นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 18 เม.ย. 2025 9:48 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สำรวมจิต
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 20 พ.ย. 2024 4:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4893
"เดินจงกรมกลับไปกลับมาก็ให้นึกพุทโธ อย่าได้ทิ้งพุทโธ

ผู้ที่ได้สมาธิขณะเดินจงกรมนี้ สมาธิไม่เสื่อมง่าย ตั้งอยู่ได้นาน จิตมันรวมลงไปได้ง่าย ส่วนร่างกายก็เบา มิเจ็บแข้งมิเจ็บขา เลือดลมไปมาสะดวก จะมานั่งก็นั่งได้นาน เดินตอนกลางวันก็ไม่อืดอาดอาหารถูกธาตุไฟเผาจนหมด

หากจิตรวมแล้วก็จะเห็นได้ว่า มีเทวดามายืนถือพานดอกไม้บูชาอยู่หัวท้ายทางจงกรม บางพวกก็พนมมือไหว้สาธุ สาธุ อยู่"
.
--- คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
สำนักชีบ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร






"..ผู้ที่มีคุณธรรมอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรืออริยสาวกผู้ที่ไกลจากกิเลสเหล่านี้เป็นต้น ท่านจึงหลีกเร้นไปอยู่ในที่อันสงบสงัด ปราศจากสิ่งที่รบกวน เป็นอย่างนั้นเพราะสถานที่เหล่านั้นเป็นที่บำเพ็ญความสงบสงัดของใจท่านให้ได้รับความร่มเย็น

เพราะฉะนั้นอย่างเรานี้ก็เหมือนกันผู้ที่เข้ามาฟัง เข้ามาวัดเข้ามาวาฟังเทศน์ฟังธรรมจำศีลภาวนาอย่างนี้ ก็เป็นการปลดเปลื้องภาระอันภายนอกให้คลายออกไปได้เปราะหนึ่ง
เช่นมารักษาศีลอุโบสถอย่างนี้เป็นต้นก็ทิ้งภาระตั้งแต่เช้าจนกระทั่งค่ำ จนกระทั่งรุ่งสว่างก็ปลดเปลื้องภาระของร่างกายออกไปจากใจจากกายได้ชนิดหนึ่ง

แต่ทีนี้การเข้ามาปลดเปลื้องอย่างนี้ด้วยรักษาอุโบสถ แต่บางทีใจนั้นยังกังวลวุ่นวาย คิดอาลัยสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องใช้การประหัตประหารอย่าให้สิ่งเหล่านั้นมาบั่นทอน บั่นทอนความดีของเราอันนั้นที่ตั้งใจจะบำเพ็ญให้เกิดขึ้น คือไม่ได้อะไรก็ให้นึกถึง พุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดบทหนึ่ง อย่าให้สิ่งนั้นเข้ามากวนใจของเรา เมื่อรู้ตัวอย่างนั้นแล้ว ก็พยายามระลึกอยู่ตลอดเวลา ใจนั้นก็จะบังเกิดความสุข คือ เกิดความสงบของหัวใจนั่นเอง

อย่างนั้นจึงเรียกว่า "ศีลบริสุทธิ์" ไม่ด่างพร้อย ไม่เศร้าหมอง ถึงซึ่ง "ความบริสุทธิ์ของสมาธิ" ได้อย่างนั้น นั่นเรียกว่า "ผู้ที่อบรมถูกทาง" ถูกต้องเรียกว่าตามกายวาจาใจ
พร้อมด้วยศีลและก็เข้าถึงสมาธิ อย่างนี้เป็นต้น.."

#พระธรรมคำสอน
พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท)
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
(พ.ศ.๒๔๕๙-๒๕๔๗)






"..เราไม่ควรปล่อยเวลาให้เสียไปกับอดีต กับอนาคต เพราะทั้งอดีตและอนาคตต่างก็เป็นธรรมเมาด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้เขาผ่านไป สิ่งใดที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มี ยังไม่เกิด ถ้าปัจจุบันดี อดีตมันก็ดี อนาคตมันก็ดี เพราะปัจจุบันเมื่อผ่านไป มันก็กลายเป็นอดีต ถ้ามันยังไม่ผ่านไป มันก็เป็นทางดำเนินไปสู่อนาคต เป็นเข็มชี้บอกอนาคต ดังนั้น เราต้องทำเหตุให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เราจึงจะได้สิ่งที่เราปรารถนา.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
(พ.ศ.๒๔๓๐–๒๕๒๘)








"..อย่าพากันประมาทนอนใจว่ากิเลสคือเชื้อแห่งภพความเกิดตายไม่มีทางสิ้นสุด เป็นของเล็กน้อยไม่เป็นภัยแก่ตน แล้วไม่กระตือรือร้นเพื่อแก้ไขถอดถอนเสียแต่กาลที่ยังควรอยู่ เมื่อถึงกาลที่สุดวิสัยแล้ว จะทำอะไรกับกิเลสเหล่านี้ไม่ได้นะ จะว่าไม่บอกไม่เตือน คนและสัตว์ทุกข์ทรมานมาประจำโลก อย่าเข้าใจว่าเป็นมาจากอะไร แต่เป็นมาจากกิเลสตัณหาที่เห็นว่าไม่สำคัญและไม่เป็นภัยนั่นแล ผมค้นดูทางมาของการเกิดตาย และการมาของกองทุกข์มากน้อยจนเต็มความสามารถของสติปัญญาที่มีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเป็นตัวเหตุชักจูงจิตใจให้มาหาที่เกิดตายและรับความทุกข์ทรมานมากน้อยเลย มีแต่กิเลสตัวที่สัตว์โลกเห็นว่าไม่สำคัญและมองข้ามไปมาอยู่นี้ทั้งสิ้นเป็นตัวการสำคัญ.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง
จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"..ศีล ธรรม นี่แหละคือของดี ศีล คือการนำความผิดความชั่วออกจากกาย ออกจากวาจา ธรรม ก็คือความดีที่ป้องกันไม่ให้ความผิดหวังความชั่วเกิดขึ้นใน กาย วาจา ใจ ทั้งศีล ทั้งธรรม ก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต่เราไปแยกสมมติ เรียกไปต่างหาก กาย วาจา ใจ ของเรานี้เป็นที่ตั้งของธรรม เป็นที่เกิดของธรรม เป็นที่ดับของธรรม ความดีก็เกิดจากที่นี่ ความชั่วก็เกิดจากที่นี่ สวรรค์ก็เกิดจากที่นี่ นรกก็เกิดจากที่นี่ เราจะรักษาศีล ภาวนา ให้ทาน ก็ต้องอาศัย กาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ เราจะทำความผิด ความชั่ว ไปนรกอเวจีก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ เราจะรักษาศีล ทำสมาธิ ภาวนา ให้เกิดปัญญา ทำมรรค ผล นิพพาน ให้แจ้ง ให้เกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้แหละ.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
(พ.ศ.๒๔๓๐–๒๕๒๘)








"..ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ฉะนั้นผู้เห็นคุณค่าของตัวจึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลธรรมคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ เมื่อจากอัตภาพนี้จะมีสวรรค์เป็นที่ไปโดยไม่ต้องสงสัย ธรรมที่สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงสมบัติทุกอย่างในอัตภาพที่จะมาถึงในไม่ช้านี้แน่นอน.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






การฟังธรรมเทศนา....เป็นบ่อเกิดให้เกิดความรู้ความเข้าใจในคําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้มีสติระลึกได้ว่า...พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น... ให้ทําอย่างนั้น, ห้ามอย่างนั้น และจะเป็นเครื่องเพิ่มพูน ปัญญาของตนให้มากยิ่งขึ้น ก็ทําให้ปัญญาดวงนี้สว่างมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น“ปัญญามีมากแก่บุคคลใด
ทําให้บุคคลนั้นเป็นผู้ประเสริฐสุด”

หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร







ถาม : ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความสำคัญของการสนทนานี้ด้วยครับ

ตอบ : ท่านต้องสำรวจตัวเอง รู้ว่าท่านเป็นใคร รู้ทันกายและจิตของท่าน โดยการเฝ้าดูในขณะนั่งภาวนา หลับนอน ขบฉัน จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ใช้ปัญญาในการฝึกปฏิบัตินี้ ต้องละความอยากที่จะบรรลุผลใดๆ จงมีสติรู้ว่าอะไรเป็นอยู่ การเจริญสมาธิภาวนาของเราก็คือ การมองตรงเข้าไปในจิต ท่านจะมองเห็นทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน อดทนอย่างยิ่งและต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้สาวกอยู่กับอาจารย์อย่างน้อยห้าปี ท่านจะต้องเห็นคุณค่าของการให้ทาน ของความอดทน และของการเสียสละ

อย่าปฏิบัติเคร่งเครียดจนเกินไป อย่ายึดติดกับรูปแบบภายนอก การจับตาดูผู้อื่นเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง จงเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดูสิ่งนี้อยู่ พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน จงใช้ให้เป็น แต่จำไว้ว่าความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์ คือการตั้งใจเฝ้าดูเจตนาและสำรวจจิต ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะขัดเคืองใจหรือไม่ ถ้าต้นไม้เล็กๆ ในป่าไม่สูงใหญ่และตรงอย่างต้นอื่นๆ นี่เป็นเรื่องโง่เขลา อย่าไปตัดสินคนอื่น คนเรามีหลายแบบต่างๆ กัน อย่าคอยแต่จะมั่นหมายที่จะเปลี่ยนแปลงใครๆ ไปหมดทุกคน

ดังนั้น จงอดทนและฝึกให้มีคุณธรรม มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และเป็นปกติตามธรรมชาติ เฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสงบสันติ

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO