นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 ม.ค. 2025 11:32 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กระแสจิต
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 06 ก.ย. 2024 4:54 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4803
"..ฉะนั้นการทำสมาธิภาวนา จึงเป็นวิธีปฏิบัติต่อใจได้ดีและถูกทาง ยิ่งเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยแล้ว สติปัญญายิ่งมีความสำคัญมากในการตามรู้และรักษาจิต ตลอดการต้านทานทุกขเวทนาไม่ให้มาทับจิตในเวลาจวนตัว ซึ่งเป็นเวลาเอาแพ้เอาชนะกันจริง ๆ ถ้าพลาดท่าขณะนั้นก็เท่ากับพลาดไปอย่างน้อยภพหนึ่งชาติหนึ่ง เช่น ไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดใดก็ต้องเสียเวลานานเท่าชีวิตของสัตว์ในภพภูมินั้น ๆ ขณะที่เสียเวลายังต้องเสวยกรรมในกำเนิดนั้นไปด้วย ถ้าจิตดีมีสติพอประคองตัวได้ อย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่านั้นก็ไปเกิดในเทวสถาน ชมวิมานและเสวยทิพย์สมบัติอยู่นานปีถึงจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ลืมศีลธรรมที่ตนเคยบำเพ็ญรักษามาแต่บุพเพชาติ ทำให้เพิ่มอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารขึ้นโดยลำดับ จนจิตมีกำลังแก่กล้าสามารถรักษาตัวได้ การตายก็เป็นเพียงการเปลี่ยนร่างจากต่ำขึ้นไปสูง จากสั้นไปหายาว จากหยาบไปหาละเอียด จากวัฏจักรไปเป็นวิวัฏจักร ดังพระพุทธเจ้าและสาวกท่านเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิ เปลี่ยนเครื่องเสวยมาเป็นลำดับ สุดท้ายก็หมดสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นอะไรต่อไปอีก เพราะจิตที่ได้รับการอบรมไปทุกภพทุกชาติจนฉลาดเหนือสิ่งใด ๆ กลายเป็นนิพพานสมบัติขึ้นมาอย่างสมพระทัยและสมใจ ซึ่งล้วนไปจากการฝึกฝนอบรมจิตให้ดีไปโดยลำดับทั้งสิ้น.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒) จากหนังสือชีวประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน







“ลองดูสิว่า ได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง
เป็นของตัวเองแล้ว ทำให้ความอิจฉาพยาบาท
ความโกรธ ความโมโห นิสัยไม่ดีต่างๆ
หายไปหรือเปล่า เหมือนเดิมใช่ไหม

จริงอยู่ เจ้าของวัตถุวิเศษอาจจะได้ความสบายใจ
ว่าผิดพลาด หรือทำความไม่ดีแล้ว คงไม่มีผล
ทันตาเห็น ไม่มีใครลงโทษเราได้ แต่ความสบายใจ
แบบนี้อันตราย

ได้อะไรมา ความรอบคอบน้อยลง
ความประมาทเพิ่มมากขึ้น สิ่งนั้น
ไม่น่าเรียกว่าเป็นวัตถุมงคลสำหรับเรา”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ









เมื่อจิตเป็นสมาธิ หรือพูดง่ายๆ ว่า เมื่อเรามีสมาธิ จิตใจก็จะมีความเข้มแข็ง หนักแน่น มั่นคง แกล้วกล้า เข้าประจันกับสิ่งที่กำหนดหรืองานที่ทำ ไม่หดหู่ ไม่ท้อแท้ ถดถอย จะมีสติกำกับอยู่ ตื่นตัว หรือมีใจอยู่กับตัว ไม่ฟุ้งซ่านเลื่อนลอย จะมีความสงบ ซึ่งมาพร้อมด้วยความเยือกเย็น สบายใจ ความผ่อนคลาย ความเอิบอิ่มใจ ปลอดโปร่ง ผ่องใส และความสุข

ในภาวะจิตที่เป็นสมาธิ ความรำคาญ ความเร่าร้อน หงุดหงิดใจ ความเบื่อหน่ายนี่ อยากได้โน่น ความวิตกกังวล ความขุ่นมัวหม่นหมอง ความอึดอัดขัดใจ การสิ้นไป ไม่อาจแทรกแซงเข้ามาครอบงำ

ตรงข้าม จิตใจนั้นนุ่มนวล อ่อนโยน เบาสบาย พร้อมที่จะรับการฝึกฝนพัฒนา หรือการบ่มอบรมและปลูกฝังคุณธรรมทั้งหลาย เช่น เมตตา กรุณา คารวธรรม และความมีวินัย เป็นต้น กับทั้งพร้อมที่จะเรียนรู้ และใช้ความคิดอย่างได้ผลดี ทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนเจริญปัญญา จนเข้าถึงญาณที่หยั่งรู้สัจจธรรม....

คำสอนพระอาจารย์ ป.อ.ปยุตโต
วัดญาณเวศกวัน จ. นครปฐม






.ความสงบคือความสุข ไม่มีอะไรวุ่นวายเกิดขึ้น มีความสงบอยู่ด้วยกัน ด้วยความเมตตาต่อซึ่งกันและกัน นั่งอยู่ด้วยกันอย่างสะดวกสบาย ไม่คิดสิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่อซึ่งกันและกัน คิดแต่จะมีเมตตามีสามัคคีปรองดองกัน ไปไหนมาไหนก็เห็นกันซึ่งกันและกัน เป็นญาติธรรมด้วยกัน ได้มาทำบุญร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่จะไปพบกันอยู่ในวัดไหนก็ดี วัดใต้วัดเหนือ วัดทางไหนก็ดี ไปบ้านในเมืองในประเทศไหน ให้พูดกันแต่เรื่องที่เป็นผลเป็นประโยชน์ ที่จะทำให้ความสุขเกิดขึ้น เดินทางที่ถูกต้องแล้วก็ควรจะปฏิบัติในเรื่องอย่างนั้น เมื่อเราปฏิบัติในเรื่องนั้น ก็จะนำพาชีวิตของพวกเรานี้มีคุณค่ามีสาระมีประโยชน์ ได้ทำคุณงามความดีไว้เป็นที่พึ่งของตน บุญกุศลนี้แล หากเราเวียนวนอยู่ในวัฏสงสารยังไม่ถึงนิพพานเมื่อไหร่ ยังไงๆเราก็ต้องเกิดอีก แต่ขอให้ไปเกิดในที่ดีๆ มีความสุขทั้งกายและวาจาใจ มีทั้งโภคาทรัพย์สมบัติอำนวยความสะดวกให้ ตามความปรารถนาของพวกเรา ตามที่มีความปรารถนาเอาไว้..

#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่






ทวนกระแส

ลักษณะจิตใจของเรา โดยมากก็ไหลไปทางต่ำอย่างนั้น ถ้าหากเราจะปล่อยไปตามอารมณ์ ก็เรียกว่า เราไม่แก้ไข หรือเราไม่ฝึกหัด เราไม่ดัดแปลง

เรื่องฝึกหัดบรรดาสัตว์ทั่ว ๆ ไป เขาก็จะต้องมีการผูก การมัด มีการแนะ การนำ มีการตบ การตี ไปตามเรื่อง จนกว่าจะให้มันทำไปตามความมุ่งหมายของเราผู้ฝึกหัด

ลักษณะของจิตใจของเรา ก็ทำนองเดียวกัน หากเราอยากจะแก้ไขให้เป็นไปตามเรื่องของเรา เราก็ต้องทวนกระแส ฝึกหัดใจของเรา ให้มันเป็น ถ้าไม่เป็นคราวนี้ ก็ต้องเอาคราวหลังเรื่อยไป อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ไม่ยอมให้เป็นไปตามอำนาจของเขา

ถ้าหากมีความมักง่าย ก็เอาความละเอียดลออ มาแก้ไข เรียกว่า ธรรมะแต่ละอย่าง ที่มาแสดงขึ้นทางด้านจิตใจ หรือเรียกว่าโรคทางใจ แต่ละอย่างที่มันแสดงขึ้นมาปรากฏ ตามอาการจิตใจที่แสดงออกมา เราก็เอาธรรมะตรงกันข้ามนั้นหละ มาแก้ไป

ตามธรรมะ เรียกว่า เป็นลักษณะทวนกระแสจิตใจ ไม่ให้เลยไปตามกระแสของใจ ลักษณะที่ตามกระแสของใจ อยู่ล่องลอยไปตามกระแส เรียกว่า เราปล่อยเลยไปกับมัน โดยไม่แก้ไข คล้าย ๆ กับว่า กระแสน้ำ มันไหลไปยังไง ก็ปล่อยมันไหลไปตามทางต่ำเรื่อยไป ถ้าหากเราจะทวน มันก็ต้องมีสิ่งกดดัน มันก็จะทวนขึ้นมาเอง

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
พระเทพวิสุทธิมงคล
วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด







“ #ภาวนาสร้างสติของเราให้มั่นคง
#ทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็ง
พอถึงเวลาเราต้องพิจารณาดูว่า
เราน้อยใจเขาได้ประโยชน์อะไร
เขาก็ตาย เราก็ตาย
#ในที่สุดระหว่างมีชีวิตอยู่ #เขาก็ทุกข์ #เราก็ทุกข์
เราเองน้อยใจเขา เราคิดมากอยู่คนเดียว
เขานอนหลับสบาย ”

โอวาทธรรม
พระคุณหลวงปู่ประเสริฐ สิริคฺตโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 152 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO