นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 22 เม.ย. 2025 5:54 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความสงบ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 19 พ.ย. 2024 6:29 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4897
#ถ้ายังไม่บรรลุธรรมอย่าเพิ่งไปสอนผู้อื่น

“ก่อนที่จะเผยแผ่ธรรมไปสู่ผู้อื่น ผู้เผยแผ่ควรต้องบรรลุธรรมให้ได้ก่อน #ถ้ายังไม่บรรลุธรรมอย่าเพิ่งไปสอนผู้อื่นเพราะจะทำให้ผู้อื่นหลงทางได้ และผู้สอนเองก็หลงทางไปด้วย ซึ่งถ้ายังไม่บรรลุธรรมแล้วกลับไปเข้าใจว่าตัวเองบรรลุธรรม ความคิดว่าตนบรรลุธรรมนั้นกับการที่ได้บรรลุธรรมจริงๆ ย่อมไม่เหมือนกัน ผู้สอนต้องมีความมั่นใจเสียก่อนว่าตนได้บรรลุธรรมจริงๆ ตนได้กำจัดกิเลสคือความอยากต่างๆ ที่มีอยู่ในใจได้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีความอยากอะไรหลงเหลืออยู่ภายในใจเราอีกต่อไปแล้ว เป็นที่แน่ใจว่าตนสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ สามารถสั่งสอนผู้อื่นได้ แต่ผู้ที่ไม่มีกิเลสความอยากหลงเหลือก็จะไม่มีความอยากที่จะสอนใคร เพราะคนที่ไม่มีความอยากหลงเหลือ อยู่เฉยๆ มันก็สบายกว่าที่จะต้องไปสอนผู้อื่น”

#พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑








"..พอออกไปจากที่นี่แล้วก็จะเที่ยวพูดอวดโลกเขาว่า ตนเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่น เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่น อย่างไม่มีเวลางับปากจนเขาเบื่อจะฟัง นั่นซิ ที่สำคัญตอนหนึ่ง ที่นี่อาจารย์มั่นเป็นพระป่าๆ แต่ลูกศิษย์อาจารย์มั่นโดยมากเป็นพระที่ทันสมัยนั่นซิ ตอนมันจะเน่าเฟะไปหมด ด้วยศิษย์อาจารย์มั่นประกาศขาย ผมจึงวิตกกับพระปฏิบัติเราที่จะแสดงตัวแผลงๆ ออกนอกลู่นอกทาง โดยอ้างเอาครูอาจารย์เป็นสินค้าหน้าร้านขายกิน ประการหนึ่งก็ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ท่าน แต่มิได้เข้าใจว่าเป็นประเภทกาฝาก คอยดูดเลือดท่านและประชาชนอย่างลึกลับ ประการที่สองก็ทำให้เขาเอือมระอาในการประกาศตน การกระทำ และการรบกวนต่างๆ ที่ไม่มีประมาณ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องทำลายตน ทำลายครูอาจารย์ ทำลายวงปฏิบัติและพระศาสนาให้เสียหายไปด้วยทั้งสิ้น.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"..ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ฉะนั้นผู้เห็นคุณค่าของตัวจึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลธรรมคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ เมื่อจากอัตภาพนี้จะมีสวรรค์เป็นที่ไปโดยไม่ต้องสงสัย ธรรมที่สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงสมบัติทุกอย่างในอัตภาพที่จะมาถึงในไม่ช้านี้แน่นอน.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






"..เวรกรรมนี่ เป็นของน่ากลัวมาก ไม่มีสิ่งใดที่จะแก้ไขได้ พิธีตัดกรรมตัดเวร ทำสะเดาะเคราะห์อะไรต่าง ๆ ก็ตาม แก้ไขไม่ได้ทั้งนั้นแหละ แก้ได้แต่เมื่อมีชีวิตอยู่ให้ "อโหสิกรรม" ซึ่งกันและกันนั่นแหละ ถึงแก้ได้.."

#พระธรรมเทศนา
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
(พ.ศ.๒๔๔๕-๒๕๓๗)







"..สงบจริงๆนั้น ไม่มีอะไรเลย แต่รู้สึกตนว่า ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องในที่นั้น นั่นล่ะความสงบแท้ แต่ว่าอันนี้พูดให้ฟังเพื่อเป็นอุบาย.."

" โอวาทหลวงปู่เทสก์ เทสรงํษี "

#พากันตั้งใจฝึกหัดปฏิบัติตามความสามารถของตน ถ้าหากคนเราไม่ปฏิบัติธรรมะ ก็จะไม่รู้จักธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ความสุขอันใดจะเสมอเหมือนความสงบไม่มี คำนั้นเป็นคำจริง ถ้าหากปฏิบัติไม่ถึง พอจะเดาๆ คิดนึกเอาเฉยๆ ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง อันความที่จะเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆจังๆ นี่เป็นของยากมาก ถึงหากเราเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ถ้าหากปฏิบัติลงไปถึงตรงนั้นแล้วจะเชื่อขึ้นมา อ๋อ! ตรงนี้หรอกคำที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้นั้นว่ามีความสุข ความสงบ อย่างนี้เป็นต้น

#ความสงบนั้นมันมีจากไหน คนเราโดยส่วนมากมันยุ่งมันวุ่นวายสารพัดทุกสิ่งทุกอย่าง แส่ส่ายไปในที่ต่างๆ มันหาความสงบไม่ได้ เหตุนั้นคนที่เชื่อว่า ความสงบเป็นความสุข จึงค่อยมีน้อยนัก เพียงแต่เดาๆ คิดๆ นึกๆ ไปเฉยๆ ที่จะให้ถึงความสงบจริงๆจังๆ มันต้องละทุกสิ่งทุกประการ อารมณ์ทั้งปวงวุ่นวี่วุ่นวายอยู่ในใจของตนหายหมด ไม่มีเกี่ยวข้อง ถึงซึ่งความสงบจริงๆจังๆ ถ้ายังไปเกี่ยวข้องเรื่องต่างๆอยู่ มันยังไม่ถึงความสงบขึ้นมาได้ ความตรงนี้ล่ะ ที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไม่เชื่ออย่างจริงๆจังๆ เราฝึกหัดนี้ฝึกหัดหาความสงบ ทุกอย่างทุกประการที่อบรมมาก็เข้าหาความสงบอย่างเดียว ความไม่สงบมันมีมาก อย่างเราตั้งแต่เกิดขึ้นมาก็หาความสงบไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งๆ ๒๔ ชั่วโมงจะเอาความสงบจริงๆจังๆ สัก ๕ นาทีก็ยังดี ๑๐ นาทีก็ยังดี นั่นล่ะเห็นแจ้งความจริงของพระพุทธเจ้าที่ทรงเทศนาไว้จริงในใจของเราเลย

#การฝึกหัดในทางพุทธศาสนาจะหัดวิธีใดก็ตาม ถึงกัมมัฏฐานจะหัดต่างครูต่างอาจารย์ก็ตาม ก็ลงสู่ความสงบอันเดียวกัน อย่างเขาหัดยุบหนอพองหนอก็ดี สัมมาอรหังก็ดี อานาปานสติ มรณสติอะไรก็ดี คือให้เข้าถึงความสงบนั่นเอง แต่แท้ที่จริงเมื่อถึงความสงบแล้ว ไม่รู้จักความสงบซ้ำอีก ยังหาว่าความสงบเป็นความโง่ไปโน่นซ้ำอีก ความโง่อย่างนี้เคยไหม? หัดให้ถึงความโง่อันนี้ ไม่ถึงความโง่ไม่ได้ความฉลาดหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันเสียก่อนนั่นแหละ มันไม่ฉลาดก่อนหรอก ความสงบ จึงว่า เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติ ที่เราปฏิบัตินั่นจะใช้อุบายแยบคายใดก็เอาเถอะ ที่ฟังเทศน์ฟังธรรมฟังอุบายจากครูบาอาจารย์ ทุกสิ่งทุกประการนั้นเรียกว่า อุบาย ครั้นเมื่อเข้าถึงความสงบแล้วนั้นเป็น แยบคาย

"..แยบคาย.." กับ " อุบาย " นั้นมันต่างกัน แยบคายนั้นใครสอนไม่ถูกรู้เฉพาะตนเองเป็นแยบคาย เข้าถึงความสงบแล้วนั่นแหละเป็นแยบคายของเรา แยบคายนั้นเมื่อถึงความสงบแล้ว เราจะเอามาสอนคนอื่นว่า ต้องทำอย่างนั้นๆ มันจึงเข้าถึงความสงบ อันนั้นเป็นอุบายอีก แยบคายแล้วมาเกิดเป็นอุบายของคนนั้น สอนคนอื่นต่อไป คนอื่นได้ฟังอีกก็เป็นอุบาย ครั้นเมื่อฝึกฝนอบรมเข้าถึงความสงบจริงๆ จังๆ เป็นแยบคายของแต่ละคน แยบคาย ก็คือ ตัวปัญญานั่นเอง จึงว่าพระพุทธศาสนานี้สอนให้เข้าถึงความสงบเสียก่อน จึงเรียกว่า สมถะ ถ้าไม่เกิดสมถะ ก็ไม่มี ปัญญา สมถะคือความสงบ ความสงบเกิดขึ้นมาในใจของตน มองเห็นหมดทุกสิ่งที่มันไม่สงบนั่น โทษของความไม่สงบเห็นที่นี่ เห็นแจ้งประจักษ์ในใจของตนเลย ชัดขึ้นมา นั่นล่ะคือตัว ปัญญา

#ถ้าไม่เข้าถึงความสงบจิตใจยังฟั่นเฝืออยู่ จิตใจยังกระวนกระวายเกี่ยวข้องอยู่ถึงชัดถึงจริงก็ไม่เป็นของชัดด้วยตนเอง มันยังปะปนด้วยอารมณ์ต่างๆ ด้วยกิเลสทั้งปวง จึงต้องกระสับกระส่ายอยู่ร่ำไป เมื่อเข้าถึงความสงบนั่นเป็นต้น ชัดด้วยตนเองเลยที่เดียว อ๋อ!…อย่างนี้หรอกความความสงบ ที่ท่านว่า "..ความสงบหาความสุขอันใดเสมอไม่ได้.." มันอย่างนี้เอง ถ้าพูดโดยอนุมาน เมื่อไม่มีสิ่งใดๆ ทั้งปวงหมดมาเกี่ยวข้องกับจิตแล้ว มันจะมีอะไรเหลือในที่นั้น? มันก็ไม่มีอะไรน่ะสิ อันที่มีสิ่งต่างๆ เกี่ยวข้องนั้น จิตมีสิ่งต่างๆ นั้นเรียกว่ามันไม่สงบ ไม่เห็นความสงบ

สงบจริงๆนั้น ไม่มีอะไรเลย แต่รู้สึกตนว่า ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องในที่นั้น นั่นล่ะความสงบแท้ แต่ว่าอันนี้พูดให้ฟังเพื่อเป็นอุบาย

#ถ้าคนใดเข้าถึงความสงบแล้ว เห็นด้วยตนเองเลย คราวนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไม่ว่าจะพูดจะคุยอะไรต่างๆ มองเห็นความสงบอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ในขณะนั้นจะไม่ได้ความสงบอย่างเต็มที่ มันก็คิดถึงความสงบ ระลึกถึงความสงบ เห็นความสงบอยู่ตลอดเวลา หากได้โอกาสเวลาว่างๆ เราทำความเพียร เดินจงกรม นั่งภาวนาก็ดี มันสงบ ยังเหลือแต่จิตอันเดียว ไม่มีสิ่งเกี่ยวข้อง มันก็สุขน่ะซีตรงนั้น มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง มันก็สุขนะซี คนที่ไม่เคยละสิ่งที่เกี่ยวข้อง เลยไม่เห็นความสุข เห็นว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องน่ะเป็นความสุขความสบาย โน่นละไปโน่นอีก มันยากที่รู้จักธรรมเห็นธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า

#เหตุนั้น จึงว่าตั้งใจปฏิบัติไปเถิดไม่เป็นไรหรอก เราปฏิบัตินี่ถูกต้องแล้ว ปฏิบัติมุ่งหาความสงบนั้นถูกแล้ว ความไม่สงบมันมากมาย มันเป็นเองหรอก ความไม่สงบน่ะ มันเป็นตามเรื่องตามราวของมัน ของไม่สงบนั่นมันหากมีในนั้น ฉะนั้นสิ่งที่มันสงบน่ะมันหายาก สิ่งที่ไม่สงบน่ะมันหาง่าย ไปที่ไหนๆ ก็พบหรอกความไม่สงบ

#เหตุนั้น ในชีวิตอันนี้ ขอให้ได้ความสงบสักพักหนึ่งเถิดในวันหนึ่งๆ ขอให้ได้ความสงบสักพักหนึ่ง ก็นับว่าดีอักโขแล้ว เอาละ.

#พระธรรมคำสอน พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิสิทธิ์ (เทสก์ เทสรํสี) วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (๒๔๔๕-๒๕๓๗)








ความสงบ ก็ไม่เที่ยง¹
ความคิดนี้ก็ไม่เที่ยง²
เพราะอาศัยใจไม่เที่ยง³

ทำอย่างไรหนอ...ใจมันจะเที่ยง พยายามรวบรวมกําลังใจของเราให้มีฐานที่ตั้ง ฐานที่ตั้งของใจ คือ สถานที่ฝึกสติสถานที่ฝึกสติก็มีกาย มีเวทนา มีจิต แล้วก็มีธรรม

หลวงพ่อเพชร (อัญญา) วชิรมโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO