นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 22 เม.ย. 2025 6:58 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กรรมดีและกรรมชั่ว
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 28 ต.ค. 2024 5:10 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4896
"..กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน.."

คำพยากรณ์แต่โบราณนานมานี้ น่าจะบอกว่ายุคมืดจะมาถึง คือยุคที่คนดีจะถูกเหยียบย่ำ คนชั่วจะได้รับยกย่อง ซึ่งต้องเป็นผลของกรรมที่ได้ทำกันมา ทั้งกรรมชั่ว และทั้งกรรมดี กรรมที่เอื้อมมือมาถึงแล้ว อย่างไรก็ตาม

เราทุกคนพึงหลีกให้พ้นการเป็นมือแห่งกรรมชั่ว ที่จะเหยียบย่ำคนดี และหลีกให้พ้นจากการเป็นมือแห่งกรรมดี ที่จะยกย่องคนชั่ว เพราะจะเป็นการร่วมสร้างบ้านเมืองของตนให้สิ้นความงดงาม ที่จะเกิดจากกำลังใจของคนดี ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนดี บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยความเลวร้าย ที่เกิดจากกำลังใจของคนชั่ว ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนชั่ว

พึงรอบคอบในการดูให้รู้จริง ว่าใครดี ใครชั่ว รอบคอบในการฟังเสียงบอกเล่า จึงจะช่วยประเทศชาติให้สวัสดีได้ และช่วยตนให้พ้นบาปได้,

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก





"..การบวชเป็นพระตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นการทรมานใจ ทรมานสันดานของคนมีกิเลสที่ชอบในสิ่งที่หลักศาสนาไม่ชอบ แต่กลับไม่ชอบในสิ่งที่หลักศาสนาสั่งสอนให้ชอบได้เป็นอย่างดี ความลำบากเพราะการฝืนกิเลสอาตมาก็ทราบ แต่ก็จำต้องเข้ามาบวชเพื่อทรมานหัวใจตัวเอง การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยทราบว่าลำบากทุกระยะที่ฝืนทรมาน แต่ก็จำต้องทรมานเพราะอยากดี และอยากหลุดพ้นจากกรรมอันลามก คือกิเลสตัวไม่ยอมลงรอยเหตุผลและอรรถธรรมของพระพุทธเจ้า แม้การมาพักบำเพ็ญประพฤติตัวเป็นคนเหลือเดน ไม่คิดคุณค่าในชีวิตอยู่ในถ้ำเวลานี้ เพราะกลัวบาปกลัวกรรมนั่นแล มิใช่กลัวอะไรที่ไหน.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒) อ้างอิงหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ







…การปลีกวิเวกจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับผู้ปฏิบัติ เพื่อการหลุดพ้น

.ถ้าไปคลุกคลีจะเสียเวลา
เพราะจิตจะคิดทางด้านอื่น
จะคุยเรื่องโลก เรื่องรูปเสียงกลิ่นรสกัน
จิตก็จะฟุ้ง จะสงบยาก

.ถ้าอยู่คนเดียวจะไม่มีเรื่องอื่นมาดึงไป
จะอยู่กับธรรมอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นธรรมชัดขึ้นไปเรื่อยๆ
ดินน้ำลมไฟก็จะเห็นชัดขึ้น
อสุภะก็จะเห็นชัดขึ้น

.คือเห็นอย่างต่อเนื่อง เห็นอยู่เรื่อยๆ.
…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๑ กัณฑ์ที่ ๔๑๑
วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๓







"..ผู้ที่ยังไม่รู้หัวข้อธรรมอะไรเลย เมื่อปฏิบัติอย่างจริงจัง มักจะได้ผลเร็ว เมื่อเขาปฏิบัติจนเข้าใจจิต หมดสงสัยเรื่องจิตแล้ว หันมาศึกษาตริตรองข้อธรรมในภายหลัง จึงจะรู้แจ้งแทงตลอด แตกฉานน่าอัศจรรย์ ส่วนผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนมาก่อน แล้วจึงหันมาปฏิบัติต่อภายหลัง จิตจะสงบเป็นสมาธิยากกว่า เพราะชอบใช้วิตกวิจารมาก เมื่อวิตกวิจารมาก วิจิกิจฉาก็มาก จึงยากที่จะประสบผลสำเร็จ.."

โอวาทธรรมโดย
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
(พ.ศ.๒๔๓๑–๒๕๒๖)







เมื่อเราจับจิตได้ เรื่องก็จบเรื่องมันไม่จบ ตรงที่เราจับจิตไม่ได้ที่เราเป็นทุกข์กันทุกวันนี้ก็เพราะเราจับจิตไม่ได้ พอจับจิตไม่ได้ จิตมันก็ไม่รู้จริงพอจับจิตได้แล้ว เรียกว่า "สมาธิ"
เราเอาอารมณ์มาเป็นจิต เราเลยหาจิตไม่เจอ จิตดวงนี้ต้องการอันเดียว "ไม่ธรรมก็กิเลส ไม่กิเลสก็ธรรม"

พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อเพชร (อัญญา) วชิรมโน








พระบรมศาสดาของเราท่านให้เราพิจารณาธรรมะ ให้เห็นตามเป็นจริงของความเป็นจริง การเทศน์ให้ฟังการอบรมอะไรให้ฟังทุกอย่างก็เพื่อให้เห็นความจริง ให้รู้ความจริง.. รู้ธรรมะ
ครั้นรู้ความจริงแล้ว เราจะไม่มีอะไรมากล่าวถึง ไม่มีปัญหาและไม่มีเรื่องอะไรที่ถกเถียงกัน อย่างคนตาย.. เป็นอะไรหนอมันจึงตาย เป็นอะไรหนอมันจึงเจ็บ อย่างนี้.. ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาที่ต้องถกเถียงกันอีก มีแล้วก็หาไม่ เกิดแล้วมันก็ลับไป ท่านว่ามันก็เหมือนไม่มี เกิดแล้วมันก็ดับไป..ไม่ยั่งยืน..ไม่แน่นอน อันนี้คือหนทางเข้าไประงับทุกข์ ครั้นรู้เรื่องสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ความทุกข์นั้นมันจะบรรเทาครั้นไม่รู้เรื่องสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ความทุกข์มันจะทรงขึ้น.. ความทุกข์ทางใจ

พระธรรมเทศนา
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)








"..เราต้องการของดีคนดีก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไร ๆ ย่อมมีการฝึกกันทั้งนั้น โลกถึงได้เรียกกันว่า ฝึกงาน ฝึกสัตว์ ฝึกคน ฝึกตน ฝึกใจตลอดมา นอกจากตายเสียเท่านั้น จึงหมดการฝึกกัน สิ่งใดที่ทำยังไม่เป็น เมื่อต้องการเป็นในสิ่งนั้นก็จำต้องฝึก และฝึกจนเป็นการเป็นงาน เป็นคนดีสัตว์ดี รวมลงในคำว่าฝึกนี้ทั้งสิ้น จึงควรพิจารณาให้ถึงใจปฏิบัติให้เกิดผล คำว่าดีจะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)








จะกอบโกยกันไปถึงไหน
"สมบัติที่มนุษย์ต้องการไม่ทราบว่าจะกอบโกยเอาไปถึงไหน ครั้นได้มาก็เพียงแค่เอามาเลี้ยงชีวิตเท่านั้นแหละ เลี้ยงชีวิตให้มันนานตายหน่อย นั่นละประโยชน์ของมนุษย์สมบัติ เพียงแค่นั้นแหละ"

สิ่งที่ตามไปเมื่อ ตายแล้ว
"เมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีใครหอบเอาสิ่งที่ตนกระทำไว้นั้นไปด้วยสักคนเดียว แม้แต่ร่างกายก็ทอดทิ้ง เว้นแต่กรรมดีและกรรมชั่วที่ตนทำไว้เท่านั้นที่ตามจิตใจของตนไป"

พระธรรมคำสอน
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO