นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 ม.ค. 2025 7:19 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความเป็นธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 20 ส.ค. 2024 9:11 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4803
โลกต้องการคนดี มิใช่เพื่อให้มารับรางวัล แต่เพื่อมาช่วยทำให้ชีวิตและสังคมดีขึ้น คนดีอย่างแท้จริง เสียสละได้แม้กระทั่งการที่จะให้คนอื่นรู้ว่า ตนได้ทำความดี

#สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)








"จะเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง อย่าไปเชื่อมันเด้อ เจ้าตัว"ความคิด" มันคือตัวผีหลอก ให้ระวัง ผ่านไปที่ไหนก็สบาย ไปอยู่ป่าช้าไหนก็ไปหมด บ่ย่านหรอกผี แต่ผีทางโลกนั่นก็เรื่องต่างหากดอก..

ผู้ปฏิบัติตรงปฎิบัติชอบบ่มีผี จิตเพิ่นบริสุทธิ์ คนธรรมดาผีหลายจำไว้ อย่าหลอกเจ้าของหลาย อยู่นำกันแต่ไม่รู้จักกัน หลอกแต่เจ้าของหมดปี..

ก็...สังขารตัวนี้ก็เป็นตัวปรุงแต่ง เป็นตัวหลอกลวง สังขารเนี่ยหล่ะ เพิ่นจึงสอนให้รู้เท่าทันมัน..

"รู้หนักรู้เบา" เวลาความเจ็บความปวดมันเกิดขึ้นมันหนัก ถ้าเราปล่อยได้บ้างมันก็เบา

"รู้หนักรู้เบารู้เท่ารู้ทัน" รู้ทันกลสังขารเนี่ยหล่ะ ตัวความคิดเนี่ยหละ เค้าเรียกว่าตัว "สังขาร" โดยมากเราไม่ทันมัน ปัญญาบ่ทันเขา เขาเลยหลอก บัดนี้รู้จักกันมันก็หลอกกันบ่ได้

เนอะ...มีสติรู้ใจ จะทำอะไรอยู่ก็รู้ คิดอะไรอยู่ก็รู้ มีสติรู้เท่าทันมัน พอรู้จักกันมันก็บ่หลอกกัน อยู่นำกันมันก็สบาย อันนี้พออยู่ด้วยกันไม่รู้จักกัน มีแต่ผีหลอกอยู่หมดมื้อ..

โอวาทธรรม
#หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต
วัดเขาตาเงาะอุดมพร อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ






“วันนี้..หนึ่งบทธรรม นำไปปฏิบัติ”

…สิ่งที่เราต้องทำก็คือทำให้ใจนิ่งสงบ
ไม่ผลิตทุกข์ในอริยสัจ ๔ ขึ้นมา
ต้องละต้นเหตุของทุกข์ในอริยสัจ ๔ คือ
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

.ในขณะที่ตายก็คือความไม่อยากตายนี่แหละ
ถ้าไม่อยากตายก็จะทุกข์ทรมานใจ
ถ้ายอมรับความตาย ก็จะไม่ทุกข์
ความเจ็บปวดของร่างกายจะไม่เป็นปัญหา

.ความทุกข์ใจที่เกี่ยวกับร่างกายมีอยู่
๒ ประการคือ ความไม่อยากตาย
และความไม่อยากเจ็บ ถ้าไม่อยากทุกข์
เวลาเจ็บก็ต้องอย่าไม่อยากเจ็บ
เวลาจะตายก็อย่าไม่อยากตาย

.เวลานั่งแล้วเจ็บก็อย่าเพิ่งลุก
พยายามทำใจให้นิ่ง
อย่าไปอยากให้ความเจ็บหายไป
อย่าอยากจะหนีจากความเจ็บไป

.ถ้าละความอยากนี้ได้แล้ว
จิตจะสงบเป็นอุเบกขา
ความทุกข์ใจก็จะหายไป
ความทุกข์กายก็จะเจ็บเพียงนิดเดียว

.ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บปวดของร่างกาย
เพราะเป็นธรรมดาของร่างกาย
ที่เกิดมาแล้วก็ต้องแก่เจ็บตายไปเป็นธรรมดา
เวทนา ก็มีสุขเวทนา มีทุกขเวทนา
มีไม่สุขไม่ทุกขเวทนา สลับกันไป
เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา

.ความจริงใจรับได้ทั้ง ๓ เวทนา แต่ใจมีกิเลส
ก็เลยไปรักสุขเวทนา ชังทุกขเวทนา
ก็เลยทำให้เกิดตัณหาขึ้นมา
เกิดความอยาก
อยากมีสุขอย่างเดียว ไม่อยากมีทุกข์

“ก็เลยไปสร้างทุกข์ในอริยสัจ ๔ ขึ้นมา”.

…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๗ กัณฑ์ที่ ๔๒๙
วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔






" เบิ่งครูบาอาจารย์ให้เบิ่งตอนเพิ่นปฏิบัติ
อย่าเบิ่งตอนเพิ่นเฒ่าตอนเพิ่นสบาย
ให้เอาตอนที่เพิ่นปฏิบัติสละเป็นสละตายเพื่อสิได้ธรรม

ให้เอามาพิจารณาให้เป็นกำลังใจตัวเองให้เป็นกำลังใจในการปฏิบัติภาวนา ให้ทรัพย์ภายในเต็มทรัพย์ภายนอกกะย่อมมาให้ถ้าคนสิมีสิดีไปอยู่ใสตกใสก็ดี "

โอวาทธรรม หลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตโต








"..คนเราเกิดมาย่อมมีกรรมทุกๆ คนจึงได้เกิดมา ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ได้เกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องอาศัยกรรมนั่นแหละ เป็นเครื่องอยู่ คือการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่ทำมาหาเลี้ยงชีพ จะอยู่กับเขาในโลกได้อย่างไร ฉะนั้น เมื่อจำเป็นจะต้องทำกรรม จึงควรงดเว้นกรรมชั่วเสีย จงทำแต่กรรมดี กรรมชั่วจึงค่อยหมดไปด้วยการไม่กระทำอีก.."

ธรรมโอวาทโดย
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (พ.ศ.๒๔๔๕-๒๕๓๗)






"..คนเราถ้ายอมรับความจริงตามหลักศาสนาที่สอนไว้ ตัวย่อมได้รับความเป็นธรรม คือตัวเย็น ผู้เกี่ยวข้องมากน้อยก็เย็น โลกร่มเย็นไม่ค่อยมีการทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิง เพื่อแข่งดิบแข่งดีกันให้เดือดร้อนไปทั้งสองฝ่าย ซึ่งสุดท้ายก็เป็นไฟไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครได้ครองความสุขดังใจหวัง เพราะเอาใจดวงกำลังเป็นไฟทั้งกอง เข้าไปเป็นหัวหน้าว่าความในกิจการในโรงในศาล ในเรื่องต่าง ๆ ไม่มีประมาณ ด้วยเหตุนี้แลคนเราจึงหาประมาณความทรงตัวได้ยาก อยู่ที่ไหนก็ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไม่เป็นสุข เพราะใจแบกกองไฟไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่คิดจะปลงวางลงบ้าง พอได้หายใจไกลทุกข์ประสบสุขเสียบ้าง.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร อ้างอิงที่มาหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO