นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 14 มี.ค. 2025 1:25 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: แผ่เมตตา
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 26 ธ.ค. 2024 7:05 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4859
#สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
"..เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน
จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น
หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้
..เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะกรรมดีกรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เรา
เคยเป็น ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตรา
ดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ
ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน
สิ่งดีชั่วที่มีและเกิดอยู่กับตนทุกระยะ
มีใจเป็นตัวการพาให้สร้างกรรมประเภทต่าง ๆ
จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล

กรรม เป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก
ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย
ถ้าเราสามารถรู้เห็นกรรมดีกรรมชั่ว
ที่ตนและผู้อื่นทำขึ้น
เหมือนเห็นวัตถุต่าง ๆ จะไม่กล้าทำบาป
แต่จะกระตือรือร้นทำแต่ความดี
ซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ
ความเดือนร้อนในโลกก็จะลดน้อยลง
เพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย

ท่านว่า ดี ชั่ว มิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง
เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย ถ้าเป็นฝ่ายชั่ว ก็แก้ไขยาก คอยแต่จะไหลลงตามนิสัย
ที่เคยทำอยู่เสมอ
ถ้าเป็นฝ่ายดี ก็นับว่าคล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นลำดับ

เราเกิดเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ
มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์
และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย
อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่า
ที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม
เป็นการศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมพร้อม
ที่จะรับภาวะของตัวเราเอง
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามสุภาษิตที่มีว่า “กรรมจำแนกสัตว์
ให้ทรามและประณีตต่างกัน”
ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล
คือลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอด
อย่างช่วยไม่ได้
กรรม คือ การกระทำ ดี ชั่ว ทางกาย วาจา ใจ
ผลจริง คือ ความสุข-ทุกข์
ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก
ควรมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย
ซึ่งมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เช่นเดียวกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน

ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้น
มีได้ทั้งคนและสัตว์
สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัย
ดีกว่ามนุษย์บางคน
...แต่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ ก็จำต้องทนรับเสวยไป
สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีและเสวยกรรม
ไปตามวิบากของมัน
มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิด
ในกำเนิดต่ำทราม
...ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระ
ที่เวียนมาถึงเท่านั้น
เช่นเดียวกับมนุษย์ ขณะที่ตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้น
ก็จำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน
มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย
มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นอย่างนี้
...ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง ๆ จนนับไม่ถ้วน
ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่าง ๆ กัน
เพราะฉะนั้นไม่ให้ดูถูกเหยียดหยาม
ในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน
และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของ ๆ ตน.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร อ้างอิงหนังสือภูริทตฺตธมฺโมวาทจากหนังสือภูริทตฺตมหาเถรานุสรณ์
(๒๔๑๓-๒๔๙๒)






"..ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค คือทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี ไม่ใช่เวลาใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่







"..การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหน ในเมื่อกายยาว 1 วา หนา 1 คืบ นี้แลเป็นตัวธรรมเป็นตัวโลก เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจนี้หาได้ปฏิบัติที่อื่นไม่ ดังนั้นถ้าตั้งใจจริงแล้ว นั่งอยู่ที่ไหนธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น นอนอยู่ที่ไหน ยืนอยู่ที่ไหน เดินอยู่ที่ไหนธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น.."

#พระธรรมคำสอน
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖ )







"... สตินี้มันก็ทันน่ะ คิดขึ้นเรื่องใดมันก็ดับ คิดขึ้นเท่าใดมันก็ดับ ถ้ามีสติพร้อมกับ ปรุงขึ้นดับ ปรุงขึ้นดับ เรียกว่า สติพร้อมกัน คิดไปก็หลงไปลืมไป แปลว่าไม่มีสติ ถ้ามีสติแล้ว คิดขึ้นร้ายก็ดี คิดดีก็ดี รู้พร้อมกันนั้นล่ะ

สติรู้พร้อมกันดับลงทันทีนั่นล่ะ ฯลฯ มีสติแล้ว มีปัญญาเมื่อไม่มีสติมันก็เผลอ เผลอแล้วมันก็หลงไป ครั้นไม่เผลอแล้วมีสติแนบอยู่ทุกเมื่อแล้ว

คิดดีก็ดับลง คิดชั่วก็ดับลง พอใจก็ดับลง ไม่พอใจก็ดับลง เอาลงทันทีนั่นล่ะ มีสติแล้วก็ใช้ได้ ใจเบิกบานขึ้น

ปัจจุบันมีสติพร้อมกันกับคิด คิดผิดก็ดี คิดถูกก็ดี รู้พร้อมกันก็ดับทันที เรียกว่า สติ สัมมาสติ สติสัมโพฌงค์ ฯลฯ อุบายก็อาศัย ความเพียรความหมั่นนั่นล่ะ ตั้งอยู่นั้นล่ะ ตั้งดูมันอยู่นั้นล่ะ มันปรุงขึ้นรู้ทันที เป็นสติ ..."
_________________
#ธรรมโอวาทโดย
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๓๐ -​ ๒๕๓๘)






"นิโรธสมาบัติช่วยดับทุกขเวทนา"

ความจริง นิโรธสมาบัติ อย่างฉันก็เข้าของฉันอยู่เรื่อย ๆ ถ้าวันไหนฉันไม่สบายมากฉันก็เอาแล้ว เพราะอะไร

เพราะ นิโรธะ มันแปลว่า ดับ ดับทุกขเวทนาใช่ไหม นี่นักเลงหนี ถ้าอารมณ์อ่อน พอป่วยปั๊บท่าไม่ดีเข้า ก็หนีไปนอนบ้านเลย ต่อมามันมีความเข้มพอ เข้มพอมันไม่หนีมันสู้ ถ้าเวทนามามากเท่าไหร่ มันสู้มากเท่านั้นคือสู้จนกระทั่งไม่รู้สึกในด้านเวทนา

แต่ว่าถ้าใครไปเรียกรู้นะ ถ้าใครเรียกบางทีนอนเฉย ๆ ไอ้พวกนึกว่าจะตายซะแล้ว อ้าว ! ดันไปเรียก พอเรียกเราก็รู้สึกเจ็บล่ะซิ มันก็รู้สึกเจ็บ ถ้าไม่เรียกมันไม่รู้สึก ถ้าเรียกปั๊บจากฌานมันก็ถอย เมื่อฌานถอยจิตมันก็จับกับประสาท ไอ้ความเจ็บปวดนี่มันเรื่องของประสาท พอจิตมันเข้าโยงกับประสาทมันก็รู้สึก ถ้าจิตไม่เข้าโยงกับประสาทมันก็ไม่รู้สึกเจ็บ

เออ..ทุกองค์นะ เดินยามอยู่เวรนี่หัด ! อย่าไปอยู่กับมันเฉย ๆ จงกรมหากินเรื่อย ๆ ไป ฮึ ! เจ้ากรม เจ้ากรม อย่าไปเข้าสมาบัติเป็นลมนะ (หัวเราะ) ไอ้นี่ฉันทำไม่ได้ คุณเก่งกว่าฉัน (หัวเราะ)

คุณประดิษฐ์ ว่าง ๆ ก็ฝึกกับ เจ้ากรม นะไอ้นี่ฉันสู้ท่านไม่ได้

การฝึกเข้า นิโรธสมาบัติ และก็โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อรูปฌาน

อรูปฌาน นี่เรามีวิธีทำง่าย ๆ วิธีทำง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราดูรูปพระพุทธรูป เราจับกสิณให้มันเข้ามาอยู่ในนี้ ทำได้ไหม บังคับให้ภาพกสิณมาอยู่ในอก ทำให้อกมันเป็นโพรงขึ้นมาข้างใน เห็นเป็นโพรงภาพกสิณอยู่ข้างใน นี่ก็พยายาม ไม่ช้าค่อย ๆ พยายาม ทุกองค์นี่ทำได้ พยายามบังคับมันก็ต้องฝืนกันหน่อย

ทีนี้การปฏิบัติพระกรรมฐานนี่ พระพุทธเจ้าท่านใช้ศัพท์ว่า "ทรมาน" ใช่ไหม คือว่า ทรมานอารมณ์เดิมให้มาจับจุดอีกอารมณ์หนึ่ง ทีนี้มันก็ต้องมีอารมณ์ฝืน ฝืนก็ต้องสู้ ถ้าเราสู้เพื่ออะไร เราสู้เพื่อดี ไอ้ดีของเรามันตรงไหน มันต้องดีคือ "เข้าถึงนิพพาน"

จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ เล่มที่ ๓๑๒ หน้าที่ ๑๐ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน








"..มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทำบาป เมื่อทำแล้ว ก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทำไว้ นี่เป็นสัจจะความจริงอย่างเด็ดขาด พ่อแม่ของเราทำกรรมมา เราเกิดมาก็ทำกรรมไป ทำไปทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คนทำบาปจึงมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ทำบาปย่อมได้บาป ทำบุญย่อมได้บุญ

มีบางคนชอบพูดคะนองปากว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป พูดอย่างนี้ผิด พูดไม่รู้จริง เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้ เราต้องใจเย็นคอยดูผลตลอดชีวิต อย่าดูในระยะสั้นๆ ต้องดูไปเรื่อยๆ ในระยะยาว อย่าใจร้อนอยากจะเห็นผลดี ในเวลาอันรวดเร็วนัก

ทำดียังไม่ได้ดี เราต้องรอคอยผลดีได้ การทำดีเพื่อจะให้ดีนั้น เราต้องทำให้ถูกหลักคือ ทำให้ถูกดี ทำให้ถึงดี ทำให้พอดี อย่าทำเกินพอดี ทำให้ถูกบุคคล ทำให้ถูกกาลเทศะ การต้องการผลดีตอบแทนนั้น อย่าหวังผลแต่ด้านวัตถุท่าเดียว ต้องหวังผลทางใจคือ ความสบายใจ ความสุขใจด้วย.."

#พระธรรมคำสอน
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๑๗)





"บัณฑิตต้องฝึกตัวเอง มองตัวเอง แก้ตัวเอง
คนพาลเท่านั้น ที่ไปแก้คนอื่น ไปห้ามคนอื่น
ไม่ให้เขาทำกับเรา มันเป็นไปได้ยาก

ทุกข์ก็ดี สุขก็ดี มันเกิดขึ้นจากตัวเรา
โกรธก็ดี โลภก็ดี หลงก็ดี เกิดขึ้นจากตัวเรา

แม้คนอื่นจะทำเรา มันเป็นเรื่องของเรา
ที่จะไม่สุข ไม่ทุกข์"

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ







“ถ้ามีคนตำหนิ หรือกล่าวโทษให้ร้ายเรา
อย่าไปถือโทษโกรธเขานะ ให้แผ่เมตตาให้เขา
แล้วก็ขอบคุณเขา ที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจ
สอดส่องดูแล ถึงได้รู้ลึกตื้นหนาบางเกี่ยวกับเฮา
แล้วกะน้อมนำคำที่เขาตำหนิติเตียน
กล่าวโทษให้ร้ายมาพิจารณาวิเคราะห์
ถ้าคือคำเขาเว้า กะปรับปรุงตัวเอง
ถ้าบ่แม่นกะเฉยไป บ่ต้องไปโกรธเกลียดเขานะ”

หลวงปู่ไม อินทสิริ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO