นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 22 เม.ย. 2025 6:22 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 22 พ.ย. 2024 1:23 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4896
"..ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการกำหนดพิจารณาธรรม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีปรากฏอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็มีอยู่ ได้ยินอยู่ สัมผัสอยู่ ปรากฏอยู่ จิตใจเล่าก็มีอยู่ ความนึกคิด รู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่ ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอก ภายใน ก็มีอยู่ ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดา เขาแสดงความจริงคือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ เช่น ใบไม้มันเหลืองหล่นร่วงลงมา พินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายมีอยู่เสมอแล้ว ชื่อว่า ได้ฟังธรรมทุกเมื่อแล.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






"..ผู้สนใจในความรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน จึงควรปฏิบัติรักษาจิตด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม คือฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร เพื่อเป็นการตรวจตราดูเครื่องเคราของรถคือจิต ว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไปบ้าง จะได้นำเข้าโรงซ่อมสุขภาพทางจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงของใจ ว่าคิดอะไรบ้างในวันและเวลาหนึ่ง ๆ พอมีสารประโยชน์บ้างไหม หรือพยายามคิดแส่หาแต่เรื่อง หาแต่โทษ และขนทุกข์มาเผาลนเจ้าของอยู่ทำนองนั้น พอให้รู้ความผิดถูกของตัวบ้าง และพิจารณาสังขารภายนอก คือร่างกายของเรา ว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลงในวันและเวลาหนึ่ง ๆ ที่ผ่านไปจนกลายเป็นปีเก่าและปีใหม่ผลัดเปลี่ยนกันไปไม่มีที่สิ้นสุด สังขารร่างกายเรามีอะไรใหม่ขึ้นบ้างไหม หรือมีแต่ความเก่าแก่และคร่ำคร่าชราหลุดลงไปทุกวัน ซึ่งพอจะนอนใจกับเขาละหรือ จึงไม่พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอทำได้ เวลาตายแล้วจะเสียการ นี่คือการภาวนา การภาวนาคือวิธีเตือนตนสั่งสอนตน ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรจะแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"..ใครได้ความเกิดมา ก็คือคนนั้นจะได้ความตาย ความเกิดก็คือความตาย ความตายก็คือความเกิด สิ่งที่เกิดกับสิ่งที่ตายก็อันเดียวกัน ต้นไม้ที่เกิดกับต้นไม้ที่ตายก็อันเดียวกัน คนที่เกิดกับคนที่ตายก็คนคนเดียวกัน

ในเมื่อคนเกิดมา เกิดมาตาย แล้วตรงไหนจะเป็นคน ตรงไหนจะเป็นตัวตนของเรา ยังไม่ทันตายก็ไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะมันเสื่อม มันเสียไปทุกวัน คำว่าตาย ๆ เป็นการเสียครั้งสุดท้าย เสียจนหมดตัว แสวงหามา แสวงหามาตั้งแต่เกิด คืนทีเดียวหมด คืนเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟไป จึงว่าไม่มีใครได้อะไรไป สิ่งที่ได้ก็คือความตาย.."

หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร







พระพุทธเจ้าของเราท่านให้เห็นทุกข์ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ออกช่องนี้เลย พระอริยบุคคลออกช่องนี้ ถ้าไม่ออกช่องนี้จะออกช่องไหน ใครจะไปตรงไหนถ้าไม่ออกช่องนี้ก็ไม่มีทางออก

จะต้องรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดของทุกข์ รู้จักความดับทุกข์รู้จักข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์นี่ออกช่องนี้ พระโสดาบัน พระอริยบุคคลเบื้องต้นก็ออกตรงนี้ ไม่มีทางอื่นที่จะออก ถ้าไม่รู้จักทุกข์ออกไม่ได้ทุกๆ อย่างนั่นแหละมันทุกข์อย่างทุกข์ใจของเรานี่มันก็สารพัดอย่าง โยมเองก็เคยเป็นทุกข์กันมาแล้ว

วิธีปฏิบัติในทางพุทธศาสนาก็เพื่อแก้ทุกข์คือ ทำอย่างไรจะไม่ให้มันเป็นทุกข์ เมื่อความทุกข์เกิดขึ้นมาก็ตามหาว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร เออ... มันเกิดจากตรงนั้น ท่านก็ให้ทำลายเหตุตรงนั้นเสีย ไม่ให้มันเกิดขึ้นมา เพราะเห็นทุกข์เสียก่อนจึงรู้จักว่าทุกข์มันเกิดจากอะไร ก็ตามมันไปอีก จึงไปแก้ตรงนั้นว่า มันเกิดจากอันนั้นแล้วทำลายสิ่งที่มันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดไปเสีย ด้วยการขจัดมันไป ทุกข์สมุทัยแล้วก็นิโรธ คือ ความดับเช่นนั้นมันมีอยู่ จะต้องหาข้อปฏิบัติคือ มรรค เพื่อจะเดินทางไปดับทุกข์แก้ตรงนั้นมันจึงไม่เกิดทุกข์อย่างนี้พระพุทธศาสนาออกไปตรงนี้ไม่ออกไปที่ไหน

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)







วัดป่านี้ไม่มีพิธีอะไรมากนะ

การถวายทานไม่ต้องกล่าวคำถวายก็ได้รับ

ไม่ต้องว่า อิมานิมะยังภันเต

พวกเราพากันติดพิธี

ขนาดพวกเราพากันฆ่าวัวควาย

ยังไม่ต้องว่าอิมานิ

เรายังได้รับผลของกรรมเลย

โอวาทธรม

#องค์หลวงปู่ประเวศ_ปัญญาธโร
วัดป่าสามัคคีธรรมบ้านโจด อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
วัดป่าคลองมะลิ อ.มะขาม จ.จันทบุรี







"..คนไม่ฉลาดย่อมทำกรรมเป็นการทุจริต ด้วยกาย วาจา จิต เป็นอกุศลธรรม คือ อกุศล อันเป็นที่มาจากจิตที่ประกอบกับกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นมูลชวนให้ทำบาป อปุญญาภิสังขารเป็นปัจจัย อาศัยมาจากอวิชชา เป็นนายช่างผู้ปรุง ชวนจิตของคนผู้ไม่ฉลาดให้ทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลให้ผลเป็นโทษ ได้รับความเสวยทุกข์ทรมานกายและจิตใจ อาศัยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์จึงได้ทรงชี้แจง
แสดงพร่ำสั่งสอนชาวเราผู้ยังโง่ ยังไม่ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ว่า "สัพพปาปัสสะอะกรณัง เอตังพุทธานะสาสะนัง"อย่าทำกรรมอันเป็นบาปน้อยใหญ่ด้วยทั้งกาย วาจา ใจทั้งปวง นี่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เราเรียกว่าพระศาสดาดังนี้.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลน







#ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแค่นั้นเอง
"..โลกอันนี้เป็นโลกต่อสู้ ชีวิตอันนี้เป็นชีวิตต่อสู้ ให้ทำจิตทำใจของเราให้เป็นนักต่อสู้ ทุกข์ยาก อดอยาก เหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด ต่อสู้เอา
โลกอันนี้ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเอง
โลกอันนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเราหรอก เราเพียงเดินผ่านมา แล้วเราก็กำลังจะผ่านไป.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่แบน ธนากาโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร








"ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีการสูญเสียใดๆ
ที่น่าเสียใจเท่ากับการเสียเวลา
เสียเวลาเพียงหนึ่งวินาที
ก็เท่ากับสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต
อายุที่เราได้นั้นคือชีวิตที่เราสูญเสียไป"

หลวงปู่จันทร์ กุสโล







“อย่าเข้าใจว่าโกรธทีหนึ่งแล้ว ก็แล้วไปนะ
โกรธทุกที จะเพิ่มอนุสัยแห่งความโกรธ
คือ ความเคยชินแห่งความโกรธให้เข้มข้นทุกที
เราจะโกรธง่ายขึ้นทุกที”

ท่านพุทธทาสภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO