จะอธิบายเรื่อง #อานิสงส์ของการทอดกฐิน ทำไมจึงได้อานิสงส์มาก ได้บุญมากเสียเหลือเกิน คนที่ทำบุญทอดกฐินนี้
การทานผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องนุ่งห่ม เปลี่ยนผ้าให้แก่พระภิกษุนั้น อานิสงส์ที่จะได้ เกิดชาติใดภพใดย่อมได้มีร่างกายสวยงามหนึ่ง และได้ผ้าผ่อนท่อนสไบเครื่องนุ่งห่มไม่อดไม่อยาก
ทีนี้ถ้าเราทานบาตร ถ้าหากเราทำใหญ่ เกิดชาติใดภพใดจะเหมือนได้หม้อข้าวทิพย์ มีอาหารการกินบริบูรณ์ ไม่อดไม่อยากเหมือนกัน
นี่พูดถึงการที่เราทำเหมือนกับการบวชพระภิกษุองค์หนึ่ง
บุคคลใดพากันบริจาคทานมีดโกนและหินลับมีดโกน บุคคลนั้นจะได้สติปัญญาแก่กล้า เฉลียวฉลาดแหลมคม ถ้ามีดโกนนั้นปลงผมให้หมดจดสะอาด สติปัญญานั้นเองจะกำจัดกิเลสให้หมดให้สิ้นจากดวงใจนั้นในทางที่สุด ได้รับอานิสงส์
บุคคลทานด้ายทานเข็ม ก็เช่นกันจะเป็นบุคคลที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมแทงทะลุปรุโปร่งเข้าไปในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอานิสงส์
บัดนี้ บุคคลจะทานเตียงนอนหรือหมอนมุ้งก็ดีเป็นที่อยู่ที่นอน ก็เรียกว่าให้ได้ที่พักพาอาศัยที่อยู่ที่นอนเสื่อสาดอาสนะนั้น สะดวกสบายไปอยู่ที่ไหน เกิดชาติใดภพใดก็ดีก็ย่อมได้อานิสงส์สิ่งนั้น
บุคคลพากันทานเรื่องอาหารการกิน เกิดชาติใดภพใดก็จะได้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และมีอาหารการกินสมบูรณ์ ไปเกิดอยู่ประเทศไหนแห่งหนตำบลใด ไม่อดไม่อยาก ไม่เขียมอาหารการกิน สมบูรณ์ ไม่ทุกข์ยากเหมือนอย่างบางประเทศที่เขาไม่ได้ทำบุญ เขาอดเขาอยากยากแค้นเหมือนอย่างที่เราพูดกันอยู่ ไม่ไปเกิดในสถานที่อย่างนั้น คนทำบุญเรื่องบริจาคทานอาหารการกินถวาย
บุคคลทานยารักษาโรคภัยไข้เจ็บมาร่วมกฐิน เกิดชาติใดภพใดจะเป็นผู้ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนร่างกายตั้งแต่เล็ก จนถึงหนุ่มสาว จนถึงเฒ่าแก่ ไม่ได้ไปโรงพยาบาลสักที ร่างกายจะมีพลานามัยสมบูรณ์อยู่ตลอด เป็นอานิสงส์ของผลบุญ
บุคคลทานธูปทานเทียน ดอกไม้ก็ดีมาร่วมงานกฐิน เกิดชาติใดภพใดจะได้ดวงตาแจ่มใส หรือไฟฟ้าไฟฉายก็ตามแต่มาร่วมงานนั้น ก็เหมือนอย่างเดียวกัน จะทำให้ดวงตาสว่างไสว ตาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เป็นอานิสงส์ของผลบุญ
บุคคลที่ทานจอบทานเสียมก็ดีเป็นเครื่องพัฒนาสิ่งของต่าง ๆ ก็ทำให้เรามีพื้นที่ มีสวนลำไย มีสวนลิ้นจี่ สวนอะไร หรือทำถนนหนทางด้วยจอบด้วยเสียมให้คนเดินไปมาอย่างสะดวกสบาย บุคคลนั้นก็จะได้อานิสงส์ เดินไปไหนก็ได้ทางเดินสะดวกสบาย สะอาดสะอ้านเป็นอานิสงส์ผลบุญ
บัดนี้บุคคลจะทานพระพุทธรูป มาร่วมในงานกฐิน บริจาคพระพุทธรูปเป็นองค์แทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาไปตั้งไว้ที่ไหนให้คนสักการะกราบไหว้บูชา จะนำมาเป็นพลานิสงส์แก่บุคคลผู้บริจาคทานนั้น เกิดชาติใดภพใดจะเป็นคนรูปสวยสดงดงาม เป็นอานิสงส์ผลบุญอย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งนั้นจะเป็นคนที่ชักชวนบุคคลอื่นให้เข้าใกล้พระพุทธศาสนา เพราะเราเอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้บนศาลาหรือบนวิหารโบสถ์ก็ดี บุคคลทั้งหลายมาจากจาตุรทิศทั้งสี่ เมื่อมามองเห็นแล้วว่าพระพุทธรูปสวยสดงดงาม น่ากราบไหว้น่าบูชา เขาก็พากันมาดอกไม้มาบูชา พากันมากราบมาไหว้ เขาก็ย่อมได้บุญได้กุศล เพราะตนเองนั้นบริจาคทานพระพุทธรูปเอาไว้ นี่ก็ชักจูงคนอื่นให้เข้าทำคุณงามความดี เข้าใกล้พระพุทธศาสนา
อานิสงส์อีกข้อหนึ่งก็ดี เกิดชาติใดภพใดจะได้พบพระพุทธศาสนา ได้พากันทำคุณงามความดีสืบต่อไป เป็นอานิสงส์ผลบุญผู้บริจาคทานพระพุทธรูป
หากบุคคลทานพัดลมเครื่องพัดวีก็ดี เกิดชาติใดภพใดไปอยู่ที่ไหนก็ย่อมได้รับความร่มเย็นเป็นสุข มีพัดมีวี อยู่สถานที่สบาย ไม่ร้อน เพราะเป็นสิ่งที่คลายร้อน
บุคคลทานน้ำบริจาคน้ำเอาไว้เป็นน้ำดื่มก็ดี น้ำอาบน้ำใช้ก็ดี เกิดชาติใดภพใดก็จะมีน้ำใช้น้ำอาบสะดวกสบาย ไปเกิดในสถานที่มีน้ำอย่างสมบูรณ์ จะไปบ้านใดเมืองใดเราหิวน้ำ ย่อมมีคนเอาน้ำมาต้อนรับเวลาเราไป เราไม่ต้องเรียกดื่ม เขาจะเอามาต้อนรับ เพราะด้วยอานิสงส์ผู้บริจาคทานเอาไว้
บุคคลใดให้นั่งล้อนั่งเกวียนก็ดี นั่งรถนั่งเรือก็ดี เกิดชาติใดภพใดจะมีรถมีเรือนั่งไปสะดวกสบาย เป็นอานิสงส์ผลบุญ ถ้าหากไปเกิดอยู่บนสวรรค์ อยู่ในหอปราสาทราชมณเฑียรก็ดี บุคคลนั้นจะมียานทิพย์ลอยไปที่โน่นที่นี่ต้อนรับ ตั้งแต่เริ่มบุคคลนั่นล่วงลับดับกายไปก็จะมียานทิพย์มาคอยลงมารับวิญญาณของบุคคลนั้นขึ้นไปสู่สุคติ อันนั้นเรียกว่าทานยานพาหนะ
ทีนี้บุคคลจะทานอะไรไว้บ้าง มีหลายสิ่งหลายอย่าง ถ้าอาหารการกินก็รวมหมดแล้ว พริกเขือเกลือปลาร้าอะไร กระเทียมอะไร ผักกาดอะไร เครื่องอาหารทั้งหลาย รวมหมด ก็ย่อมได้อานิสงส์ดังที่กล่าวมาให้ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีอาหารการกินสมบูรณ์
องค์กฐินมีบริวารหลายสิ่งหลายอย่าง ใครจะทานผ้าผืนเล็กผืนน้อย ผ้าเช็ดหน้าก็แล้วแต่ เอาหมอนมาร่วมก็แล้วแต่ ใครจะเอาอะไร เอาสมุดดินสออะไร หนังสือธรรมะ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เช่น สมุดดินสอ หนังสือธรรมะ ก็ให้อานิสงส์ เกิดชาติใดภพใด เราบริจาคเอาไว้ จะเป็นคนรู้จักเรียนรู้หนังสือและเขียนหนังสือได้
คนทานหนังสือธรรมะ บริจาคทาน เกิดชาติใดภพใดเป็นคนมีสติปัญญาว่องไว เฉลียวฉลาด เพราะคนอื่นเขาอ่านแล้วเขาก็ย่อมมีปัญญาเกิดขึ้น ก็สามารถจะทำตนเองให้พ้นจากกองทุกข์ได้ด้วยสติปัญญาของตน เหมือนกับพระสารีบุตรท่านได้ทานพระไตรปิฎกเอาไว้ตั้งแต่ชาติอดีตที่ผ่านมา เมื่อสมัยพุทธกาลจึงเป็นผู้มีปัญญารององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อานิสงส์
บัดนี้ บางคนก็ทานปัจจัยเงินทอง เรียกว่าเงินบริจาคร่วมกันในการทำกฐิน จะทำมากทำน้อยก็แล้วแต่ เราก็ทำได้ เราอย่าไปคิดว่าเราทำน้อยเราไม่ทำ เราจะทำ ๒๕ สตางค์ ๕๐ สตางค์ บาทนึง สองบาท ตามกำลังของตน ถ้าเราไม่มี เรามีสิ่งอื่นเราก็ทำสิ่งอื่น เราทำบุญนั้น อย่าไปรังเกียจกองบุญของตนเอง ไม่ต้องไปละอายคนอื่น เรามีน้อยเราก็ทำไปตามน้อย เราก็ย่อมได้อานิสงส์ไปตามกำลังของตนที่ทำ เรียกว่ามีความพอใจที่จะทำ นี่เรียกว่าเราสร้างความดี
#หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ๕ ตุลาคม ๒๕๓๓
"... ดอกไม้ หอมทวนลมบ่ได้ ศีล สมาธิ มีอานุภาพหอมทวนลมเด้อ ..." ______________________ #หลวงปู่ผาง_จิตตคุตฺโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต จังหวัดขอนแก่น
"..ที่ว่าใจเป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งหลายในโลกนั้น คือใจเป็นผู้ปกครองสมบัติทั้งมวล แต่สิ่งทั้งหลายดังกล่าวดีหรือชั่วต้องขึ้นอยู่กับใจผู้เป็นใหญ่และรับผิดชอบ ถ้าใจพาชั่ว โลกแม้จะใหญ่โตเพียงไรก็มีทางบรรลัยได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นใจจึงควรได้รับการอบรมหรือศึกษา พอจะปกครองตัวปกครองโลกให้เป็นไปโดยความสะดวกปลอดภัยเท่าที่ควร ตัวก็เป็นบุคคลน่าอยู่ ไม่เดือดร้อนรำคาญ โลกก็เป็นโลกน่าอยู่ ไม่เป็นโลกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายจนเกินไป.."
โอวาทธรรม พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"..สิ่งใดเป็นไปเพื่อทุกข์ เป็นไปเพื่อโทษ ก็รีบชำระสะสางให้หมดสิ้นไปจากดวงใจของเรา ให้พึงเข้าใจในสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอมิใช่ว่าเราไม่รู้ คือให้รู้ภายในจิตใจของตน อย่าส่งรู้ออกภายนอกจิตใจของตน ให้พากันดูให้พากันฟัง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคนครบบริบูรณ์ ขณะนี้เราอยู่ในสมถกรรมฐาน คือความสงบ วางอารมณ์ภายนอกทังหมดได้ ไม่กำหนัดรักใคร่ยินดี ใจไม่หงุดหงิด ไม่ซึมเซา ไม่ท้อแท้ และไม่งมงาย เราอยู่ในวิปัสสนากรรมฐาน ก็ตัดหมด ตัดภพ ตัดชาติทั้งหลาย อารมณ์สัญญาที่เป็นไปตามกระแสโลกตัดหมด ไม่มีเหลือ เป็นเรื่องสมมตินิยมกันเท่านั้น จิตของเราเป็นวิมุติ หลุดพ้นไปหมด เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องทุกข์ เรื่องภัย ไม่มีอีกแล้ว นี้แหละเป็นข้อปฏิบัติ.."
อาจาโรวาท หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ. พรรณานิคม จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)
"บุญน่ะทำไปเถอะ มันจะเป็นสิ่งที่คอยเกื้อหนุนเราเอง ไม่ว่าชีวิตจะตกต่ำอย่างไร นอกจากความพยายามของเราแล้ว บุญก็เป็นสิ่งหนึ่งช่วยส่งเสริมเราได้ "
โอวาทธรรม หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
"..ศีล ธรรม นี่แหละคือของดี ศีล คือการนำความผิดความชั่วออกจากกาย ออกจากวาจา ธรรม ก็คือความดีที่ป้องกันไม่ให้ความผิดหวังความชั่วเกิดขึ้นใน กาย วาจา ใจ ทั้งศีล ทั้งธรรม ก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต่เราไปแยกสมมติ เรียกไปต่างหาก กาย วาจา ใจ ของเรานี้เป็นที่ตั้งของธรรม เป็นที่เกิดของธรรม เป็นที่ดับของธรรม ความดีก็เกิดจากที่นี่ ความชั่วก็เกิดจากที่นี่ สวรรค์ก็เกิดจากที่นี่ นรกก็เกิดจากที่นี่ เราจะรักษาศีล ภาวนา ให้ทาน ก็ต้องอาศัย กาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ เราจะทำความผิด ความชั่ว ไปนรกอเวจีก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ เราจะรักษาศีล ทำสมาธิ ภาวนา ให้เกิดปัญญา ทำมรรค ผล นิพพาน ให้แจ้ง ให้เกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้แหละ.."
ธรรมโอวาทโดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋งอ.พร้าวจ.เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๓๐–๒๕๒๘)
"..พระพุทธเจ้าต้องการให้จิตมันเห็นจิต มันไม่เห็นให้บริกรรมให้เห็น ต้องการให้มันเบื่อหน่าย ให้มันเห็นว่าไม่ใช่ตน สิ่งเหล่านี้ ธาตุทั้ง ๔ ก็ดี ล้วนตกอยู่ในไตรลักษณ์ทั้งนั้น อายตนะก็ดีตกอยู่ในไตรลักษณ์หมดทั้งนั้น เรามาสำคัญว่าหู ว่าจมูก ว่าตา ว่าลิ้น ว่ากาย ว่าใจเป็นของเรา เป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่น นั่งก็ให้มีความเจ็บ เจ็บบั้นเอว ปวดหลัง ปวดเอว ปวดขาอะไรนั้น สมาธิก็ต้องออก ท่านจึงให้สู้มัน ไม่ต้องหลบมัน เราจะสู้ข้าศึกก็ต้องอย่างนั้นแหละ ต้องมีขันติความอดทน ทนสู้กับความเจ็บปวดทุกขเวทนา ดูมัน จิตมันถูกอันใดอันหนึ่ง จะหาความสุขใส่ตนก็มีแต่ฝึกฝนทรมานตนนั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านว่า สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ ให้ทรมานจิตฟอกฝนจิตของเรา ฝนจิตให้มันว่าง ให้มันรู้เท่าความเป็นจริง ไม่ยึดมั่นถือมั่น จิตนั่นแหละจะทำประโยชน์มาให้ในชาตินี้ คือนำความสุข คือนิพพานมาให้ หรือจิตเรายังไม่พ้น ก็จะนำสวรรค์มาให้ นำเอาความสุขมาให้ตราบเท่าตลอดเวลา ตราบเท่าชีวิต แล้วมีสติคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป..''
หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
|