“ผลทานตั้งแต่ชาติก่อนนั้นหละ เฮดให้เฮามีกินมีทานในชาตินี้ ศีลกะให้รักษาเอาข้อเดียว รักษาข้อใจ รักษาใจบ่ให้มันคิดอาฆาตพยาบาท บ่ให้มันคิดเอาเปรียบไผ กะพอแล้ว ขอแต่ว่าใจดี อันอื่นมันดีเบิ่ดหละ ภาวนากะอย่าไปฆ่าเจ้าของ ให้ภาวนาฆ่ากิเลส ให้มันมีสติฮู้ทันกิเลสตลอด”
โอวาทธรรม #หลวงปู่ปั่น สมาหิโต สำนักสงฆ์ศรีอุทัย อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
#พุทโธ_ธัมโม_สังโฆ_เป็นที่พึ่งของเรา
"... เราท่านทั้งหลายอยากได้บุญได้กุศล มานี่รู้จักบุญหรือยัง ได้บุญหรือยัง เห็นบุญหรือยัง ไม่รู้เลยรึ มาไกลแสนไกล เหนื่อย ยากลำบาก มาแล้วไม่รู้จักบุญจะเอาบุญตรงไหนเล่า บุญอยู่กับศาลานี้หรือ อยู่กับป่านี้ หรือ ยังไม่ได้หรือนี่
... ต้องโอปะนะยิโกซิ น้อมเข้าภายในตน ปัจจัตตัง รู้เฉพาะตน บุญเป็นอย่างนี้ ลักษณะของบุญคือใจเราดี ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบายเย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่วุ่นไม่วาย นี่แหล่ะบุญ
... มีหรือยัง ใจเราดีหรือยัง ดูที่ใจของเรา ใจ ไม่ดีจะเฮ็ดได้บุญยังไง ใจดีหรือยังล่ะ ดูซี่ ดู ใจของเราเองซี่ ...” ----------------------------------------------- #อาจาโรวาทหลวงปู่ฝั้น_อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
"..ตัวของเรานี้แล อันได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นชาติสูงสุด เป็นผู้เลิศตั้งอยู่ในฐานะอัน เลิศด้วยดี คือมีกายสมบัติ วจีสมบัติ แลมโน สมบัติบริบูรณ์ จะสร้างสมเอาสมบัติภายนอก คือ ทรัพย์สินเงินทองอย่างไรก็ได้ จะสร้างสม เอาสมบัติภายในคือมรรคผลนิพพานธรรมวิเศษ ก็ได้ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี้เอง มิได้ทรงบัญญัติ แก่ ช้าง ม้า โค กระบือที่ไหนเลย
มนุษย์นี้เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์ได้ ฉะนั้นจึงไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจว่า ตนมีบุญวาสนา น้อย เพราะมนุษย์ทำได้ เมื่อไม่มี ทำให้มีได้ เมื่อมีแล้วทำให้ยิ่งได้สมด้วยเทศนานัยอันมาในเวสสันดรชาดกว่า ทานํ เทติ สีลํ รกฺขติ ภาวนํ ภาเวตฺวา เอกจฺโจ สคฺคํ คจฺฉติ เอกจฺโจ โมกฺขํ คจฺฉติ นิสฺสํสยํ เมื่อได้ทำกองการกุศล คือ ให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนา ตามคำสอนของพระบรมศาสดาจารย์เจ้า แล้ว บางพวกทำน้อยก็ต้องไปสู่สวรรค์ บางพวกทำมากและขยันจริงพร้อมทั้งวาสนาบารมี แต่หนหลังประกอบกัน ก็สามารถเข้าสู่พระนิพพานโดยไม่ต้องสงสัยเลย พวกสัตว์ดิรัจฉานท่านมิได้กล่าวว่าเลิศ เพราะจะมาทำเหมือนพวกมนุษย์ไม่ได้ จึงสมกับคำว่ามนุษย์นี้ตั้งอยู่ในฐานะอันเลิศด้วยดี สามารถนำตนเข้าสู่มรรคผล เข้าสู่พระนิพพานอันบริสุทธิ์ได้แล.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"..ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ที่หาได้ยากยิ่ง.." แม้เพียงการตั้งใจนึกไว้ให้เสมออย่างน้อยวันละครั้งก็ยังดี ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งที่สำเร็จด้วยใจ นี้เป็นพระพุทธศาสนสุภาษิต ขอให้นึกถึงพระพุทธศาสนสุภาษิตนี้
ทำความเข้าใจให้ถูกต้องชัดเจนว่าใจของเราทุกคนเป็นใหญ่ มีอานุภาพยิ่งใหญ่ความรู้พระคุณท่านผู้ใดก็ตามก็เกิดที่ใจ ดังนั้นการตอบแทนพระคุณท่านก็ทำได้ด้วยใจ อะไรอื่นก็ไม่สำคัญไปกว่าใจ ใจรู้พระคุณท่านได้ ใจก็ตอบแทนพระคุณท่านได้
เพียงให้เป็นความรู้พระคุณท่านจริงใจเท่านั้น ความสำเร็จก็จะเกิดตามมาแน่นอน ดังพระพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า "..ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ.." ทั้งที่ดีชั่วไม่ได้เกิดแต่อะไรอื่นเป็นสำคัญ เกิดแต่ใจที่มุ่งดีหรือไม่มุ่งดีเท่านั้นเป็นสำคัญ.
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
อยากให้ชีวิตง่ายขึ้น อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น
ภาวนามาก ๆ ดูตัวเองมาก ๆ
หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า “ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %” คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 % ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ
ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่
ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง
โบราณพูดว่า เรามักจะเห็น ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มาก ๆ
เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10 เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย 10 จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมาก ๆ และตำหนิติเตียนตัวเองมาก ๆ แต่ถึงอย่างไร ๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ
พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมาก ๆ เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ
ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก
รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่า ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่….. ไม่แน่ อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้ สักแต่ว่า….. สักแต่ว่า….. ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด
ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน
เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความเห็น พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป
เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน
ก็สงบ ๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิด ๆ ๆ ดูแต่ตัวเรา ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มาก ๆ พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา….. นั่นแหละ
เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อย ๆ หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวัน ๆ ก็หมดแรง พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา….. ก็เรื่องของเขา อย่าเอามาเป็นอารมณ์ อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา
ดูใจเรานั่นแหละ
พัฒนาตัวเองนั่นแหละ ทำใจเราให้ปกติ สบาย ๆ มาก ๆ หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข
คำสอนของ : หลวงปู่ชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี
|