"..เพราะไม่มีที่พึ่งทางจิตใจหรือไม่รู้ที่พึ่งอันเกษมอันอุดม จึง...กลัวการตายแต่ไม่กลัวการเกิด...เมื่อเป็นเช่นนี้จึงคว้าโน้นคว้านี่เป็นที่พึ่ง บางคนกลัวตาย...คว้าเอาสิ่งอื่นมาเป็นที่พึ่งที่เคารพนับถือ...ด้วยความงมงาย...นอกจากนี้ยังมีการทรงเจ้าเข้าผี สะเดาะเคราะห์ สะเดาะนาม สืบชะตาราศี ตัดกรรมตัดเวร โดยวิธีการต่าง ๆ ที่พึ่งอันอุดมมั่นคงนั้นคือการ...ภาวนา น้อมรำลึกนึกเอาพระคุณอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พร้อมพระธรรม และพระอริยสงฆ์มาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ...จึงจะเป็นการถูกต้อง.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓–๒๔๙๒)
#อย่าไปวิจารณ์บุญเล็กบุญน้อย..!!
"... คนเราจะสร้างบุญมากน้อย เป็นเรื่อง ของสภาวะแห่งฐานะในจิตตน คนรวยไม่จำเป็นต้องทำมาก คนจนทำน้อยแต่ได้มาก ก็มี เรื่องของสภาวะบุญในแต่ละบุคคลเป็นเรื่องไม่สมควรวิจารณ์ ใครจะทำแบบไหนทรัพย์ที่ได้มาทำนั้น มันบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์มันคนละวาระกัน
... ทรัพย์ที่ได้ไม่บริสุทธิ์มันเป็นวาระของ กรรมเบื้องต้น ทรัพย์นั้นเมื่อทำบุญไปแล้วมันเป็นวาระของกรรมเบื้องหลัง ผลแห่งกรรมมันแยกออกจากกันเวลากรรมมันสำแดง บุญ.. ที่ได้มันสำคัญอยู่ที่ใจไม่ได้สำคัญว่าทำมากหรือทำน้อย
... ทรัพย์ที่เอามาทำบุญมันเป็นเรื่องของวาระต้องแยกพิจารณา ถ้าหันกลับมาก็เช่นกัน ของเราสละไปแล้วบุญย่อมเกิดแต่ตัวเรา ส่วนผู้ที่รับไปเขาจะเอาไปทำเช่นไรกรรมย่อมเกิดแต่ตัวเขา เขาทำ ”ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว” มันก็เป็นไปตามวาระแห่งกรรมนั้น ๆ ..."
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" พระธรรมคำสอน::/... #พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ #ท่านพ่อลี_ธมฺมธโร วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.๒๔๔๙ - ๒๕๐๔)
**********จิต ใจ วิญญาณ ต่างกันหรือไม่**********
จิต ใจ วิญญาณ นี้ เป็นปัญหาที่ค่อนข้างละเอียดโดยความรู้สึก ถ้าเราตีความหมายตามรูปศัพท์ จิตกับใจมีมูลรากมาจากธาตุอันเดียวกัน คือ จิตธาตุ เป็นไปในความก่อ ความสั่งสม แต่ว่าท่านเจ้าพระคุณอุบาลี สิริจันโท (จันทร์) ท่านอธิบายไว้ว่า ใจคือ ส่วนที่เป็นกลาง จิตเป็นอาการที่ใจส่งกระแสออกไปรับรู้อารมณ์ ในเมื่อสัมผัสอารมณ์แต่ละอย่างๆ ก็เป็นจิตแต่ละอย่างๆ แต่ใจเป็นกลางอยู่ตลอดเวลา
จิตอยู่ที่ส่วนไหนของร่างกาย ท่านทั้งหลายเรียนมาแล้วว่าที่เกิดของความคิดอยู่ที่สมอง โดยธรรมชาติของจิตแล้ว ถ้าไม่มีส่วนประกอบ เขาจะทำอะไรไม่ได้
วิญญาณนี้ ขอตอบเป็น ๒ นัย นัยหนึ่ง วิญญาณในขันธ์ ๕ หมายถึง อายตนะภายนอก อายตนะภายใน กระทบกันเข้าแล้วเกิดความรู้สึกขึ้น เรียกว่าวิญญาณตามทวารนั้นๆ อันนี้คือวิญญาณในขันธ์ ๕ อีกนัยหนึ่งนั้นคือ ปฏิสนธิวิญญาณ คือวิญญาณที่รู้จักจุติและปฏิสนธิ หมายถึงวิญญาณในปัญหาที่ว่าคนตายแล้วไปเกิดใหม่หรือไม่ ปฏิสนธิวิญญาณนี้เป็นวิญญาณดั้งเดิม มีแต่วิญญาณล้วนๆ แต่จะไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดๆ ทั้งสิ้น และก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อมีส่วนประกอบคือประสาทในส่วนสมองหรือมันสมองแล้วจึงจะมีปฏิกิริยาสร้างความคิดนึกขึ้นมา
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา หนังสือฐานิยปูชา ๒๕๖๓ หน้า ๑๔
|