Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ใจสงบ

อังคาร 07 ม.ค. 2025 4:58 am

“หลายๆ คน เอาแต่ทำความดี เอาแต่ทำบุญกุศล แต่ไม่ค่อยเปิดใจรับรู้ความจริงตามกฎธรรมชาติ

เมื่อประสบกับความเสื่อมหรือสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ จึงยังเกิดทุกข์มากอยู่

คนสองคนที่เป็นโรคเดียวกัน คนหนึ่งเข้าวัดทำบุญ..แต่เป็นทุกข์มาก

อีกคนหนึ่ง..ไม่ได้เข้าวัด แต่เข้าใจธรรมชาติ เข้าถึงธรรม เขากลับอยู่อย่างสงบสุข

ธรรมะไม่ได้ป้องกันเราไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตาย ไม่ให้สูญเสียได้

แต่ธรรมะเป็นเรื่องของการใช้สติปัญญา มองและเข้าใจธรรมชาติว่า #เราจะทำใจเช่นไรจึงจะไม่เกิดทุกข์..."

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล









คนเฮาให้มีเมตตาต่อกัน
เฮาสวัสดีเขา เขากะสวัสดีเฮา
เฮาเมตตาเขา เขากะเมตตาเฮา
ต่างคนต่างเอาเมตตาใส่กัน
โลกเฮากะมีแต่ความร่มเย็น

#สมาหิโตเมตตา

#หลวงปู่ปั่น สมาหิโต







#ต้องรู้จักทุกข์ถึงจะมีทางแก้ทุกข์
"..เมื่อทุกข์เกิดขึ้นมา ใครทุกข์ ทุกข์นี้ทำไมมันจึงเกิด ต้องรู้จักทุกข์เกิดขึ้นมานะ ให้มันรู้จักทุกข์ซิ ทุกข์มันเกิดขึ้นมา เรากลัวทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ จะไปสู้ที่ไหนล่ะ ถ้าทุกข์มาก็ไม่รู้อีกจะไปสู้ทุกข์ที่ไหนล่ะนี่ เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ต้องให้รู้จักทุกข์

การหนีทุกข์ก็คือให้รู้จักพ้นทุกข์ ไม่ใช่มันทุกข์ ที่นี้แล้วก็วิ่งไป หอบทุกข์ไปด้วย อยู่ที่นั้นทุกข์ก็เกิดขึ้นอีก ก็วิ่งอีก นี่ไม่ใช่คนหนีทุกข์เป็นคนไม่รู้จักทุกข์ ถ้ารู้จักทุกข์ต้องดูเหตุการณ์ ครูบาอาจารย์ท่านว่า อธิกรณ์เกิดที่ไหนให้ระงับที่นั้น

ทุกข์มันเกิดตรงนั้น เรื่องที่ไม่ทุกข์มันก็อยู่ตรงนั้น เรื่องที่ทุกข์ มันจะหายก็อยู่ตรงที่มันเกิด ถ้าทุกข์เกิดขึ้นมาต้องพิจารณา ไม่ต้องหนีนะ ต้องแก้อธิกรณ์ให้มันจบ รู้เรื่องของมัน

ทุกข์เกิดตรงนี้เราหนีไป กลัวทุกข์ นี้แหละคือโง่ที่สุด สร้างความโง่ขึ้นตลอดเวลา เราต้องรู้นะ ทุกข์นี้มันไม่ใช่อะไร ไม่ใช่ทุกขสัจหรือ เรื่องทุกข์นั้นเราจะเห็นในแง่ไม่ดี หรือทุกข์สัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ถ้าหนีจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ปฏิบัติตามสัจธรรมเท่านั้นแหละ มันจะพบทุกข์เมื่อไร มันจะรู้เรื่องเมื่อไร

ถ้าหนีทุกข์เรื่องไปเราไม่รู้จักทุกข์ ทุกข์นี้เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ ถ้าไม่กำหนด จะรู้มันเมื่อไร ไม่พอใจหนีไป ไม่พอใจหนีไปเรื่อย

พระพุทธองค์ท่านให้หนีด้วยปัญญา เปรียบประหนึ่งว่าเรามีเสี้ยนหรือหนามน้อยๆ ตำเท้าเราอยู่ เดินไปปวดบ้างหายปวดบ้าง บางทีก็เดินไปสะดุดหัวตอเข้า ปวดขึ้นมาก็คลำดู คลำไปคลำมาไม่เห็น เลยขี้เกียจดูมัน ก็ปล่อยมันไป ต่อไปเดินไปถูกปุ่มอะไรขึ้นมาก็ปวดอีก มันเป็นอย่างนี้เรื่อยไป

ทุกข์ที่เกิดขึ้นมานั้นนะ เราต้องกำหนดรู้มัน ไม่ต้องปล่อยมันไป เมื่อมันเจ็บปวดขึ้นมา เออ ไอ้หนามนี่มันยังอยู่นี่นะ เมื่อความเจ็บปวดเกิดขึ้น ความคิดที่ว่าจะเอาหนามออกจากเท้าเราก็มีพร้อมกันมา ถ้าเราไม่เอามันออก ความเจ็บปวดมันก็เกิดขึ้น เดี๋ยวก็เจ็บ เดี๋ยวก็เจ็บ อยู่อย่างนี้ ความสนใจที่จะเอาหนามออกจากเท้าเรามันมีอยู่ตลอดเวลา

ผลที่สุดวันหนึ่งต้องตั้งใจเอาหนามออกให้ได้ เพราะมันไม่สบาย อันนี้เรียกว่าการปรารภความเพียรของเรา ต้องเป็นอย่างนั้น มันขัดตรงไหน มันไม่สบายตรงไหน ก็ต้องพิจารณาที่ตรงนั้น แก้ไขที่ตรงนั้น แก้ไขหนามที่มันยอกเท้าเรานั่นแหละ จิตใจของเรามันติดอยู่ที่ตรงไหนเราจะต้องรู้จักอยู่อย่างนั้น คลำไปคลำมาก็รู้อยู่ เห็นอยู่ เป็นอยู่อย่างนั้น แต่ว่าความเพียรของเราไม่ถอยเหมือนกัน ไม่หยุด ท่านเรียกว่า วิริยารัมภะ ปรารภความเพียรอยู่เสมอ

ฉะนั้น เรื่องสุขทุกข์นี้เราจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะเอาอะไรเป็นเหตุ ถ้าไม่มีเหตุ ผลมันจะเกิดตรงไหนเล่า นี่เรียกว่าธรรมมันเกิดเพราะเหตุ เมื่อผลมันจะดับไปนั้น เพราะเหตุมันดับไปก่อน ผลมันจึงดับไปด้วย.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระโพธิญาณเถระ (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี








#การบำเพ็ญทาน
"..เท่ากับเราหาทรัพย์ไว้ให้ตัวของเรา การบำเพ็ญศีล
เท่ากับเราสร้างร่างกายของเราให้เป็นคนสมบูรณ์
ไม่พิการ ง่อยเปลี้ย บอดใบ้
การบำเพ็ญภาวนา
เท่ากับสร้างจิตใจของเราให้เป็นคนสมบูรณ์
"ทาน" ไม่สามารถคุ้มศีลได้ แต่ศีลคุ้มทานได้
ส่วน "ภาวนา" คุ้มได้ตลอดทั้งทานและศีล
สามารถทำให้ทานบริสุทธิ์และศีลของเราก็บริสุทธิ์
เข้าถึงสุคติสวรรค์โลกุตตระ และนิพพานเป็นที่สุด
สมมติคนหนึ่งเกิดมาในตระกูลสูง
มีทรัพย์สมบัติมาก และร่างกายก็บริสุทธิ์ทุกส่วน
แต่จิตใจไม่ปรกติ วิกลวิการ เป็นผีบ้า
อย่างนี้จะมีประโยชน์อย่างไร
เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสั่งสอนให้อบรมจิตให้เป็นกุศล
พระองค์ทรงสอนให้มนุษย์เป็นเทวดา
เทวดาเป็นพรหม พรหมเป็นอริยะ จนถึงอรหันตขีณาสพ เป็นที่สุด.."

ธมฺมธโรวาท
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ








. #อารมณ์ของเรา_เรื่องของเรา..!!

"... เรานั้นควรจะรู้.. แต่อารมณ์คนอื่น..
... เรื่องคนอื่นนั้นเราอย่าไปรู้ มันเป็นความดี
... หรือความชั่วของเค้าก็เป็นเรื่องของเค้า
... ให้ดูที่ตัวเรา ส่องกระจกดูสันดานของเรา
... ก็เพียงพอ ..."
---------------------------------
" โอวาทธรรมคำสอน "
#หลวงปู่ตื้อ_อจลธมฺโม
วัดป่าอรัญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม
จ.นครพนม (พ.ศ.๒๔๓๑ -​ ๒๕๑๗)







จะควบคุมกระแสปฏิจจสมุปบาทไม่ให้เกิดทุกข์
คือ..อย่าโง่เมื่อมีผัสสะ (เมื่ออารมณ์กระทบ)
.
…. “ปฏิจจสมุปบาท” นั่นแหละ คือเรื่องตัวชีวิตตัวเรา แล้วก็ถูกให้ความหมายผิดๆว่า “ตัวกู ตัวกู” แต่ที่ถูกนั้นไม่ใช่ตัวกู เป็นเพียง“กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท” เกิดขึ้นตามกฎของธรรมชาติ โดยอาศัยธาตุทั้ง ๖ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ - ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ คือธาตุทั้ง ๖ มันทําให้เกิดอัตตภาพร่างกายนี้ขึ้นมา แล้วก็เป็นที่ตั้งแห่งกระแสของปฏิจจสมุปบาทตามกฎของธรรมชาติ ถ้ารู้จักตัวเองหรืออัตภาพของตัวเองเพียงเท่านี้ ก็จะดับทุกข์ได้ เป็นความจริงที่ลึกซึ้ง เพราะว่าเมื่อเห็นความจริงข้อนี้แล้ว มันดับทุกข์ได้นี่...
…. ทีนี้ มันก็มีปัญหาอยู่ที่ว่า จะควบคุมกระแสปฏิจจสมุปบาทได้อย่างไร ก็คือว่า อย่าให้โง่เมื่อผัสสะ #จะควบคุมกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทไม่ให้เกิดความทุกข์ก็คือ“อย่าโง่”เมื่อผัสสะ อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ และผัสสะ และจะมีเวทนา นั่นนะ ตรงที่ผัสสะนะ ควบคุมไว้ได้อย่าให้มันโง่ ให้มันเป็นผัสสะฉลาด ผัสสะฉลาดเรียกว่า “วิชชาสัมผัส” คือสัมผัสด้วยวิชชา ถ้าไม่อย่างนั้นมันโง่ เป็นอวิชชา ก็เรียกว่า “อวิชชาสัมผัส”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยาย หัวข้อเรื่อง “ปฏิจจสมุปบาทที่ควรศึกษา” บรรยายเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๓๔ จากหนังสือ “ปฏิจจสมุปบาทที่ควรศึกษา” หน้า ๒๗, ๓๑







“ปีใหม่ทั้งทีต้องทำให้ใจเราใหม่ด้วย
ไม่ใช่ว่าปีใหม่แต่ใจเก่า ถ้าใจเราใหม่
โดยเฉพาะใจที่ตื่นรู้ หรือเต็มตื่นอยู่กับปัจจุบัน
รวมทั้งรู้จักมองเห็นสิ่งดีๆ ที่มีอยู่รอบตัวเรา
สิ่งดีๆ ที่มีอยู่กับเรา ไม่มองเห็นแต่สิ่งแย่ๆ
จะพบว่าปีใหม่ จะมีสิ่งที่ชุบชูจิตใจเรา
หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกิดความเข้าใจในชีวิต
เข้าใจความเป็นจริงของโลกมากขึ้น
ประสบการณ์เหล่านี้จะทำให้เราสามารถ
ที่จะรับมือกับความทุกข์ได้ดีขึ้น”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







"ปีนี้จะดีไหม? ราศรีนี้จะดีไหม?
ถามไปหาอะไร? จะดีหรือไม่ดี
ก็อยู่ที่เจ้าของทำ
พระพุทธเจ้าสอนให้พึ่งตัวเอง
ไม่ใช่ให้นั่งรอผล"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






1. เข้าใจผิดว่า ทำดี ต้องได้ดี ทำบุญต้องได้บุญ...
ที่ถูกคือ ทำดีไม่ได้อะไร แต่ได้ละกิเลส ทำบุญได้แค่สบายใจ

2. เข้าใจผิดว่า ดีกับใคร คนนั้นต้องดีตอบ...
ที่ถูกนั้นคือ เรามีหน้าที่ทำดี ส่วนใครจะดีกับเรา ไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา

3. เข้าใจผิดว่า ให้อะไรใคร ต้องได้กลับคืน...
ที่ถูกคือ การ “ให้” คือ ยินดีเสียสละ ให้แล้วคาดหวัง ไม่ใช่การให้ อ้างเป็นบุญคุณไม่ได้

4. เข้าใจผิดว่า แก่แล้วทำอะไรก็ได้...
ที่ถูกคือ แก่แล้วต้องยิ่งต้องสำนึก ทำชั่วไม่ได้ เวลาเหลือน้อย

5. เข้าใจผิดว่า ต้องทำเพื่อความมั่นคงของชีวิตในภายหน้า...
ที่ถูกคือ ความมั่นคงไม่มีในโลก ตายได้ทุกเมื่อ ตายแล้วจบไม่มีความมั่นคงอะไร

6. เข้าใจผิดว่า ความต้องการของตัวเองสำคัญที่สุด เราสำคัญที่สุด...
ที่ถูกคือ ไม่มีความต้องการนั่นแหละสำคัญที่สุด ไม่มีเราต่างหากสำคัญที่สุด

7. เข้าใจผิดว่า เข้าวัด ใจสงบ...
ที่ถูกคือ วัดอยู่ในใจ ใจสงบก็อยู่ที่คิด

8. เข้าใจผิดว่า ความสบายเลือกได้...
ที่ถูกคือ เกิดมาก็ทุกข์แล้ว มันเลือกไม่ได้ ไม่มีใครสบายตลอดชาติ

9. เข้าใจผิดว่า สิ่งของ คนของเรา ตัวตนของเรา เราต้องยึดไว้ รักษาไว้...
ที่ถูกคือ ไม่มีอะไร หรือใครให้ต้องยึด ต้องรักษา ทุกอย่างไม่ใช่ของเราและที่สุดแล้วก็ไม่มี

ท่านพุทธทาสภิกขุ
ตอบกระทู้