#ผู้มีบุญเก่าจึงดูดดื่มในคำสอนพระพุทธเจ้า
"..ถ้าผู้มีบุญเก่าติดตัวมาน่ะ คนเรามันต้องมีบุญเก่านะ เป็นทุนน่ะ มันจึงดูดดื่มในคำสอนของพระพุทธเจ้า คนที่ไม่ได้ทำบุญกุศลพอสมควรมาแต่ชาติก่อนแล้วอย่างนี้ จะมาฟังคำสอนพระพุทธเจ้านี่ไม่ค่อยดูดดื่มหรอก ฟังไปก็เฉยๆเรื่อยๆ ไปอย่างนั้นแหละ ไม่ค่อยสะดุดใจ ผู้ที่มีบุญกุศลที่ตนได้สั่งสมมาแต่ก่อนแล้วมันคล้ายๆ กับแม่เหล็กนี่แหละ มันดูดกันเข้าไป
ตรงกันข้ามผู้ที่เคยสั่งสมบาปมา อบรมนิสัยเป็นคนใจดำอำมหิตมาเช่นนี้นะ พอเกิดมาในชาตินี้มันก็เป็นคนใจดำอำมหิต พอเกิดเหตุไม่ดีมามันก็ลุกเป็นไฟขึ้น โทสะพยาบาทอันนั้น นี่มันดูดกันนะ ความชั่วก็ดี เป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นคนเรานี่จึงว่ามีความเป็นอยู่แตกต่างกัน เรื่องความเป็นอยู่ในปัจจุบันนี่มันก็เป็นเครื่องส่อแสดงถึงชาติหนหลังนู่น ถึงแม้ใครจะระลึกชาติหนหลังไม่ได้ก็ตาม แต่กิริยาอาการที่แสดงออกในปัจจุบันนี้แหละหากเป็นเครื่องชี้บอกในอดีตชาติหนหลังว่า ผู้นั้นได้ฝึกฝนอบรมตนมาอย่างไรในอดีตหนหลังนั่น นั่นแหละความประพฤติความเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้จะเป็นเครื่องชี้บอกให้ได้เลย มันเป็นอย่างนั้น.."
โอวาทธรรม พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
” กุญแจสำคัญ “
…ปัญหาของพวกเราคือไม่มีสติ ที่จะคอยควบคุมใจให้อยู่เฉยๆ ให้สักแต่ว่ารู้ เช่นทำอะไรก็ให้สักแต่ว่ารู้
.กำลังเดินก็รู้ว่ากำลังเดิน กำลังรับประทานอาหาร ก็รู้ว่ากำลังรับประทานอาหาร “ไม่คิดเรื่องราวต่างๆ” .การเจริญสติจึงเป็นงานที่สำคัญมาก เป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาธรรมะต่างๆ คือสมาธิ ปัญญา และวิมุตติการหลุดพ้น จะเกิดขึ้นจาก “การเจริญสติเป็นจุดเริ่มต้น” .
………………………………………… . พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๖ กัณฑ์ที่ ๔๒๗ วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๔
อานุภาพการสวดมนต์และเสียงสาธุการ
สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักอยู่บนดอยปะหร่อง (เชียงใหม่) กับพระอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาต พอให้พรเสร็จ ท่านได้สอนให้ชาวบ้านกล่าวสาธุพร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่าน (พระอาจารย์มั่น) เล่าเป็นเชิงตลกว่า มือทั้งสองข้าง ของเขาชูขึ้นข้างบนเหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้า ว่างั้น
วันหนึ่ง ท่านนั่งพักในส่วนที่ทำเป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่ง มาจากเขาจิตรกูฏ มาถามท่านว่า
"เสียงสาธุ สาธุนั้น สาธุอะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้ง หลายได้ฟัง มีความสุขไปตามๆ กัน"
ท่านมาพิจารณาว่า เสียงอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า เสียงสาธุการ ของชาวบ้านตอนถวายทานนั่นเอง
พอรับทราบแล้วพวกเทพก็กล่าวว่า "เขาก็สาธุการด้วย" แล้วทำ ประทักษิณเวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพเขาจะทำอย่าง นั้น
ท่านพระอาจารย์มั่น เลยมาพิจารณาต่อได้ความว่า
พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้าเย็น หรือชาวพุทธทุกคน
สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล
สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล
สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล
สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล
แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพ และที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับ ความสุข เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึงชั่วขณะชั่วครู่หนึ่ง ดีกว่า หาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล
นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ท่านพระอาจารย์มั่นว่าอย่างนี้
——- โอวาทธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทตโต
"..สมบัติในโลกเราแสวงหามาเป็นความสุขก็พอหาได้ จะแสวงหามาเป็นไฟก็ทำให้ฉิบหายได้ จริงๆข้อนี้ขึ้นอยุ่กับความฉลาดและความโง่เขลา ของผู้แสวงหาแต่ละราย ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา จะเข้าใจว่าท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทอง เครื่องหวงแหนอย่างนั้นหรือ เข้าใจว่าเป็นคนร่ำรวยสวยงามเฉพาะสมัยพวกเราเท่านั้นหรือ จึงพากันรักพากันหวงพากันห่วงจนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย บ้านเมืองเราสมัยนี้ไม่มีป่าช้าสำหรับเผาหรือฝังคนตายอย่างนั้นหรือจึงสำคัญว่าตนจะไม่ตาย และพากันประมาทจนลืมเนื้อลืมตัว กลัวแต่จะไม่ได้กิน ไม่ได้นอนกลัวแต่จะไม่ได้เพลิดไม่ได้เพลิน ประหนึ่งโลกจะดับสูญไปเดี๋ยวนี้ จึงรีบพากันตักตวงเอาความไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว อันสิ่งเหล่านี้ แม้แต่สัตว์เขามีได้เหมือนมนุษย์เรา อย่าสำคัญว่าตนเก่งกาจสามารถฉลาดรู้ยิ่งกว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตามาทับถมตัวเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ใครจะไปทราบได้ถ้าไม่เตรียมทราบไว้ตั้งแต่บัดนี้.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
"จะนั่งหัวแถว หรือหางแถว ก็ไม่แปลก เหมือนเพชรนิลจินดา จะวางไว้ที่ไหน ก็มีราคาเท่าเดิม" หลวงปู่ชา สุภัทโธ
“เข้าใจผิดว่า ดีกับใคร คนนั้นต้องดีตอบ ที่ถูก คือ เรามีหน้าที่ดี ใครจะดีกับเรา ไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา”
ท่านพุทธทาสภิกขุ
|