เรื่องธรรมะมันตรงไปตรงมาอย่างนี้ ธรรมะมันจะเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะมันมีมูลเหตุที่จะให้เกิดขึ้นมา ก็อยู่ในบุคคลเรานี้เอง เช่น เมื่อเราสมาทานศีลห้าประการ แล้วพระท่านบอกอานิสงส์ว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ ตสฺมา สีลํวิโสธเย นี้เป็นต้น อันนี้คือท่านบอกอานิสงส์ของการกระทำความดี ท่านบอกอานิสงส์ของการรักษาศีล ศีลนี้เป็นมูลเหตุเป็นรากฐาน ศีลนี้เป็นเค้ามูล เป็นพ่อแม่ของธรรมทั้งหลายทั้งปวง
ศีลนี้คืออะไร ศีลนี้ก็คือ ตัวกายตัววาจา ซึ่งมีอยู่กับพวกเราทั้งหลายนี้เอง กายนี้มันอาจทําให้ผิดได้ วาจานี้อาจทําให้ผิดได้ แต่ถ้ามันคิดทางจิตอย่างเดียว กายไม่กระทํา วาจาไม่พูดอะไรออกไป ศีลมันก็ยังมีอยู่ ยังไม่เป็นโทษ ยกตัวอย่างเช่นว่าเรานึกอยากฆ่าสัตว์ตัวนี้ แต่เราไม่ฆ่ามันด้วยกาย และไม่บอกคนอื่นฆ่าด้วยวาจา โทษนั้นมันก็ยังไม่มี ศีลนั้นก็ยังบริสุทธิ์อยู่
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
"..ธรรมของพระพุทธเจ้ามิใช่ธรรมลูบคลำและหลอกลวง ถ้าใครเชื่อตามเหตุผลที่ประทานไว้และปักใจลงปฏิบัติตามแบบเอาชีวิตชีวาเข้าแลก ไม่เป็นห่วงเสียดายว่าธรรมจะพาไปล่มจมป่นปี้ มีแต่ตั้งหน้าปฏิบัติกำจัดสิ่งที่เคยเป็นข้าศึกทำการกีดขวางใจ มีความกลัวเป็นต้น ผู้นั้นจะถึงฝั่งแห่งความเกษมในไม่ช้า การฝึกฝนทรมานตนด้วยธรรมนี่แลคือทางพ้นทุกข์โดยถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"...อย่าทำความรู้ ความเห็นและความประพฤติทุกด้านเหมือนเราไม่มีป่าช้าอยู่กับตัว อยู่กับบ้านเมืองเรา อยู่กับญาติมิตรของเรา บทถึงคราวเป็นอย่างโลกที่มีป่าช้าทั่ว ๆ ไปขึ้นมา จะแก้ตัวไม่ทัน แล้วจะจมลงในที่ตนและโลกไม่ประสงค์อยากลงกัน จะคิดจะพูดจะทำอะไร ควรระลึกถึงป่าช้าคือความตายบ้าง เพราะกรรมกับป่าช้าอยู่ด้วยกัน ถ้าระลึกถึงป่าช้า ในขณะเดียวกันได้ระลึกถึงกรรมด้วย พอทำให้รู้สึกตัวขึ้นบ้าง อย่าอวดตัวว่าเก่งทั้ง ๆ ที่ไม่เหนืออำนาจของกรรม แม้อวดไปก็เป็นการทำลายตัวให้ล่มจมไปเปล่า ๆไม่ควรอวดเก่งกว่าศาสดาผู้รู้ดีรู้ชอบทุก ๆ อย่าง ไม่ลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนคนมีกิเลสที่อวดตัวว่าเก่ง สุดท้ายก็จนมุมของกรรมคือความเก่งของตัว.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
“#ผู้บรรลุธรรมเขาไม่ได้มาบอกแบบทางโลก ผมได้สำเร็จขั้นนั้นแล้ว สำเร็จขั้นนี้แล้ว ผมเป็นโสเดา โสดาแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นของปลอมทั้งนั้น คนที่เขาหลุดพ้นจริงๆ บรรลุธรรมจริงๆ เขาไม่มีความอยากให้ใครรู้หรอก เขาไม่บอกใครหรอก เขาจะเก็บตัวเงียบ ยิ่งรู้ ยิ่งเงียบ
อย่างหลวงปู่ลี (หลวงปู่ลี กุสลธโร) ท่านไม่เคยบอกว่าท่านบรรลุธรรม ก็เพราะมีครูบาอาจารย์ท่านมาบอกไว้ ไม่มีใครรู้เพราะท่านไม่พูดกับใคร ท่านไม่บอกใคร ถ้ามีความอิ่มทางความสุขความพอแล้ว ไม่เห็นต้องอยากไปบอกใคร คนที่อยาก แสดงว่ายังไม่พอ ยังอยากให้คนรู้ ยังอยากให้คนยกย่องสรรเสริญ ก็เลยไปบอก คนที่รู้จริงๆคนที่บรรลุธรรมจริงๆ เขาจะไม่บอก
พระพุทธเจ้า ตอนต้นท่านก็ไม่อยากจะบอกใคร ท่านไม่อยากจะสอน สอนไปคนนึงก็ปฏิบัติตามไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้แยกแยะจิต ของคนก็มีสี่ประเภท เหมือนบัวสี่เหล่า พวกที่ฉลาดพร้อมรับคำสอนได้ก็มี ท่านก็เลยมุ่งไปหาผู้ที่ฉลาดก่อน คือ ปัญจวัคคีย์ ระหว่างทางก็ไปเจอพราหมณ์คนหนึ่ง พราหมณ์ถามไปไหน ท่านเป็นใคร พระพุทธเจ้าบอกเราเป็นพระพุทธเจ้า พราหมณ์ เอ้อดี เขาก็ไม่เชื่อ ไปบอกเขา เขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี เขาก็ไม่รู้พระพุทธเจ้าเป็นอะไร เป็นใคร งั้นอย่าไปบอกดีกว่า สู้สอนให้เขาเป็นดีกว่า
พอมาสอนให้พระปัญจวัคคีย์เป็นพระอรหันต์ พระปัญจวัคคีย์ก็รู้เลยว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ การเป็นพระอรหันต์นี้เป็นอย่างไร ผู้ที่ฉลาดเขาไม่มาพูดเปรยๆ หลอก ข้าพเจ้าเป็นพระโน่นพระนี่แล้ว เขาจะมาสอนเรา แล้วถ้าเราปฏิบัติได้ เราได้ผล เราก็จะเป็นผู้มารับรองเขาเอง เอ้อ คนนี้ใช่แน่นอน เนี่ยใครมารับรองพระพุทธเจ้าว่าเป็นพระพุทธเจ้า ก็พระสาวกทั้งหลายนี่ไง พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป วันมาฆบูชา มากราบพระพุทธเจ้า แสดงว่ามายืนยันมารับรอง นี่แหละ คือ พระพุทธเจ้าที่แท้จริง เพราะเขาได้เป็นพระอรหันต์เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้านี่เอง”
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๙
ถ้าไม่ต้องการเกิดอีก มีสติ ระวังรักษาศีลตลอดชีวิต มีสติ ระวังไม่ทำชั่วทางกาย ใจ มีสติ ระวังถอนความยินดีและความไม่ยินดี ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อปฏิบัติเช่นนี้ อวิชชาโมหะ เป็นอันถูกละ จิตหยุดปรุงแต่ง ภพชาติจึงดับไป
- หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
If you don't want to be born again Be mindful, keep your precepts for life. Conscious, careful not to do evil physical Be mindful, careful, withdraw, joy and joy. Via eyes, ears, nose, tongue, body, mind When practicing this, ignorance of rulers is correct. Mental breakdown Therefore the world went off
- Luang Pu Man Phurithatto
|