"..ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนนั้น ไม่ใช่ธรรมะที่เพื่อฟังเฉยๆหรือรู้เฉยๆ แต่เป็นธรรมะที่ต้องปฏิบัติ ต้องทำให้เกิดขึ้น ต้องทำให้มีขึ้นในใจของเราให้ได้ จะไปที่ไหนก็ให้มีธรรมะ จะพูดก็ให้มีธรรมะ จะเดินก็ให้มีธรรมะ จะนอนก็ให้มีธรรมะ จะทำอะไรๆก็ให้มีธรรมะทั้งนั้น คำว่า "มีธรรมะ" นี้ก็คือ จะทำอะไรก็ตาม จะพูดอะไรก็ตาม ให้ทำด้วยปัญญา ให้พูดด้วยปัญญา ให้นึกคิดด้วยปัญญา ผู้ใดมีสติ สัมปชัญญะ ควบกับปัญญาอยู่ตลอดเวลาแล้ว ผู้นั้นย่อมอยู่ใกล้พระพุทธเจ้าทุกเมื่อ.."
พระธรรมคำสอน พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"พระคาถาชินบัญชร"
เฮียคุงเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา ไปมาหาสู่วัดหนองป่าพง เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง วันหนึ่งมีเวลาว่างก็นั่งสวดคาถาชินบัญชรอยู่คนเดียว
หลวงพ่อได้ยินจึงถามว่า
"คุงสวดคาถาอะไร?"
เฮียคุงกราบเรียนว่า "คาถาชินบัญชรครับ"
หลวงพ่อจึงบอกว่า
"สวดดังๆ ให้ฟังด้วย"
เฮียคุงก็สวดดังๆ ถวายท่าน
เมื่อสวดจบแล้วหลวงพ่อกล่าวว่า
"คาถานี้ดีมาก พระอรหันต์ทั้งนั้นเลย"
#หลวงพ่อชา สุภัทโท
“ ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย.. ท่านจะทำกรรมอะไรที่ท่านอดทนไม่ได้ ทำไปเถอะขออย่างเดียว อย่าไปเผลอทำ อนันตริยกรรมก็แล้วกัน อนันตริยกรรมนั้น ถ้าทำลงไปแล้วเสื่อมจากมรรคผล นิพพาน ตั้งอยู่ในฐาน ปาราชิก คือ ผู้พ่ายแพ้ในพระพุทธศาสนา อย่าทำมันบาปหนัก ๑. ฆ่าบิดา ๒. ฆ่ามารดา ๓. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตขึ้น ๔. ฆ่าพระอรหันต์ ๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง ขัดผลประโยชน์กันแตกสามัคคีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดี๋ยวจะกลายเป็น "อนันตริยกรรม" ไม่รู้ตัว เช่นอย่าง หลวงพ่อวัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ ทั้งพระทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก ยกพวกขึ้นมารบกันถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป นั่นเป็น สังฆเภท
ในเมื่อ "สังฆเภท" แล้วก็เป็น อนันตริยกรรม ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน บาปนัก บาปหนาเพราะฉะนั้นการกระทำกรรม ให้ระวังอนันตริยกรรมให้มากๆ
และอีกอย่างหนึ่งถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริงท่านอย่าไปถือพวก ถือพรรค ถือคณะว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เราขอให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งถือพระศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นครูพระสาวกที่เผยแผ่ศาสนาอยู่ในปัจจุบันนี้ถอดแบบจากพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นการที่ถือพรรค ถือพวก ถือลัทธิแห่งการปฏิบัตินั้นย่อมยังส่อแสดงว่าเป็นผู้ยังมีกิเลส ยังมีอุปาทานในการยึดมั่นถือมั่นถ้าตราบใดที่เรายังยึดถือมั่นในพรรค ในพวก ในเรา ในเขาของเรา ของเขาอยู่ เราก็ยังไม่หมดอุปาทาน
บางทีคณะนี้..โจมตีคณะโน้น คณะโน้น..โจมตีคณะนี้ในทำนองนี้ ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์กันจริงๆ นั้นขอได้โปรดทำจิตให้เป็นกลาง ให้ปล่อยวางลงไปว่าผู้ประพฤติผิด เข้าใจผิด เป็นบุคคลผู้ที่น่าสงสารผู้ปฏิบัติถูก ทำถูกต้องและได้ผลดี เป็นบุคคลผู้ที่น่าอนุโมทนา “
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (คำสอนบางส่วนจากเทปพระธรรมเทศนา)
#การภาวนารักษาจิต "..จิต เป็นสมบัติอันสำคัญมากในตัวเรา" ที่ควรได้รับการเหลียวแลด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติมีค่ายิ่งของตน "วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะ ก็คือภาวนา"
ฝึกหัดภาวนาในโอกาศอันควร "ตรวจดูจิตว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไป" จะได้ซ่อมสุขภาพจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้างในวันหนึ่ง ๆ ที่นั่ง ๆ มีสาระประโยชน์ไหม "คิดแส่หาเรื่องหาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั่น พอรู้ผิดถูกของตนไหม"
พิจารณาสังขารภายนอกว่า "มีความเจริญขึ้นเจริญลง สังขารร่างกายมีอะไรใหม่" หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดลงไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการ
ให้ท่องในใจเสมอว่า "เรามีความแก่ ความเจ็บ ความตายอยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอกและป่าช้าฝังศพภายใน คือตัวเราเอง" เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้าแห่งศพ ที่นำมาฝังหรือบรรจุจะอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ทั้งศพเก่าศพใหม่ทุกวัน
"พิจารณาธรรมสังเวช พิจารณาความตายเป็นอารมณ์ ย่อมมีทางถอดถอนความเผลอเย่อหยิ่งในวันในชีวิตและวิทยาฐานะต่าง ๆ ออกได้" จะเห็นโทษแห่งความบกพร่องของตัวและพยายามแก้ไขได้เป็นลำดับ "มากกว่าจะไปเห็นโทษของคนอื่นแล้วมานินทาเขา" ซึ่งเป็นความไม่ดีใส่ตน
"นี่คือการภาวนา คือวิธีเตือนตน สั่งสอนตน ตรวจตราความบกพร่องของตน" ว่าควรแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง ใช้ความพิจารณาอยู่ทำนองนี้เรื่อย ๆ ด้วยวิธีสมาธิภาวนาบ้าง ด้วยการรำพึงในอริยบถต่าง ๆ บ้าง
"ใจจะสงบเย็น ไม่ลำพองผยองตัวและความทุกข์มาเผาลนตนเอง" เป็นผู้รู้จักประมาณในหน้าที่การงาน ที่พอเหมาะพอดีแก่ตน ทั้งทางกายและทางใจ ไม่ลืมตัวมั่วสุมในสิ่งที่เป็นหายนะต่าง ๆ คุณสมบัติของผู้ภาวนานี้มีมากมาย ไม่อาจพรรณาได้จบสิ้นได้.."
ถูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
อันไม้เท้าของข้าเจ้า ประเสริฐกว่า ลูกดื้อด้าน มารยา นะท่านเอ๋ย ไม้เท้ากันโคสุนัข ชะงักเลย สอดส่ายเสย นำทางกลางคืนดี หรือใช้หยั่ง ลงไปที่น้ำลึก ยังรู้สึกคุณไม้เท้าไม่ป่นปี้
อันไม้เท้านี้ มีคุณค่ากว่าลูกเนรคุณ
ธรรมะเตือนสติ จากลายมือ
#หลวงปู่ลี ตาณํกโร
18 ต.ค. 2567
"พระไปยุ่งกับการหาเงินก่อสร้างวัด เป็นสิ่งที่น่าเกลียด แต่ให้พระสร้างคน คนจะสร้างวัดเอง"
หลวงปู่ชา สุภัทโท
"คำสอนทางพระพุทธศาสนา เปรียบเหมือนยารักษาโรค ท่านค้นคว้าหายาแล้ววางไว้ต่อหน้าเรา ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ แต่ท่านบังคับให้เราทานยานั้นไม่ได้ การทานยานั้นเป็นหน้าที่ของเราต่างหาก"
พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ
"ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ก็ล่วงไปๆ ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ไม่ควรนอนใจ เวลาล่วงไป ชีวิตของเราก็ล่วงไป ล่วงไปหาความตาย
ให้เร่งทำคุณงามความดี ทำบุญ ทำกุศล ให้ทาน รักษาศีลภาวนาอย่าให้ขาด ทำสมาธิภาวนาให้มีสติระวัง
คนไปสวรรค์เท่ากับเขาวัว คนไปนรกเท่ากับขนวัว วัวมี ๒ เขา แต่ ขนมันนับไม่ถ้วน"
หลวงปู่ขาว อนาลโย
"ผู้ที่ประสบภัยพิบัติ หรือผู้ที่ตกในสภาวะอับจน ก็ไม่ควรหมดอาลัยตายอยาก ควรทําจิตใจให้สงบระงับตั้งมั่นอยู่ ก็จะค่อยๆ หาทางออกให้แก่ตนได้ เพราะปัญหาทุกอย่าง ที่ไม่มีทางออกทางแก้ ย่อมไม่มีในโลก
ดูเอาเถอะว่า แม้แต่ปัญหาเรื่องความทุกข์ อันเกิดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระพุทธองค์ ก็ยังหาคําตอบไว้ให้ได้ สําหรับปัญหาอื่นๆ อันเล็กน้อย จะไม่มีคําตอบได้อย่างไร”
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
|