หลวงปู่ขาว อนาลโย เคยเทศน์สอนศิษย์เกี่ยวกับ #การเดินจงกรม ว่า "#มีอานิสงส์มาก"
หลวงปู่บอกว่า ที่ว่ามีอานิสงส์มากนั้น เราเห็นด้วยตนเอง คือ เมื่อครั้งหนึ่ง กำลังเดินจงกรมอยู่ ก็แลเห็นรุกขเทวดา หรือ ภูมิเจ้าที่ อันสิงสถิตอยู่บริเวณนั้น
มายืนประนมมือ ถือธูปหอมกำใหญ่ ส่งกลิ่นฟุ้งกระจาย ไปทั่วบริเวณนั้นเลยทีเดียว
แต่ กลิ่นธูปหอมนั้น หอมไม่เหมือนธูปของเมืองมนุษย์เลย มันหอมเย็นๆ อย่างไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน ทำให้เกิดความสดชื่น เบิกบานใจยิ่งนัก
ผู้ถือธูป กำลังยืนประนมมือนมัสการ พระธุดงคกรรมฐาน ผู้มีความเพียรอยู่ อย่างนอบน้อมเป็นยิ่งนัก
บรรดาลูกศิษย์ ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า "เขามายืนประนมมืออยู่อย่างนั้น เพื่อจุดประสงค์อันใด"
หลวงปู่ตอบว่า "เขามารอคอย อนุโมทนาส่วนบุญกับเรา ในบางแห่งนั้น เมื่อเรานอนมากๆ เขาก็จะมาเรียกให้ลุกขึ้นนั่งสมาธิ หรือ บางรายร้ายกว่านั้น เขาจะมาจับขาพระที่นอนมาก ให้ลุกขึ้นเดินจงกรม แล้วเขาก็รอคอยอนุโมทนาสาธุการ ในส่วนบุญส่วนกุศลนั้น"
สำหรับอานิสงส์ ของการภาวนาเดินจงกรมนี้ ได้แก่
ช่วยการเดินทางไกล ไฟธาตุย่อยอาหารดี มีพลานามัย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิถอนได้ยาก เทวดาฟ้าดินทั้งหลาย อนุโมทนาสาธุการ ได้อย่างทั่วถึง
เพราะฉะนั้น หลวงปู่ จึงชอบการเดินจงกรมมาก แม้ท่านจะถึงช่วงวัยชรา เดินจงกรมที่พื้นดินข้างล่างไม่ได้ ก็จะเดินจับราวกุฏิด้านบน เดินอยู่มิได้ขาด จนกระทั่งชรามาก จนถึงขนาดจับราวกุฏิเดินไม่ได้ ก็ยังให้พระภิกษุสามเณร ช่วยพยุงให้ท่านเดินมิได้ขาดเลย จนถึงวันท่านมรณภาพ
จากหนังสือ : หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู (โครงการหนังสือบูรพาจารย์)
#เวลาใกล้จะตายสำคัญ "..ตายคาภาวนายังดีกว่าตายคานึกถึงสิ่งของ เวลาเราจะตาย เรานึกถึงสิ่งของอันใด ใจขาดด้วย ก็ไปเป็นเขียดกะปาดบ้าง อยู่ตามรั้วอยู่ตามไร่ตามนา ถ้าเรานึกถึงหลานคนนั้นคนนี้ แล้วก็ใจขาดคาที่นั่น เราไปเกิดเป็นเป็ดเป็นไก่เขาหรือเป็นหลานเขา เวลาจะตายสำคัญ อสัญกรรม กรรมเมื่อจวนเจียน
เวลาใกล้จะตายเห็นแสงไฟ ปรากฏเห็นแสงไฟมา ยังไม่คิดไปทางอื่นแล้วก็เลยตายในขณะนั้นก็ไปเกิดในนรก
ถ้าเวลาใกล้จะตายปรากฏเห็นท่าน้ำหรือป่าไม้ แล้วก็สิ้นลมปราณในเวลานั้นยังไม่คิดไปทางอื่น ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เวลาใกล้จะตายปรากฏว่ามืดมนอนธกาล มองไม่เห็นอะไรเลยคล้ายๆว่ากลางคืน สิ้นลมปราณในขณะนั้นก็ไปเกิดเป็นเปรต
เวลาใกล้จะตาย ได้ปรากฏเห็นวิมานและปรากฏเห็นเทวบุตรเทวดา แล้วก็สิ้นลมปราณในขณะนั้น ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวดาเป็นอินทร์เป็นพรหมอยู่ในสรวงสวรรค์หรือพรหมโลก
เวลาใกล้จะตาย ปรากฏเห็นครรภ์มารดา ก็ไปถือปฏิสนธิเกิดอีกในครรภ์
ส่วนพระอรหันต์ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาใกล้จะตายก็มาเห็นกายเราส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ลมหายใจเข้าออกเป็นต้น หรือ กระดูกท่อนใดท่อนหนึ่งเป็นต้น หรือผม ขน เล็บ ฟัน อันใดอันหนึ่งเป็นต้น หรือธาตุน้ำอันใดอันหนึ่งในสกลร่างกายเป็นต้น มีดี เสลด น้ำเลือด เหงื่อ น้ำมันข้น น้ำลาย ไขข้อ น้ำมูตร หรืออันใดอันหนึ่งเป็นต้น ต่อจากนั้นแล้วท่านก็พลิกจิต ไม่ได้ติดอยู่ในผู้รู้ทั้งหลาย ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันด้วย ท่านก็เข้าสู่พระนิพพานไปซะ หาธรรมอันไม่ตาย
ถ้าเราไม่หัดไว้ทีนี้ ใกล้จะตายมาพุทโธๆแด่เด้อ พุทโธๆเด้อ พุทโธๆยังไงเมื่อมีชีวิตอยู่มันก็ยังไม่ภาวนา เดี๋ยวจะเจ็บอันนั้นปวดอันนี้ ร้องครางไปสารพัดแล้วไม่หัดไว้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องหัดไว้ ถ้าตายคาภาวนาพุทโธ ถึงจะมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกก็ตาม เราก็ไปสุคตินานอยู่เหมือนกัน.."
ธรรมเทศนาคำสอน หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร
หลวงปู่สอนคนสมัยนี้ เหมือนใส่ปุ๋ยต้นไม้ตายนี้น่ะ ธรรมดีขนาดไหนฟังเเล้วไม่ปฏิบัติ ก็เหมือนใส่ปุ๋ยต้นไม้ตาย ไม่เกิดประโยชน์อะไร
โอวาทธรรม #หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต
“ถ้ายังไม่มีสติ อย่าเพิ่งไปใช้ปัญญา “
…พยายามฝึกพุทโธให้ได้ ของง่ายๆแต่มีคุณค่ามหาศาล มีคุณค่ายิ่งกว่าเงินทองกองเท่าภูเขา เพราะ เงินทองกองเท่าภูเขา มาดับอารมณ์ไม่ได้
.แล้วเวลาโกรธนี่ บางทีโกรธเป็นวันเลย เวลาเสียใจ เสียใจเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เพราะไม่มีอะไรมายับยั้ง ไม่มีพุทโธ ไม่มีสติ
.สติเท่านั้นแหละที่จะยับยั้งได้ นอกจากสติก็มีอีกตัวหนึ่งคือ ..“ปัญญา” แต่ปัญญานี้ยากกว่าสติ หัดสติก่อน สติมันง่ายกว่า พุทโธพุทโธไปก่อน
.ถ้ายังไม่มีสติ ก็ใช้ปัญญาไม่ได้ ถ้าต้องการจะใช้ปัญญา ต้องมีสติควบคุมใจ ให้คิดไปในทางของปัญญา ถ้าไม่มีสติ ใจจะไม่คิดไปในทางปัญญา
.ใจจะคิดไปในทางกิเลส จะคิดไปในทางความโลภ ความโกรธ ถ้าคิดไปในทางความโลภ ความโกรธ จะหยุดความโลภไม่ได้ หยุดความโกรธไม่ได้ .ดังนั้นถ้ายังไม่มีสติ อย่าเพิ่งไปใช้ปัญญา ฝึกสติหยุดความโลภ ความโกรธให้ได้ก่อน ด้วยสติ แล้วก็มาหัดคิดทางปัญญา
.เพราะการคิดด้วยปัญญานี้ จะทำให้เรากำจัดความโลภ ความโกรธได้อย่างถาวร
.แต่เราไม่สามารถกำจัด ความโลภ ความโกรธ ความอยาก ด้วยสติได้อย่างถาวร. ………………………………………… . สนทนาธรรมมะบนเขา วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
"ถ้าเฮาอยากจะเจริญ อย่าไปขวางทางบุญเขา ผู้ใดทำบุญกะอย่าไปตำหนิติเตียนเขา
อย่าไปอิจฉาเขา ให้มีมุทิตาจิต และอนุโมทนานำเขาอย่างเดียว"
โอวาทธรรม หลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตโต
ธรรมดาแล้ว การเบียดเบียนผู้อื่น จะไม่ส่งผลให้เกิดการเบียดเบียนตนเองนั้นเป็นไม่มี ในที่สุดก็เข้าตามกฎที่ว่า… “กรรมตามสนอง"
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
"เราเกิดขึ้นมากี่ภพกี่ชาติ ก็มาหัดสติตัวเดียวนี้ แต่ไม่สมบูรณ์กันสักที เหตุนั้นควรที่พวกเรา จะพากันรีบฝึกหัดสติแต่บัดนี้
เราจวนจะตายอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าจะตายวันไหน ควรที่จะฝึกหัดสติ ให้อยู่ในเงื้อมมือของตนให้ได้ อย่าให้จิตไปอยู่ในเงื้อมมือ ของความหลงมัวเมา
ผู้ใดจิตไม่อยู่ในอำนาจของตน ก็ได้ชื่อว่าเราเกิดมาเสียเปล่า ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเสียเปล่า ตายไปก็เปล่าจากประโยชน์"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
|