นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 14 มี.ค. 2025 1:48 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สติปัญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 08 ธ.ค. 2024 6:39 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4859
#มนุษย์_๗_จำพวก
"..มนุษย์ทั้งหลายมี ๗ อย่าง
๑.#มนุสสติรัจฉาโน ทำไมจึงว่ามนุสสติรัจฉาโน
ดูซิ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
คือมันขี้เกียจขี้คร้าน รับอาหารแล้วก็นอน ไม่รู้จักการกราบ ไม่รู้จักการไหว้ ไม่รู้จักการรักษาศีลภาวนา ทำบุญให้ทานอะไร เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานน่ะ มนุษย์เช่นนั้นแหละตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ดูเอาซิ พิจารณาเอาซี ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน

๒.#มนุสสเปโต ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่หัวใจเป็นเปรต
มันมีแต่โมโหโทโส อยากฆ่า อยากฟัน
ความทะเยอทะยานดิ้นรน มีพยาบาทอาฆาตจองเวร
ดูซิ ใจมันมีอาฆาต นี่แหละมนุสสเปโต ร่างกายเป็นมนุษย์ เมื่อดับขันธ์ไปแล้วก็ไปเป็นเปรต

๓.#มนุสสนิรเย ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นนรก
หัวใจเป็นนรก คือมันมืด มันกลุ้มอกกลุ้มใจ ให้ทุกข์ให้ร้อน ดูเอาซิ นั่นแหละนรก ดับขันธ์ไปแล้วก็ไปนรกซี่ ได้รับความทุกข์ยากความลำบากรำคาญ นี่มนุษย์เช่นนี้
ทีนี้ถ้าไม่ไปเป็นอย่างนั้น เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า หัวใจต่ำช้า อย่างอธิบายมาแล้ว ต่ำช้ายังไงล่ะ
เป็นใบ้บ้าเสียจริต หูหนวกตาบอด ปากกืด กระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุฏฐัง ตกระกำลำบาก แน่ะ มนุษย์หัวใจเป็นยังงั้น ถ้าเกิดเป็นมนุษย์อีกก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า
ดูซิ ใจเราทุกคน ไม่ว่าพระว่าเณร ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย
เอ้าดู อธิบายให้ฟัง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราไม่ต้องการก็เลิกก็ละเสีย ให้รู้จักดีรู้จักชั่ว รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักฟัง อธิบายให้ฟัง

๔.#มนุสสเทโว ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นเทวธิดา เทวบุตร หัวใจมีทาน มีศีล มีภาวนา รู้จักเคารพนอบน้อม รู้จักกราบรู้จักไหว้
ใจมีหิริโอตตัปปะ ละอายบาป กลัวบาป ใจเบิกบาน ใจสว่างไสว ใจดี
ดับขันธ์ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวธิดา เรื่องเป็นอย่างนั้น ดูเอาซิ

๕.#มนุสสพรหมา ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม หัวใจเช่นใด
มีพรหมวิหาร มีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่
หัวใจว่างไม่มีอะไร เหมือนกะอากาศนี้แหละ ว่างเปล่าหมด
เหลือแต่อรูปจิต ดับขันธ์ไปเป็นพรหม ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม อยากรู้ก็ดูเอาซิ ที่อยู่ของเราเป็นอย่างนี้ มนุษย์ทั้งหลาย

๖.#มนุสสอรหัตโต ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระอรหันต์
คือละกิเลส ละตัณหา กิเลสคือใจเศร้าหมอง
ตัณหาคือใจทะเยอทะยานดิ้นรนกระวนกระวาย
ท่านละกิเลสตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหาอุปาทาน ภพชาติ ละขาดในสันดาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ เมื่อดับขันธ์ไปก็เข้าสู่นิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ก็เป็นแต่มนุษย์ ได้แต่มนุษย์ซิ

เราจึงมาฝึกหัดอบรมบ่มนิสัยของเรา เพ่งเล็งดูซิ
เราอย่าดูอื่น เรานั่งอยู่ก็นั่งดูใจของเรา ไม่ได้ดูดินฟ้าอากาศนะ
ใจของเรามันเป็นอย่างไร เหมือนที่อธิบายให้ฟังไหมล่ะ มันไม่ดีตรงไหนก็แก้ไขซิ ทีนี้

๗.#มนุสสพุทโธ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้ ว่าเรื่องภพเรื่องชาติของท่าน บิดามารดาของท่านก็มี
บุตรภรรยาท่านก็มี ท่านเป็นมนุษย์ครือเรานี่แหละ
แต่ท่านประพฤติปฏิบัติ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
เป็นสยัมภู ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
ไม่มีบุคคลผู้ใดหรือใครแนะนำพร่ำสอน รู้ด้วยตนเองเป็นสยัมภู
รู้แจ้งแทงตลอดหมดซึ่งสารพัดเญยยะธรรมทั้งหลาย ไม่มีที่ปกปิด สัตว์ทั้งหลาย ตนของท่าน บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ญาณความรู้ความเห็นในบุพพชาติเบื้องหลัง
เป็นอะไร ๆ มา ท่านรู้หมด เรื่องมันเป็นอย่างนั้น
จุตูปาตญาณ จุติจากนี้ไปอยู่ในภพชาติใด ภพน้อยภพใหญ่ ท่านรู้หมด คือเหมือนอธิบายให้ฟังนี้ อาสวักขยญาณ สิ้นจากภพจากชาติท่านก็รู้หมด.."

โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
(เทศน์ ณ.วัดป่าอุดมสมพร เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ ๒๕๑๘) อ้างอิงที่มาของบทความ: คัดมาจากหนังสือ ๑๐๘ ปีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ประวัติ พระธรรมเทศนา และพระอภิธรรมสังคิณีมาติกาบรรยายธรรมบรรณาการในโอกาสฉลองอุโบสถวัดป่าไชยชุมพล (เสลียงแห้ง) จ.เพชรบูรณ์







โอวาทพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

"..การนอน การสงบเข้าฌาณ เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่ง สมถะ ต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วน วิปัสสนา จิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัจ เหนื่อยแล้วเข้าพักจิตพักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้ ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิต การเดินจิต ทั้งวิปัสสนาและสมถะ พระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้ ชำนิชำนาญทั้งสองวิธี จึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้ เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญา
มีศีลทั้งอย่างหยาบอย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิตเจตสิก พร้อมทั้งกรรมบถ ๑๐ ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้ง สว่างทั้งภายในและภายนอก มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์ วิมุติ อกุปธรรม จิตบริสุทธิ์ จิตปกติเป็นจิตพระอรหันต์ สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่ ปุถุชนติเตียนเกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์ กายเป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็นชาตินิพพาน นิพพานมี ๒ อย่าง นิพพานยังมีชีวิตอยู่ ๑ นิพพานตายแล้ว ๑.."

#พระธรรมคำสอน
พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
บันทึกธรรมโดย หลวงปู่หลุย จันทสาโร พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ วัดป่าโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี
(จากหนังสือ “บูรพาจารย์” โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๔







#ถึงเวลามันก็มาเองแต่ต้องสร้างเหตุให้ดีเสียก่อน
สมัยก่อน มีพระรูปหนึ่งท่านเห็นหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล มีทรัพย์ มีญาติโยมชอบมาหาและมาถวายปัจจัย ท่านก็เข้ามาหาแล้วมาถามว่า

"ท่านอาจารย์ผมอยากมีทรัพย์ มีลาภ มีคนมาหาอย่างท่านอาจารย์บ้าง จะทำยังไงครับ"
หลวงพ่อก็ตอบไปว่า
"ไม่ยากหรอก ท่านก็ไปนั่งภาวนาก่อน ไปนั่งหลับตาภาวนาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวถึงเวลาของมัน มันก็มาเองหรอก"
ท่านนั่งไป ๑ อาทิตย์ ท่านก็เดินมาหาหลวงพ่อแล้ว
บอกว่า

"ผมนั่งภาวนา ๑ อาทิตย์แล้วมันยังไม่ได้เลย "
ก็บอกท่านไปอีกว่า "นั่งจนกว่ามันได้โน่นแหละ ภาวนาไปจนกว่ามันจะได้ ภาวนาจนตายก็ช่าง เอาจนได้ "
#นี่แหละภาวนาด้วยความอยากมันจะได้อะไร
ภาวนาแค่อาทิตย์ไม่เอาจริง มันจะได้เรื่องอะไร
ภาวนาด้วยความอยาก ความอยากมันก็เหมือนผ้าม่านปิดบังแสงสว่างให้มิดนั้นแหละ มองไม่เห็นอะไร ม่านบังไว้หมด มืดหมด

ให้ตั้งใจว่า...จะได้ก็ช่างไม่ได้ก็ช่าง เขาจะให้หรือไม่ให้ก็ช่าง ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร
ถ้ามันเป็นของเรา ถึงเวลามันก็มาเอง ฯ

#พระพรหมวชิรคุณ
(หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล)
วัดเทพนิมิตสุดเขตแดนสยาม จ.เชียงราย
#ธรรมะ #อมตะธรรม









"กรรมของคนมันเยอะ เหมือนเกลือที่มันเค็ม
เติมน้ำไปมันก็ยังเค็ม แต่ถ้าเราหมั่นเติมน้ำไว้เสมอ
เยอะขึ้นๆ มันก็จางไปเรื่อยๆ ไม่นานมันก็หมดเค็มนะ

กรรมก็เหมือนกัน มันลบไม่ได้แต่จางได้
ขอแค่หมั่นเติมบุญไว้นะลูก"

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ






"... ทำอย่างไรเล่าจึงจะไม่เกี่ยวข้อง
... ในทุกข์แลสุข ทำอย่างไรจะได้รู้
... ว่าอันใดสุข อันใดทุกข์ จะรู้ได้ก็
... เริ่มต้นที่สติ ปัญญา สติ เป็นของตน
... ไม่ใช่ของใคร
... อย่าเอาความเกียจคร้าน มาทำความดี
... มันไม่เจริญ ..."
_______________________
#หลวงปู่จาม_มหาปุญฺโญ
วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร (พ.ศ.๒๔๕๓ -​ ๒๕๕๖)








"..อันนี้พระพุทธเจ้าก็ว่าอยู่ กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ การที่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นลาภใหญ่ เกิดมาชาติหนึ่ง ๆ แสนทุกข์แสนยากแสนลำบาก เราได้มาแล้ว เราเป็นผู้ไม่ประมาท รีบเร่งเอาทรัพย์ภายในไว้เสีย ความได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นลาภอันสำคัญ มนุษย์เป็นชาติอันสูงสุด เป็นสัตว์ใจสูง มีเมตตาซึ่งกันแลกัน ได้สมบัติมาดีแล้วก็รีบเอามัน รับทำเอาเสีย อบรมบ่มอินทรีย์ให้มันแก่กล้า แก่กล้ามันสุก สุกมันก็ดี หมากไม้มันสุกมันก็หวานไม่ใช่สุกแกมดิบ นอกจากอัตภาพร่างกายของเราแล้วสิ่งอื่นไม่มีเรื่องนอกธรรม เรื่องข้างนอกกว้างขวาง ต้องเข้ามาพิจารณาแต่กายกับใจของเราเท่านั้น อันนี้ได้ชื่อว่าเข้ามาใกล้แล้ว ใกล้เข้ามาทุกที ใกล้ทางพระนิพพาน เป็นผู้อยู่ต้นทางพระนิพพานก็ว่าได้เป็นผู้ไม่ประมาท เข้าใกล้เข้าทุกที ๆ ครั้นบารมีของเราพร้อมบริบูรณ์แล้วก็สามารถที่จะพิจารณาได้.."

อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖)







"การเสียสละนี้แหละ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแท้" ทุกท่านที่แสวงหาโมกขธรรม คือเป็นทางหรือเป็นปากทางแห่งการพ้นทุกข์

นั้นก็คือมีคำๆ เดียวเรียกว่า "ยอมเสียสละสิ่งทั้งปวง" นั่นเอง อันใดที่พวกเราทั้งหลายสละไปแล้วนั้นเราปล่อยไปจากกายก็เบากาย ปล่อยไปจากใจก็เบาใจ อันนี้คือการปฏิบัติที่พวกเรามุ่งแสวงหา ก็ไม่มีอะไรมากมาย ถ้าเรายอมเสียสละแล้วมันก็ถึงธรรมะเท่านั้นแหละไม่ต้องยาก ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องลำบาก

ผู้ที่ยังไม่ถึงธรรมะข้างในก็เอาธรรมะข้อปฏิบัติอันนี้มาทำกัน เช่น ขันติบารมี วิริยบารมี เมตตาบารมี ทั้งหลายเหล่านี้เป็นต้น มาเป็นขั้นตอนที่เราจะดำเนินในชีวิตของเราอยู่เสมอ อันนี้เป็นพี่เลี้ยงที่จะให้พวกเราทั้งหลายเข้าถึงธรรมะ จะให้ถึงปากถึงทางถึงโมกขธรรมอย่างที่เราปรารถนา

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)






คำถาม : การภาวนาเข้าไปเห็นจิตผู้รู้นั้น ทำอย่างไรครับ?

หลวงปู่ : ทำให้มากๆ ทำให้บ่อยๆ

คำถาม : ดูจิตแล้วเห็นปรุงแต่งเรื่องราวมากมาย ไม่ชนะ จะตามดับมัน?

หลวงปู่ : ต้องลำบากไปตามดับมันทำไม ดูแต่จิตอย่างเดียว มันก็ดับไปเอง มันออกไปปรุงแต่งข้างนอก มันเกิดจากต้นตอที่จิตทั้งนั้น หาแต่ต้นตอให้พบ ก็จะรู้แจ้งหมด อะไรก็ไปจากนี้ อะไรๆ ก็มารวมอยู่ที่นี้ทั้งหมด (ท่านพูดพลางเอาหัวแม่มือชี้ที่หน้าอก) สิ่งที่ได้รู้ได้เห็น แล้วอยากรู้อยากเห็นอีก นั่นแหละคือตัวกิเลส

คำถาม : เมื่อถึงโลกุตตระแล้ว มีเมตตา กรุณา อะไรไหมครับ?

หลวงปู่ : ไม่มีหรอกความเมตตากรุณา จิตอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อยู่ในโลกทั้งหมด จิตสูงสุดหลุดพ้น อยู่เหนือโลกทั้งหมด

คำถาม : ไม่มีเมตตาหรือครับ?

หลวงปู่ : มีก็ไม่ว่า ไม่มีก็ไม่ว่า เลิกพูด เลิกว่า เลิกอะไรๆ ทั้งหมด มันเป็นเพียงคำพูดแท้ๆ ให้ดูจิตอย่างเดียวเท่านั้น ความเป็นจริงแล้ว เป็นแต่เพียงคำพูด

"สลัดทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นมายาออกเสีย ตัวผู้ที่รู้ และเข้าใจอันนี้แหละคือตัวพุทธะ"

หมดภารกิจ หมดทุกอย่าง ที่จะทำอะไรต่อไปอีก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมลงอยู่ที่นี่จบอยู่ที่นี่ ไม่มียาวต่อไปอีก ไม่มีเล็ก ไม่มีใหญ่ ไม่มีหญิง ไม่มีชาย ไม่มีคำพูด มีแต่ความว่างเปล่า ว่างเปล่า... และบริสุทธิ์

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO