Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

มีสติทุกลมหายใจ

พุธ 15 ม.ค. 2025 6:11 am

"..ถอนไส้ตะเกียง ออก” แสงสว่างก็ดับหมด ถ้าถอน ตัวเรา ออกจาก สมมติ อันนั้นเสียแล้ว มันก็เหมือน ถอนไส้ตะเกียงออก แสงสว่างก็ดับหมด

"เราถอน" "ตัว" ออกมา สำคัญว่า “เป็นตัวเป็นตน” “เป็นเรา” “เป็นเขา” “กูดี” “กูชั่ว” “กูโง่” “กูฉลาด” ถอนมันทิ้งเสีย อย่าให้มีในที่นั้น

อาการต่างๆ ก็ ดับไป เหมือนกันกับ ไส้ตะเกียง

ถอนออกดู ความสว่างก็หายหมดข้างนอก มันอาศัย ไส้ตะเกียง กับ ไฟ เป็นอยู่ มันอาศัย ตัวเรา ว่า ตัวกู ของกู นี้แหละ ตัวเขา ตัวเรานี้แหละ เข้าไปหมายไว้

ถ้าสุขก็ว่าเราสุข ถ้าทุกข์ก็ว่าเราทุกข์ เป็นอะไร ก็ว่า เราเป็นอันนั้นแหละ เอา "เรา" ไปใส่ไว้ที่นั้นนี้แหละมันจึงเป็นเหตุให้ เกิดทุกข์ไปรอบด้าน
เพราะ ธรรม นั้นเป็น "อนัตตา"

ไม่ใช่เรา เราเอา "เรา" เข้าไปใส่ ขืนดื้อเข้าไปใส่นี้เรียกว่า "ประมาท" จะไปถอนที่ไหนล่ะ? ถอนไม่ได้เพราะไปหมายมั่นเข้าไป

ให้รู้ตามเป็นจริง ก็ถอน ความเห็น" นั้นออกมาเสีย ถอนความเห็นผิดออกซะ เอาความเห็นถูกเข้าไปใส่ไว้

"สงบ" ท่านหมายถึง "ว่าง" "ว่าง" จึงว่า ความสงบ สงบจาก สุข หรือ ทุกข์ อันนั้น ที่นั้น ว่าง จาก สุข ทุกข์ ที่สงบหมด

เรื่องแก้ไขไม่มีที่แก้ไขมันอีก ถึงความสงบแล้ว

หมดสังขารที่จะเข้า ปรุง เข้า แต่งมัน จะปรุงแต่งได้เพราะมีตัวมีตนมีเรา มีเขา มีสุข มีทุกข์ เท่านั้น

ถ้าถึงที่นั้นแล้ว ไม่มีที่แก้ไขแล้ว หมดที่แก้ไข ดังนั้น ธรรมนั้น จึงเป็นธรรมที่เป็น "ปัจจัตตัง เวทิตัพ โพ วิญญูหิ วิญญูชนจะรู้ได้เฉพาะตน"

เหมือนกันกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือสาวกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เข้าไปเห็นแล้วเป็นของรู้เฉพาะตนเอง

ธรรมนั้นประกาศไม่ได้

ธรรมนั้นแสดงไม่ได้ เอาให้ไม่ได้ ธรรมนั้นเป็นปัจจัตัง ใครเข้าถึงก็เห็นเองรู้เอง.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระโพธิญาณเถร
(หลวงปู่ชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี








"..เวลานั่งสมาธิ อย่านึกว่าเรามานั่งที่ศาลานี้ ให้นึกว่าเรานั่งอยู่ในป่าลึกคนเดียว ตัดปลิโพธกังวล ไม่คิดถึงหมู่คณะและใครทั้งหมด

เรื่องดี ชั่ว มี จน ก็ไม่ต้องคิด คิดแต่เรื่องในกายของตัวเอง และตั้งสติสูดลมหายใจของตนอย่างเดียว

หรือมิฉะนั้นก็ให้คิดว่าเวลานี้เรากำลังนั่งอยู่เฉพาะพักตร์พระพุทธเจ้า เราจะต้องระวังตัวระวังมารยาทของเราให้ดี ไม่ทำกิริยาลุกลิกลุกลน หรือแกะโน่น เก่านี่ กายก็ตรง ใจก็ตั้งเที่ยงเฉพาะพระองค์ หรือ "พุทโธ" อย่างเดียว มีสติทุกลมหายใจเข้าออก ไม่วอกแวกไปไหน.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
(พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๐๔)







“ ทุกแต่กาย ใจอย่าทุกข์ ทำใจให้สุขสันต์ เบิกบานอยู่เสมอ ร่างกายนี้ก้อนทุกข์ มีหน้าที่สี่อย่าง เกิด แก่ เจ็บ ตาย บอกใด่เว้าบ่ฟังเนาะ ”

โอวาทธรรม
#หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตฺโต






"..คิดดูซิพระพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์เสด็จออกทรงผนวชบำเพ็ญธรรมเป็นเวลา ๖ ปีที่หนักมากที่สุดสำหรับพระพุทธเจ้าเรา บำเพ็ญอยู่ ๖ ปี ออกก็ไม่มีใครทราบ ก็มีม้ากัณฐกะเท่านั้นกับนายฉันน์ พอไปถึงที่แล้วก็ปัดม้ากับนายฉันน์ออก พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญเรื่อย ทุกข์ยากขนาดไหนเป็นมหากษัตริย์ไปทรมานตนอยู่ในป่าในเขา อดอยากขาดแคลนแค่ไหน ก็เหมือนตกจากสวรรค์ลงแดนนรกนั้นแหละ พระองค์ก็ไม่สนใจ ปฏิบัติพระองค์อย่างนั้นจนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา จากความลำบากลำบนของพระองค์ เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องคำนึงถึงศาสดาเสมอ อะไรถ้ามีความลำบากลำบนก็มีแต่เอาเสื่อเอาหมอนมายันกันๆ เอาพระพุทธเจ้ามายันเป็นสักขีพยาน ความอุตส่าห์พยายามมันก็มีมาคนเรา.."

พระธรรมเทศนา
เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
(พ.ศ.๒๔๕๖-๒๕๕๔)






"... การประพฤติปฏิบัติ​ในปัจจุ​บัน​ สมมุติกัน
ให้ได้ชั้นนั้นบ้าง​ ชั้นนี้บ้าง อันนี้​มันเป็น​สมมุติ​ แต่ธรรม​ เช่น​ รูป​ เวทนา​ สัญญา​ สังขาร​ วิญญาณ มันไม่เที่ยง

... มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น​ อนิจจัง​ทั้ง​ ๕​ มันก็
เป็นอยู่​อย่างนั้น​ รูปัง​ อนิจจัง​ เวทนา​ อนิจจา​ สัญญา​ อนิจจา​ สังขารา​ อนิจจา​ วิญญาณ​ัง​ อนิจจัง​ มันก็เป็น อยู่​อย่างนั้น​

... เรามาอาศัย​เขา​ สัญญา ​มันก็ไหลไปตามเวลา​ ดิน​ น้ำ​ ลม​ ไฟ​ สลายจากกันแล้ว​ มันก็
ยุติ​ลง ..."
------------------------------------
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
(พ.ศ. ๒๔๓๐ -​ ๒๕๒๘)
ตอบกระทู้