นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 15 ม.ค. 2025 11:57 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ตัณหา
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 11 ก.ย. 2024 4:23 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4803
"..กลัวแต่คนอื่นจะเห็นตับไตไส้พุงของตัว แต่ตัวเองไม่สนใจดูตับไตไส้พุงและจิตใจของตัวว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในนั้น มัวเพลินดูเพลินฝันเพลิดคิดแต่ภายนอก ไม่สนใจคิดเข้าภายในกายในจิตของตัวบ้าง จะหาความฉลาดรอบรู้มาจากไหนนักปฏิบัติเรา ผู้ปฏิบัติเพื่อรู้หลักความจริงต้องดูตัวดูใจอันเป็นมหาเหตุก่อเรื่องต่างๆ มากกว่าดูสิ่งภายนอกหรือสิ่งอื่นใด และแสดงวิธีรักษาปฏิบัติตัว ปฏิบัติใจ ด้วยความระมัดระวังในอิริยาบถต่างๆ ด้วยความมีสติและปัญญา ระลึกรู้ไตร่ตรองในเหตุการณ์ที่มาเกี่ยวข้องกับตน ด้วยความไม่ประมาทและชินชากับสิ่งใดในแดนสมมุติ ซึ่งล้วนเป็นแดนแห่งทุกข์และความเกิด-ตายของสัตว์โลกทั้งมวล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒) จากหนังสือชีวประวัติของหลวงปู่ขาว อนาลโย โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน







...มาสังเกตุเบิ่งแน ไทยฟากชี ฟากมูลยุนี้พากันเล่นเกมเด้นิพระเฮา เป็นหยังมาเป็นจั่งซั้น มาเล่นเกม มาหาดูประวัติพระพุทธเจ้ามันสิบ่ดีกว่าบ้อ เอาหนังสือพระไตรปิฎกมาดูบ่ดีกว่าบ้อประวัติพระพุทธเจ้า พากันเล่นเกมมันได้อิหยัง มันเป็นจั่งใด๋มันคือติด ช่วงเข้าพรรษาให้พากันเก็บโทรศัพท์ไว้ พากันทำความพากความเพียร กะซั้นมันสิตายดับแนวเด้พระกรรมฐานเฮา มันไปทางนอกเหมิ๊ดละ

"..เห็นทางจงกรมว่าแมนเสือหมูบยุหั่น ย้านฮอดทางจงกรม มันย้านข้อวัตรมันสิได้อิหยัง.."

พระราชมงคลวชิรธรรม
หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม

วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร








#ตัณหา
"..ตัณหา คือ ความดิ้นรนทะยานอยาก
จำแนกเป็น ๓ คือ

กามตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปในกาม
กาม คือ ตัวความน่ารักใคร่ปรารถนาพอใจ
หรือ อารมณ์ที่น่ารักใคร่ปรารถนาพอใจทุกๆ อย่าง
อารมณ์ ได้แก่ เรื่องต่างๆ ที่ใจคิดนึก
หรือ ที่เก็บไว้ในใจ หรือ ที่ใจผูกพันอยู่

ภวตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปในภพ
คือ ความเป็นนั่นเป็นนี่ ตั้งต้นแต่อยากจะเป็นอะไร
ที่จะเป็นเจ้าของแห่งอารมณ์ที่น่าปรารถนา

วิภวตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากไปใน
ความไม่เป็นนั่นเป็นนี่ คือ เมื่อเป็นอะไรอยู่ไม่ชอบใจ
ก็ดิ้นรนฯ เพื่อจะไม่เป็นอย่างนั้น เป็นความอยาก
ในด้านการทำลายล้างภาวะที่เป็นอยู่ตลอดจนถึง
ความตาย

ความอยากที่มีเป็นธรรมดา ไม่เรียกว่าตัณหา
แต่ความอยากที่เป็นไปเกินพอดี
หรืออยากในทางที่ผิด จึงเรียกว่าตัณหา
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี.."

#ที่มาหนังสือ : พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ?
สมเด็จพระญาณสังวร ( เจริญ สุวฑฺฒโน ) วัดบวรนิเวศ กทม.








" ในเมื่อวัดท่าขนุนของเราเน้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรมด้วย เราทั้งหลายก็อย่าได้ปล่อยเวลาให้ล่วงไปเปล่า ๆ เนื่องเพราะว่าทุกลมหายใจของเรานั้นก็คือความตายที่รออยู่ หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน..!

แล้วปัจจุบันนี้ยังมีความรู้ผิด ๆ พลาด ๆ ที่บรรดาผู้ที่คิดว่าตนเองรู้ นำมาสั่งสอนอีกต่างหาก ถ้าเราพลาดไปเชื่อเข้าก็จะหลงทางออกจากความดีไปเลย
....
....
ส่วนอีกรายหนึ่งก็ถือว่าเป็นยูทูบเบอร์เลย ท่านบอกว่า "การที่จะไปไหว้เจดีย์ ไปไหว้ต้นโพธิ์ที่อินเดียมีประโยชน์อะไร ? เพราะถ้าหากว่ามีประโยชน์จริง พวกคนอินเดียที่นอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์เลย ป่านนี้ก็ร่ำรวยกันหมดแล้ว" นี่ก็ฟังดูเหมือนจะใช่

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ยูทูบเบอร์ท่านนั้นกำลังกล่าวตู่พระพุทธเจ้า เพราะว่าแม้พระองค์ท่านยังกล่าวว่า ถ้าหากว่าสิ้นพระองค์ท่านไปแล้ว สังเวชนียสถานทั้ง ๔ คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน เป็นสถานที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนพึงไปกราบไหว้เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง
.
คราวนี้สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ตลอดจนแสดงปฐมเทศนานั้น อันดับแรก ถ้าหากว่าเราไปกราบไหว้บูชา สิ่งที่จะได้ก็คือการปฏิบัติกรรมฐานกองที่ใหญ่ที่สุด ก็คือพุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ แล้วท่านไปกล่าวว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย..!

ประการที่สอง เรื่องนี้บางท่านสัมผัสได้ บางท่านสัมผัสไม่ได้ คือสถานที่ซึ่งมีพระอรหันต์ท่านบรรลุมรรคบรรลุผลที่นั่น โดยเฉพาะจอมพระอรหันต์อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พลังงานความดีที่หลงเหลืออยู่บริเวณนั้นสูงมากเป็นพิเศษ ใครตั้งใจไปปฏิบัติธรรมที่ตรงนั้น แทบจะไม่ต้องควบคุมจิตของตนเองเลย

เพราะว่ากระแสพลังงานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าเหล่าพระอรหันต์ท่านทิ้งเอาไว้ จะโยงจิตของเราให้เข้าถึงสมาธิได้รวดเร็วมาก จิตสงบลงได้มาก และอาจจะสงบลงทันทีทันใดเลยก็ได้ แล้วหลังจากนั้น เราจะใช้ความสงบระงับนั้นไปก่อให้เกิดปัญญาเพื่อพิจารณาธรรมอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเราเอง

ในเมื่อท่านเองไปกล่าวเพราะอาศัยคำสวดที่บอกว่า มนุษย์เป็นจำนวนมากเมื่อขาดที่พึ่ง ก็วิ่งไปหาต้นไม้บ้าง ภูเขาบ้าง เจดีย์บ้าง กราบไหว้บูชาเพื่อขอเป็นที่ระลึก นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ไม่ใช่ที่พึ่งอันอุดม หากแต่การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ต่างหากจึงเป็นที่พึ่งอันเกษม เป็นที่พึ่งอันอุดม

ท่านเองไปเอาท่อนแรกมา แล้วก็บอกกล่าวแก่ผู้ติดตามของท่าน โดยที่ไม่ได้ดูท่อนต่อไปว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้นั้น ก็เพื่อให้กำลังใจของคนได้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกถึง เป็นเครื่องยึด

เมื่อได้ฟังท่านกล่าวแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกสงสารมาก เพราะพบมามากต่อมากด้วยกันแล้วว่า บุคคลที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ตำหนิพระพุทธ ตำหนิพระธรรม ตำหนิพระสงฆ์ โดยปราศจากความยั้งคิด ในภายหลังต้องได้รับทุกข์รับโทษอย่างไร..!
.
แล้วโดยเฉพาะเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ท่านทั้งหลายอย่าได้ไปเถียงด้วย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า บุคคลทั้งหลายนั้นไม่ควรกล่าวคำพูดอันเป็นเหตุให้เถียงกัน เนื่องเพราะว่าคำพูดอันเป็นเหตุให้เถียงกันนั้นย่อมทำให้พูดมาก บุคคลที่พูดมาก จิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่าน จิตใจย่อมห่างจากสมาธิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้เพียงนี้ แต่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า เมื่อห่างจากสมาธิก็ขาดสติ สิ้นคิด ไปกล่าวตู่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพบเข้า ก็ต้องรักษาใจของตนให้ดี อย่าไปโกรธ ไปเกลียด ไปชังใคร หากแต่ต้องมองเห็นว่า "สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราที่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็บอกกล่าวกับบริษัทบริวารของเราไป

ส่วนท่านเองไปเผยแพร่แนวคิดผิด ๆ แม้กระทั่งจะฉันอาหารเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ ก็บอกว่าฉันได้ ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็แปลว่าท่านเก่งเกินพระพุทธเจ้าไปแล้ว ยกท่านไว้เถอะ พวกเราทั้งหลายก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือว่าปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์ ที่ท่านยึดถือพระไตรปิฎกหรือวิสุทธิมรรคเป็นหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เราหลงออกนอกลู่นอกทางแบบนั้น

โดยเฉพาะนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ทุกคนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่อยากจะสอนคนอื่น กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่านั่นไม่ใช่ความคิดของเรา หากแต่เป็นการดลใจของกิเลสมาร เพราะไปเห็นว่าการสอนคนอื่นนั้น จะทำให้มีบริวารมาก มีชื่อเสียง มีลาภยศ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบ่วงมารที่จะร้อยรัดตัวเราให้ตกอยู่ในวัฏสงสารทั้งสิ้น ถ้าหากว่ากำลังใจของท่านยังอยู่ในระดับนั้น แปลว่าคุณสมบัติยังไม่เพียงพอที่จะไปสอนใคร สอนไปก็เหมือนกับ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" มีแต่จะพากันลงเหวลงห้วย ตายทิ้งเสียเปล่า ๆ..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)










"..อย่าปล่อยให้ตัวมานะ เข้าไปยื้อแย่งครอบครองศีลธรรมภายในใจได้ จะกลายเป็นผู้มีเขี้ยวมีเขาแฝงขึ้นมาในศีลธรรมอันเป็นธรรมชาติเยือกเย็นมาดั้งเดิม การฝึกหัดทรมานตนให้เป็นเหมือนผ้าเช็ดเท้าจนเคยชิน โดยไม่ยอมให้ตัวทิฏฐิมานะโผล่ขึ้นมา ว่าตัวมีราคาค่างวดนี้ เป็นทางก้าวหน้าของธรรมภายในใจโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นใจธรรมชาติ ไม่หวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน ใครจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะเทือน จิตที่ปราศจากทิฏฐิมานะทุกประเภทโดยประการทั้งปวงแล้ว ย่อมเป็นจิตที่คงที่ต่อเหตุการณ์ดีชั่วทั้งมวล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 157 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO