นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 14 มี.ค. 2025 1:07 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พิจารณาสังขาร
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 17 ธ.ค. 2024 7:33 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4859
#หลวงปู่ไดโนเสาร์

ถาม : มีโยมกล่าวถึงหลวงปู่ไดโนเสาร์ ?

ตอบ : เขาเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์ ไม่ใช่ว่าท่านหัวโบราณ ไม่ใช่ว่าท่านอายุยาวนาน แต่ท่านอยู่วัดภูกุ้มข้าว ที่เป็นแหล่งไดโนเสาร์ เลยเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์ พระนักปฏิบัติของแท้ต้องอย่างนั้น ใครถามปัญหานอกทุ่งนอกท่าโดนอัดหมด..!

พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
(เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี)

พระอาจารย์หยิบรูปหลวงปู่ไดโนเสาร์

“หลวงปู่ไดโนเสาร์ คนชอบไปถามปัญหาแล้วโดนหลวงปู่อัดหงายท้องมาทุกราย เห็นพระแก่ ๆ บ้านนอกบ้านนา แต่หารู้ไม่ว่าท่านเป็นพระระดับไหน”

#ความอัศจรรย์ของธรรม

พระ ; หลวงปู่ครับ นั่งสมาธิอย่างไรให้เห็นวิญญาณไดโนเสาร์หรือรู้เห็นในสิ่งที่มนุษย์ที่ไม่เห็นครับ

หลวงปู่ ; นั่งไปเถอะ ทำไปเถอะ มันเห็นก็ชั่งมัน ไม่เห็นก็ชั่งมัน ของผมมันบังเอิญดอก บังเอิญที่วัดมันมี

พระ ; ผมก็นั่งครับ ทำไมพวกผมไม่เห็น ถ้ามันบังเอิญมีทำไมพวกผมไม่เห็ญวิญญาณวัววิญญาณควายที่อยู่ในวัดบ้าง

หลวงปู่ ; (ท่านก็หัวเราะ) เออ เออ ที่เห็นหน่ะมันไม่ใช่ทางนะ มันพ้นทุกข์ไม่ได้นะ คุณก็คน ผมก็คน คุณก็พระ ผมก็พระ คนทั้งหลายเขาเกิดมาจากท้องของคน เราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ ทำไมจะให้มันรู้มันเห็นเกินคน คนก็คือคนไม่มีอะไรแตกต่างกันดอก คุณอย่าเห็นเรื่องบังเอิญเป็นความสำคัญ อย่าเห็นความบังเอิญเป็นเรื่องอัศจรรย์ การพบการเห็นไดโนเสาร์ไม่ใช่ของสำคัญวิเศษอะไร ถือว่ามันเป็นส่วนเกิน เป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติ เป็นผลพลอยได้จากการทำสมาธิ เป็นเครื่องพิสูจน์สมาธิอย่างโลกๆ อย่าไปสำคัญมัน ความอัศจรรย์ของธรรมอยู่ที่ปฏิบัติแล้วเห็นผลจริง อะไรที่ปฏิบัติได้สอนตนได้นั้นหล่ะธรรม นั้นหล่ะความอัศจรรย์ของธรรม เอาธรรมมาหัดตน มาดัดตน มาสอนตน มาพัฒนาตน นั้นหล่ะธรรม นั้นหล่ะทำ พิสูจน์ได้ เห็นได้ด้วยการปฏิบัติ ปฏิบัติและเห็นผลตามที่ท่านสอน นั้นแนวทาง เราเป็นคนดีคนงาม งามด้วยศีล งามด้วยธรรม นั้นไงความอัศจรรย์ ความอัศจรรย์ของธรรม ไม่ใช่ทำให้คุณเหาะได้ ฟันแทงไม่เข้า แคล้วคลาดปลอดภัย พบเห็นไดโนเสาร์ นั้นไม่อัศจรรย์ เราปฏิบัติตามธรรม ธรรมคุ้มครองเราให้แคล้วคลาดปลอดภัย นั้นไงความอัศจรรย์ของธรรม ให้ปฏิบัติจะเห็นหรือไม่เห็นอย่าไปสำคัญมัน เราปฏิบัติพ้นทุกข์ ไม่ใช่ปฏิบัติเพิ่มทุกข์ อย่าไปหาทุกข์มาเพิ่ม เข้าใจนะ...

หลวงปู่หา สุภโร






"..ที่ว่าใจเป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งหลายในโลกนั้น คือใจเป็นผู้ปกครองสมบัติทั้งมวล แต่สิ่งทั้งหลายดังกล่าวดีหรือชั่วต้องขึ้นอยู่กับใจผู้เป็นใหญ่และรับผิดชอบ ถ้าใจพาชั่ว โลกแม้จะใหญ่โตเพียงไรก็มีทางบรรลัยได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นใจจึงควรได้รับการอบรมหรือศึกษา พอจะปกครองตัวปกครองโลกให้เป็นไปโดยความสะดวกปลอดภัยเท่าที่ควร ตัวก็เป็นบุคคลน่าอยู่ ไม่เดือดร้อนรำคาญ โลกก็เป็นโลกน่าอยู่ ไม่เป็นโลกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายจนเกินไป.."

โอวาทธรรม
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)








"..คนดีนั้น ท่านกล่าวว่า เป็นผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ นี่มิใช่เรื่องอภินิหาร ถ้อยคำที่ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องอภินิหารนั้น ความจริงมีความหมายธรรมดา แต่ความหมายนั้นแอบแฝงอยู่เบื้องหลังเท่านั้น

ผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล คือ น้ำไม่พัดพาไปถึงให้ได้รับอันตราย ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหยุดไหล แต่หมายความว่ามีผู้ช่วยนำขึ้นให้พ้นจากน้ำได้

ผู้ที่ตกไฟไม่ไหม้ ก็ไม่ได้หมายความว่าไฟไม่ไหม้ร่างกายจริงๆ แต่หมายความว่ามีผู้ช่วยให้พ้นจากไฟ หรือช่วยดับไฟให้ตนจึงพ้นภัยอันเกิดจากไฟนั้น

ความหมายที่แท้จริงของตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ก็คือเมื่อถึงคราวตกทุกข์ได้ยาก ก็จะมีผู้ช่วย หรือมีเหตุการณ์มาทำให้สวัสดีได้.."

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร








"..อย่าไปเหยียบย่ำซ้ำเติม สาปแช่งใคร กรรมวิบากที่ตนทำมาแต่ก่อนนั้น มันมาให้ผลเอาให้ได้ถึงซึ่งความวิบัติ อะไรขึ้นมาอย่างนี้นะ แทนที่จะไปแช่งซ้ำ
นั้นไม่เอา ผิดธรรม เป็นกรรม

ถ้าเห็นใครตกทุกข์ได้ยาก เกิดอุบัติเหตุ แล้วแช่งซ้ำนะ เป็นบาป ต้องตั้งความเมตตาเอ็นดู สงสารขึ้นมา ถึงแม้ว่า เราจะรู้ว่าคนนั้น มีประวัติอันชั่วร้ายมาก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องของเขาอันความชั่วนั้นน่ะ แต่ว่า ไอ้ความเอ็นดูกรุณานี้เป็นหน้าที่ของเรา ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม กรุณาธรรม ที่จะต้องแสดงออกต่อบุคคลทุกประเภท ทั้งคนดี และคนชั่ว.."

#พระธรรมคำสอน
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย






"..จงพึ่งตัวเอง จงเป็นแสงสว่างของตัวเอง
จงเป็นผู้นำตัวเอง จงรับผิดชอบตัวเอง
จงพิจารณาตัวเอง จงมีตนเป็นที่พึ่ง
#ที่พึ่งภายในตนเองสำคัญมากกว่าที่พึ่งภายนอก ซึ่งมาจากคนอื่น ถึงคนอื่นจะช่วยได้ ก็ช่วยได้เฉพาะ
#เพราะตนเองต้องช่วยตนเองก่อน พระพุทธเจ้าก็เป็นแต่ผู้ชี้ทางแนะนำสั่งสอนให้เท่านั้น
.
ฉะนั้น จงพึ่งตัวเอง จงเป็นแสงสว่างนำตัวเอง อย่าหวังพึ่งสิ่งภายนอก ทุกคนต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคแห่งวิถีชีวิตของตนด้วยตนเอง พระพุทธเจ้าก็ดี ครูบาอาจารย์ บิดามารดา ญาติ มิตรสหาย ผู้มีไมตรีจิตสนิทสนมรักใคร่
#ก็เพียงแต่เป็นผู้เอาใจช่วย เป็นกำลังใจ เป็นเครื่องกระตุ้นบำรุงขวัญเท่านั้น.."

#พระธรรมคำสอน
องค์ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต
(ธัมมวิตักโกภิกขุ)
วัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ








#จงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
"..ผู้ใดมาถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งแล้ว ผู้นั้นย่อมชนะได้ซึ่งความร้อน สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติ เข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดมายึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่กลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้ง ๓ จริง ๆ แล้ว จะแคล้วคลาดจากภัยทั้งหลาย อันก่อให้เกิดความเดือดร้อนได้แน่นอนทีเดียว.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







#เป็นนักปฏิบัติธรรม ต้องพิจารณาให้เห็นทุกอย่างว่าไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ควรรู้เท่าและอาศัยของไม่เที่ยงนี้ (กายก็ไม่เที่ยง จิตก็อาศัยกายอยู่ อาหารที่อาศัยยังกายก็ของไม่เที่ยง) ของไม่เที่ยงกับของไม่เที่ยงมาบำรุงกัน ถ้าเที่ยงแล้วก็ไม่ต้องบำรุงกัน เป็นอยู่อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง มีแต่พระนิพพานที่เที่ยง ไม่วิบัติ ไม่ผันแปร เราก็ต้องทำใจให้ยินดีในพระนิพพาน ด้วยการไม่ยึดถือในตัวตนขันธ์ ๕ อันไม่เที่ยง

ตัณหา เป็นปัจจัยให้เกิด อุปาทาน เมื่ออยาก ก็ยึดไม่ได้คราวนี้ ต่อไปก็จะต้องเอาให้ได้ ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ขอให้เข้าใจ อย่าคิดว่าเป็นผู้ครองเรือนปฏิบัติธรรมอันลึกซึ้งไม่ได้ พระโสดาบันมีสามี-ภรรยา-ลูก ทำไร่นา ทำงาน ค้าขาย ตามความสามารถอยู่ แต่ท่านไม่ทำบาป ขอทานก็เป็นพระโสดาบันได้

เคยมีคนโรคเรื้อน ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า ก็บรรลุโสดาบันแล้วกราบปฏิญาณตนถึงพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ พระอินทร์ ได้ยินข่าวเรื่องนี้เข้า ก็ลงมาทดสอบ ให้ปฏิเสธคุณพระพุทธพระธรรม และพระสงฆ์แล้วจะหายาแก้โรคเรื้อนมาให้หายจากโรค ชายโรคเรื้อนนั้นก็ตอบพระอินทร์ว่า ท่านเป็นใคร จึงมาแนะให้ข้าพเจ้าถอนตัวจากที่พึ่งอันประเสริฐคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าถอนไม่ได้ หาได้หวั่นไหวกับโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ไม่

พระอินทร์ฟังดังนี้ จึงไปกราบต่อพระพุทธเจ้าว่า ผู้นี้บรรลุโสดาบันแล้วจริงๆ ด้วยได้ไปสัมภาษณ์มาแล้ว
ขอให้เข้าใจ มรรคผล ธรรมวิเศษ ไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย แต่จิตเอาร่างกายเป็นอารมณ์ เห็นว่ากายนี้ไม่เที่ยงหนอ เมื่อโรคภัยมากระทบร่างกาย ก็มากระทบจิต จิตก็เดือดร้อน

พระโสดาบันอาจจนกาย แต่ทรัพย์ภายในไม่จนเลย ความเห็นของพระโสดาบันก็คือ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นแล้ว สิ่งทั้งปวงย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ด้วยอำนาจแห่งปัญญา ใครได้บรรลุความเห็นเช่นนี้ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์ แล้ว ท่านผู้นั้นก็จะบรรลุพระโสดาบัน.

#พระธรรมคำสอน
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย








"..พวกเราชาวพุทธจงพยายามเดินตามครู ด้วยความระมัดระวังทุกด้าน ทุกอาการ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมผัสกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่ายอมให้กิเลสจับโยนลงเหวลงบ่อได้ จะเสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งคน ของดีไม่ได้ชม ปล่อยตัวให้ล่มจมไปทั้งชาติ ไม่สมควรอย่างยิ่งกับเราทั้งหลาย ที่มีธรรมตะโกนช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ตามครูอาจารย์ตามสถานที่ต่าง ๆ และตามคัมภีร์ที่ท่านจารึกไว้ ไม่อด ไม่อั้น ไม่ตีบ ไม่ตัน ทันกับกิเลสตลอดไป.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภูโดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมปนฺโน






ปัญญามาก่อนศีลสมาธิ

การรักษาศีลปัญญาต้องมาก่อน แต่เราพูดว่ารักษาศีลก่อน ตั้งศีลก่อนศีลจะสมบูรณ์ อย่างไรนั้นจะต้องมีปัญญา ต้องค้นคิดกายของเรา วาจาของเราพิจารณาหาเหตุผล นี่ตัวปัญญาทั้งนั้น ก่อนที่จะตั้งศีลขึ้นได้ต้องอาศัยปัญญา

เมื่อพูดตามปริยัติกว่า ศีลสมาธิปัญญา อาตมาพิจารณาแล้ว การปฏิบัตินี้ต้องปัญญามาก่อน มารู้เรื่องกายวาจาว่าโทษของมันเกิดขึ้นมาอย่างไร ปัญญานี้ต้องพิจารณาหาเหตุผลควบคุมกายวาจาจึงจะบริสุทธิ์ได้ ถ้ารู้จักอาการของกายวาจาที่สุจริต ทุจริตแล้วก็เห็นที่ปฏิบัติ ถ้าเห็นที่จะปฏิบัติแล้วก็ละสิ่งที่ชั่ว ประพฤติสิ่งที่ดี ละสิ่งที่ผิด ประพฤติสิ่งที่ถูกเป็นศีลถ้ามันละผิดให้ถูกแล้วใจก็แน่วแน่เข้าไป อาการที่ใจแน่วแน่มั่นคงมิได้ลังเลสงสัยในกายวาจาของเรานี้เป็น สมาธิความตั้งใจมั่นแล้ว เมื่อตั้งใจมั่นแล้ว รูปเกิดขึ้นมา เสียงเกิด ขึ้นมาพิจารณามันแล้ว นี่เป็นกำลังตอนที่สองเมื่อรูปเวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณหรือรูปเสียงกลิ่นรส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์เกิดขึ้นมาบ่อยๆ ได้พิจารณาบ่อยๆ ด้วยอาการที่เราตั้งใจมิได้เผลอ จึงรู้ อาการของสิ่งเหล่านี้ มันเกิดตามความเป็นจริงของมัน เมื่อรู้เรื่อยๆไปก็เกิดปัญญา เมื่อรู้ตามความเป็นจริงตามสภาวะของมัน สัญญาจะหลุดเลยกลายเป็นตัวปัญญา จึงเป็นศีล สมาธิ ปัญญา คงรวมเป็นอันเดียวกัน

ถ้าปัญญากล้าขึ้นก็อบรมสมาธิให้มั่นขึ้นไป เมื่อสมาธิมั่นขึ้นไป ศีลก็มั่นก็สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อศีลสมบูรณ์ขึ้น สมาธิก็กล้าขึ้นอีก เมื่อ สมาธิกล้าขึ้น ปัญญาก็กล้ายิ่งขึ้น สามอย่างนี้เป็นไวพจน์ซึ่งกันและกัน สมกับพระศาสดาตรัสว่ามรรคเป็นหนทาง เมื่อสามอย่างนี้ กล้าขึ้นมาเป็นมรรค ศีลก็ยิ่ง สมาธิก็ยิ่งปัญญาก็ยิ่ง มรรคนี้จะฆ่ากิเลส โลภเกิดขึ้น โกรธเกิดขึ้น หลงเกิดขึ้น มีมรรคเท่านั้นที่จะเป็นผู้ฆ่าได้

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)








"... จิต​ เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเรา
ที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บ
รักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต
อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน

วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะ ก็คือ
ภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร
ตรวจดูจิตว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไป
จะได้ซ่อมสุขภาพจิต

คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน
คือความคิดปรุงแต่งของจิตว่าคิดอะไร
บ้าง​ ในวันและเวลาที่นั่ง นั่งมีสารประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษขนทุกข์มาเผา
ตนอยู่นั้น พอรู้ผิดถูกของตัวบ้างไหม

พิจารณาสังขารภายนอกว่ามีความ
เจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารร่างกาย
มีอะไรใหม่ หรือมีความเก่าแก่ชราหลุด
ลงไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสีย
แต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการ

ให้ท่องอยู่ในใจเสมอว่า เรามีความแก่ เจ็บ ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอก และป่าช้าที่ฝังศพภายในคือตัวเราเอง เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้า​ แห่งศพ
ที่นำมาฝังหรือบรรจุ จะอยู่ในตัวเราตลอดเวลา
ทั้งศพเก่าศพใหม่ทุกวัน ..."
" "" "" "" "" "" "" "" "" "" "" "" "" ""
โอวาทธรรม ::/........
#พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทัตโต)​
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ. ๒๔๑๓ -​ ๒๔๙๒)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO