Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

เสียสละแบ่งปัน

อังคาร 03 ก.ย. 2024 6:37 am

จำไว้นะ... ทุกอย่างบนโลกล้วนเกิดขึ้นตามวาสนาบารมีที่เคยบำเพ็ญมา หาใช่สิ่งที่มันปรุงแต่งขึ้นมาเองไม่

บนโลกนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี การพลัดพรากก็ดี การไม่ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาก็ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นตามกระแสแห่งกรรม ที่ผู้รับนั้นได้เคยกระทำไว้ในกาลหนหลัง ไม่มีสิ่งใดที่จะมาหักล้างกันได้

จะไปบนบานที่ใดก็ตามแต่ ถ้าสิ่งที่เรากำลังเจอนั้นเป็นวิบากของกรรมแล้ว เทพองค์ใดก็ไม่สามารถช่วยได้... สิ่งที่ช่วยได้ คือการมีสติและเผชิญหน้ากับมัน การทำกุศลให้ถึงพร้อมนี่แหละวิธีการรับมือกับวิบากกระแสแห่งกรรม

โอวาทธรรม
หลวงปู่สุธัมม์ ธัมมปาโล
วัดเทพกัญญาราม อ.เมือง จ.สกลนคร






การที่จิตมันจะดีขึ้นไปได้
มันก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ
ไปด้วยความเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อ
การที่เรามีอุบายสามารถ
ระงับเรื่องวุ่นวายต่างๆ
ทั้งภายในใจตัวเองและทั้งภายนอก
ให้มันสงบระงับลงไปได้ครั้งหนึ่งๆ
นี่เราก็ได้ความรู้ความฉลาด
ขึ้นส่วนหนึ่งแล้วจิตใจก็รู้สึกว่าดีขึ้น
เข้มแข็งขึ้นกว่าเก่า
นี่การฝึกจิตนะให้พากันเข้าใจ

#คติธรรมคำสอน
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต







“อย่าคิดว่าตัวเองบุญน้อยวาสนาน้อยแล้วมาพูดให้ตัวเองท้อแท้ คิดแบบนั้นมันไม่ถูก ถ้าคิดว่าตัวเองบุญน้อยวาสนาน้อยก็รีบสร้างเสริมบารมีให้กับตัวเองให้มากยิ่งๆขึ้นไป ทำให้เต็มที่ ๆ ตัวเองทำได้ คนที่เขามีปัญญาเขาจะมุ่งหน้าทำเอา คนไม่มีปัญญาก็รอเอาแต่ลมแต่แล้ง สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ”

“ให้พิจารณาความตาย (มรณานุสติ) “นั่งก็ตาย นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินก็ตาย” ทุกคนมีความตายเป็นที่สุด ตายทุกเพศทุกวัย ตายได้ทุกกาลเวลา เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ให้เว้นจากความชั่ว สร้างสมคุณงามความดี สร้างบุญ สร้างกุศล ไว้เป็นที่พึ่งของตน เมื่อล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้ว ”

“อวิชชามันพาให้เกิด เมื่อถึงจะต้องตาย ก็ขอปลดอวิชชาไว้ข้างหลัง ให้เข้าป่าเข้าดงไป เราไม่ต้องการอีกต่อไป ขอให้เชื่อจิตเชื่อธรรมนั้นเถิด เป็นเอกในโลกทั้งสามนี้แน่นอน ถ้าปฎิบัติได้ ปฏิบัติจริง ปฎิบัติถูก ปฎิบัติตรง ปฎิบัติชอบ และพิจารณาได้ พิจารณาจริง พิจารณาถูก พิจารณาตรง พิจารณาชอบ แน่นอนมรรคผลนั้นคงอยู่แค่เอื้อมนั่นเอง ”

“ทุกข์ในภพชาติสำหรับเรา ต่อจากนี้ไปไม่มีอีกแล้ว มันจบแล้ว การเดินทางในสายทุกข์ของเรามันสิ้นสุดแล้วในชาตินี้ ชีวิตธาตุขันธ์ที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ ก็อยู่เพราะเมตตาสงเคราะห์สัตว์โลกผู้ที่มีวาสนาร่วมกันเท่านั้น ธาตุขันธ์แตกดับวันไหน วันนั้นก็จบกันหมดทุกอย่าง ”

“อยากพ้นทุกข์ก็ให้ทำเอา พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ประทานให้เราไม่ได้ ถ้าอยากได้ก็ให้ลงมือทำด้วยตนเอง ความเกียจคร้านบ่เคยทำให้ใครเป็นอริยะมีแต่จะทำให้คนนั้นเป็นอะริแย่ คือแย่ลงไปเรื่อยๆหาความดีให้ตนเองไม่ได้”

“เทวดาเขาบ่ได้มักมนุษย์ ที่กาย เทวดาเขามักมนุษย์ ที่ศีลธรรมของผู้นั่น”ผู้มีศีลธรรมในใจ” เทวดาเขาสิเห็น รัศมีในจิตของผู้นั่น จิตผู้มีธรรมนี่ ใจมันสิงามในใสกว่ากายนอก เทวดาผู้เขามีใจทิพย์ใจธรรม เห็นมนุษย์ผู้นั่นแล้ว เขากะฮักกะหอมอยากเข้าใกล้”

“ ให้เป็นคนมีวิหารธรรมในใจ เฮือนชานบ้านช่องในจิตในใจให้เป็นไปในพุทธ ธรรม สงฆ์ ใจดวงนี้เอาอันใดใส่เป็นอันนั่น เอาบุญใส่ ใจเป็นบุญ เอาบาปใส่ ใจเป็นบาป ”

“ ธรรมชาติกิเลสมันบ่เคยส่งเสริมผู้ใดไปในทางดี มันมีแต่สิพาเฮาคิดไปในเรื่องบ่ดีไห่ใจเจ้าของเศร้าหมอง อดีตผ่านไปแล้วเอามาคิดใจเจ้าของกะเป็นทุกข์ เหตุปัจจุบันเป็นทุกข์ อนาคตมันกะผลเป็นทุกข์ ไห่ปฏิบัติดีเอาในปัจจุบันที่ตนเองมีอยู่ ปฏิบัติตนในศีลธรรมแล้วใจเจ้าของกะเป็นสุข ”

โอวาทธรรม:หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย







#อุบายให้จิตตั้งมั่น

"...จิตนี้เมื่อเราฝึกให้มันหยุดมันพัก ไม่ต้องคิด
ไม่ต้องปรุงแต่งอะไร มันอยู่นิ่งๆ ไปพอสมควร
อย่างนี้ มันก็จะมีกำลังเข้มแข็งดี มันก็เบิกบานดี
ฉะนั้น การภาวนาจึงขึ้นชื่อว่าเป็นการพักผ่อนจิตใจ
ในขั้นต้น เมื่อใจมีกำลังใจดีแล้ว จะทำอะไรต่อก็ตาม
ได้แก่ การคิด การพิจารณาเหล่านี้นะ สิ่งใดที่ยังไม่รู้
ยังสงสัย ก็กำหนดสิ่งนั้นมาพิจารณาให้มันเห็นโดย
แจ่มแจ้ง เมื่อเราจำกัดในการคิดพิจารณาให้มันอยู่
ในขอบเขตพอดีๆ อย่างนี้จิตใจมันก็ไม่เหนื่อย
ไม่อ่อนเพลียเท่าใดนัก มันได้สมาธิเป็นกำลัง
ดังนั้นให้พึงพากันเข้าใจความหมายของคำว่า
ภาวนา

เมื่อใจตั้งมั่นได้ดีแล้ว กิเลสเหล่าใดจะมาจูงใจ
ให้ทะเยอทะยานอยากไปในทางเป็นโทษต่างๆ
มันก็ไม่ไปตาม มันก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า
การที่บุคคลที่ต้องเสวยทุกข์ทรมานทั้งในโลกนี้ก็ดี
ในยมโลกก็ดี มันก็ล้วนแต่ปล่อยตนให้ไปตามอำนาจ
ของตัณหา อวิชชาทั้งนั้น

บัดนี้เรารู้ตัวแล้ว เราจะไม่ไปตามมัน เราจะหยุดนิ่ง
เราจะทำความรู้เท่าความคิด ความจำ ความหมาย
ต่างๆ ว่ามันไม่มีแก่นสาร ไม่ใช่ตัวใช่ตน มันไม่เที่ยง
อวิชชาตัณหาเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้นกับเราเลย..."

#ที่มา หนังสือ ๑๐๐ ปี ชาตกาล
พระสุธรรมคณาจารย์ ( หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ )






#ตายตั้งแต่ยังไม่ตาย

... " ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า เปิดเผย ไม่ปิดบัง
แต่คนประมาทไม่สามารถมองเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าได้ กลายเป็นของลี้ลับไป

จึงว่าเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ น่าอัศจรรย์มากๆ สำหรับผู้ที่ค้นคว้าศึกษา ผู้ที่ศึกษาพิจารณาเข้าถึงความลี้ลับที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็น

ถ้าหากว่าไม่สนใจ ไม่สนใจ มันก็เหมือนกับสัตว์โลกทั่วไป หามาเพื่อปากเพื่อท้อง หามาเพื่อความอยาก ไม่หายใจก็ตายไปไม่แตกต่างอะไรกันเลยกับสัตว์อยู่บนฟ้า อยู่ในน้ำ กับสัตว์อยู่บนบก เหมือนกัน ไม่หายใจตายเหมือนกันทั้งนั้น

หามาเพื่อปากเพื่อท้อง หามาเพื่อบำรุงความอยาก จะหามาเพื่อบำรุงบำเรอจิตใจที่หิวกระหายต่ออรรถต่อธรรมไม่มี

จิตใจในเมื่อมีการแสวงหา แต่มาเพื่อบำรุงบำเรอความอยาก ก็ไม่มีโอกาสที่จะไปแสวงหาอรรถหาธรรม เป็นการบำรุงหล่อเลี้ยงจิตใจไม่มี มีแต่แห้งผากตลอดกาล ในเมื่อแห้งผากตลอดกาล แห้งผากตลอดกาลนี่ละ คือคนตายจากความเป็นมนุษย์ ตายตั้งแต่ยังไม่ตาย "

พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร





#ไม่ใช่งานเบา

..." งานของผู้ที่จะหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา เป็นงานหนัก ไม่ใช่งานเบา จะหนักหนาสาหัสสากรรจ์แค่ไหนเพียงไรก็ช่าง ดีกว่าพอใจที่จะกลืนกินอาหารที่มันอยู่ในเบ็ดนั้น

... อาหารทั้งหมด คือเครื่องอยู่เครื่องเหย้าของกิเลสทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เสียบเบ็ดไว้ทั้งนั้น ไม่มีสักอัน ไม่มีสักอย่าง ที่จะไม่มีเบ็ดเสียบไว้ในนั้น กลืนเข้าไปคำว่าไม่ติดเบ็ดไม่มี

... คำว่า ลาภ คำว่ายศ คำว่าสรรเสริญ คำว่าสุข ในรูป เสียง กลิ่น รสอันนี้ คำว่าไม่มีเบ็ดเสียบไว้ไม่มี จะกลืนเข้าไปฟรีๆ โดยไม่กลืนเบ็ดด้วย เป็นไปไม่ได้ "

พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร






สติ สมฺปชญฺญ เทวฺ พหุการา
มีสติและสัมปะชัญญะ มีแต่ประโยชน์

ถ้าทำจังหวะให้ติดต่อกันเหมือนลูกโซ่
มีความรู้สึกอยู่ทุกขณะ ยืน เดิน นั่ง นอน คู้ เหยียด เคลื่อน ไหว
อย่าง ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้น

แต่เรามาทำเป็นจังหวะ พลิกมือขึ้น คว่ำมือลง ยกมือไป
เอามือมา ก้ม เงย เอียงซ้าย เอียงขวา กระพริบตา
อ้า ปาก หายใจเข้า หายใจออก รู้สึกอยู่ทุกขณะ
จิตใจมันนึกมันคิด รู้สึกอยู่ทุกขณะ

อันนี้แหละวิธีปฏิบัติ คือให้รู้ตัว ไม่ให้นั่งนิ่งๆ ไม่ให้นั่งสงบ คือให้มันรู้

รับรองว่าถ้าทำจริง ในระยะ ๓ ปี อย่างนาน
ทำให้ติดต่อกันจริงๆ นะ อย่างกลาง ๑ ปี
อย่างเร็วที่สุด นับแต่ ๑ ถึง ๙๐ วัน

อานิสงส์ไม่ต้องพูดถึงเลย
ความทุกข์จะลดน้อยไปจริงๆ
ทุกข์จะไม่มารบกวนเรา

หลวงพ่อเทียนจิตฺตสุโภ
วัดสนามใน





“ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน”

เรื่องของการครองเรือนก็อย่างงี้แหละ มันไม่มีความสุขแบบน้ำผึ้งพระจันทร์หรอก มันก็สุขใหม่ ๆ พออยู่ไปนิสัยเดิมของแต่ละคนก็ออกมา เวลาเจอกันใหม่ ๆ ก็มีแต่เอาอกเอาใจกัน แต่พอได้กันมาแล้วทีนี้ก็เปลี่ยนจากการเอาอกเอาใจกันมาเป็นเอาอกเอาใจตัวเอง เราก็อยากจะเอาใจเรา เขาก็อยากจะเอาใจเขา พอมันไม่ตรงกันมันก็เลยเกิดความทุกข์ขึ้นมา เกิดความไม่พอใจขึ้นมา แล้วถ้าทำไปนาน ๆ เข้า เดี๋ยวมันก็ตีกันทะเลาะกัน แล้วต้องแตกแยกออกจากกัน

เนี่ยพระเจ้าทรงสอนว่าถ้าอยากจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขนี้ ต้องสร้างธรรมะ ๔ ประการ ต้องมีธรรมะอยู่ ๔ ข้อด้วยกัน ๑. คือจาคะ ต้องเสียสละ ต้องเอาใจเอาอกเอาใจของเขา เอาใจเขา อย่าเอาใจเรา จาคะ แล้วก็ต้องมีสัจจะ ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่โกหกหลอกลวงกัน ไม่ใช่ไปทำอะไรอย่างหนึ่งแล้วก็กลับมาบอกว่าไม่ได้ทำอย่างงี้ มันก็จะทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันขึ้นมาได้ แล้วก็เวลามีเหตุการณ์ลำบาก เช่น ช่วงนี้ตกงานหรืออะไรก็ต้องใช้ขันติ ความอดทน พยายามทน อย่าไปโทษเขา อย่าไปว่าเขา ถือว่าเป็นภาวะของชีวิตที่มีขึ้นมีลง มีทุกข์มีสุขบ้างสลับกันไป เวลาทุกข์ก็ต้องอดทน ก็จะอยู่กันต่อไปได้

แล้วถ้ามีอารมณ์ขุ่นมัวอยากจะระบายออกมา ก็ต้องใช้ทมะ ทมะ แปลว่าการอดกลั้น อดทนก็คือทนต่อสภาพทุกข์ภายนอก อดกลั้นก็คือทนกับความคิดที่ไม่ดีที่จะส่งไปข้างนอก อยากจะด่าเขาอยากจะพูดคำหยาบอยากจะทำอะไรให้เขาเสียหายเดือดร้อนอย่างงี้ นี้เรียกว่าต้องมีทมะ ทมะแปลว่าการอดกลั้น ถ้ามีธรรมะ ๔ ข้อนี้แล้วจะอยู่ด้วยกันได้ คือมีจาคะ เอาอกเอาใจกัน เสียสละแบ่งปันให้กันและกัน มีสัจจะ มีความซื่อสัตย์ต่อกัน มีขันติ มีความอดทน แล้วก็มีทมะ ความอดกลั้น

ธรรมะหน้ากุฎิ
วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ตอบกระทู้