______________________ #หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
. " ชนะแค่ตัวเองเป็นพอ "
หลวงปู่ชา สุภัทโท
หลักของการปฏิบัตินั้น หนึ่ง เราตั้งไว้ในใจของเราว่า...
"เราจะต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ "
นี่หลักใหญ่ของมัน...
"อย่าเอาชนะสิ่งอื่น อย่าเอาชนะบุคคลอื่น"
ถ้าใครมีความรู้สึกนึกคิดว่า จะเอาชนะผู้อื่นอยู่รํ่าไป นั้นก็เป็นผู้ที่แพ้เรื่อยไปในด้านปฏิบัติ เพราะลักษณะปฏิบัติที่แท้จริงนั้น จะต้องภาวนา ให้รู้จักเอาชนะตนเองเรื่อยไป เมื่อรวมแล้วถ้าเอาชนะตนเองก็ชนะหมดทุกสิ่ง ทุกอย่าง
ผู้ปฏิบัติอยู่ในระบอบอันนี้เรียกว่า
"เป็นผู้มีหลักธรรมเอาชนะใจตัวเองได้"
การดำเนินงาน ในด้านปฏิบัติของเรา ให้ตั้งอันนี้ไว้สมํ่าเสมอ "
หลวงปู่ชา สุภัทโท
|