บางคนบอกว่า “โลกนี้วุ่นว่ายเหลือเกิน ไม่อยากกลับมาเกิด ฉันพอ พอแล้ว” ความคิดอย่างนี้ดีไหม? ขอตอบว่า แล้วแต่เจตนา
ความปรารถนาที่จะออกจากวัฏสงสารมีสองประเภท หนึ่ง ปรารถนาเพราะเห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิดตามความเป็นจริง สอง ปรารถนาเพราะเบื่อหน่าย
ประเภทที่สองเป็นอาการของ วิภวตัณหา คือ ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ความปรารถนาอย่างนี้ไม่เกิดผลที่ต้องการ เพราะตัณหาย่อมเพิ่มความผูกพันอยู่เสมอ ไม่สามารถนำไปสู่การหลุดพ้นได้ ข้อนี้สำคัญมาก นักปฏิบัติควรสังเกตว่าถ้ายึดไว้ซึ่งอารมณ์ไม่ชอบ รังเกียจ เบื่อหน่ายสิ่งใดแล้ว แม้แต่สิ่งนั้นไม่ดีก็ตาม นั่นคืออาการของกิเลส ไม่ใช่ทางออกจากทุกข์
หลวงพ่อชาเคยสอนว่า โลกคืออารมณ์ หลงโลกคือหลงอารมณ์ จะออกจากโลก ต้องออกจากอารมณ์ การไม่เกิดที่ควรสนใจศึกษาจึงอยู่ที่การฝึกให้รู้จักวิธีไม่เกิดเป็นเจ้าของอารมณ์
พระอาจารย์ชยสาโร
"อันไหนมันผิดไปแล้วก็กลับตัวกลับใจ กรรมที่เราสร้างไปมันก็ไม่ขยายออกไป มีแค่หนึ่งอย่างเดียว สองไม่มี เรียกว่าแก้ไข สมมตินะ ถ้าไม่แก้ก็สอง สาม สี่ ห้า จนเต็มร้อยโน่นล่ะ ขนาดไม่เต็มร้อยก็ยังแย่นะ เต็มร้อยก็ไม่ได้ผุดได้เกิดล่ะ กรรมที่เราสร้างมันไม่พ้นหรอก ทำไป จะเห็นเองหรอก อย่าว่าจะไม่ได้รับ อย่าว่าตายแล้วจะไม่ได้เกิด คอยดู..."
โอวาทธรรม #หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล
บุคคลที่จะภาวนาเป็นต้น ต้องมีการสังวรสํารวมศีล ถ้ามีศีลก็ตั้งใจมั่น ความตั้งใจมั่น เรียกว่าสมาธิ มั่นในหน้าที่อันนี้ มั่นในการงานอันนี้ มั่นในการสังวรอันนี้ มั่นในการสํารวมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา นี่เรียกว่าสมาธิ
ความตั้งใจมั่น ความเข้มแข็ง ความตั้งไว้ในใจเสมอ ความไม่คลอนแคลน นี่คือรากฐานให้ เกิดปัญญา เมื่อมันมีอยู่เรื่อย...อย่างอาการทั้ง ๓ อย่างนี้ ก็เป็นศีลด้วย เป็นสมาธิด้วย เป็นปัญญาด้วย ถ้าเรามามองดูทั้งหลายเหล่านี้ อาการ ๓ อย่าง นี้ เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
บุญกุศลอันเลิศอันประเสริฐใด ๆ มันจะสู้การละไม่ได้ สู้การปล่อยไม่ได้ สู้การวางไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราให้ กินให้ทานทุกสิ่งทุกอย่างสารพัดเป็นต้น เพื่อการดับทุกข์ เพื่อการปล่อยวาง เพื่อให้เห็นธรรมะที่มันเกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นของไม่แน่ไม่นอน
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
"..มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทำบาป เมื่อทำแล้ว ก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทำไว้ นี่เป็นสัจจะความจริงอย่างเด็ดขาด พ่อแม่ของเราทำกรรมมา เราเกิดมาก็ทำกรรมไป ทำไปทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คนทำบาปจึงมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ทำบาปย่อมได้บาป ทำบุญย่อมได้บุญ
มีบางคนชอบพูดคะนองปากว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป พูดอย่างนี้ผิด พูดไม่รู้จริง เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้ เราต้องใจเย็นคอยดูผลตลอดชีวิต อย่าดูในระยะสั้นๆ ต้องดูไปเรื่อยๆ ในระยะยาว อย่าใจร้อนอยากจะเห็นผลดี ในเวลาอันรวดเร็วนัก
ทำดียังไม่ได้ดี เราต้องรอคอยผลดีได้ การทำดีเพื่อจะให้ดีนั้น เราต้องทำให้ถูกหลักคือ ทำให้ถูกดี ทำให้ถึงดี ทำให้พอดี อย่าทำเกินพอดี ทำให้ถูกบุคคล ทำให้ถูกกาลเทศะ การต้องการผลดีตอบแทนนั้น อย่าหวังผลแต่ด้านวัตถุท่าเดียว ต้องหวังผลทางใจคือ ความสบายใจ ความสุขใจด้วย.."
#เทศนาธรรมคำสอน หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๑๗)
"..วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้าหากยังไม่บรรลุผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมีก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว"
"อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้โดยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายของชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้โดยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่...ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง
เหตุนั้น เราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด ... อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย.."
หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล แห่งวัดบูรพาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
"เหนือฟ้ายังมีฟ้า แต่ไม่มีอะไร เหนือกฎแห่งกรรม"
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
"เราทุกคนมีบาปกันทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย จงสะดุ้งหวาดกลัวต่อบาป ต่อกรรม ต่อเวร และระมัดระวัง ไม่ให้บาปเกิดขึ้นในใจ เช่น ระวังไม่ให้เกิดความโลภ ยินดีเท่าที่มีอยู่ เท่าที่หาได้ ไม่ผูกโกรธ เพราะความโกรธเป็นไฟ เผาจิตใจให้ร้อน ทั้งวันและคืน ให้อโหสิกรรมเสีย ยกโทษ โทษก็จะหมดไป เพราะว่าไม่ถือมั่น ความโกรธ ความพยาบาท"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
“เราช่วยเขา ก็อย่าไปคิดว่าเขาจะตอบแทนบุญคุณ ของเรา อย่าไปคิดว่าเขาจะมาภักดีกับเรา หลายคน มีความทุกข์ เพราะคาดหวังว่าเขาจะต้องสำนึกใน บุญคุณของเรา เขาจะต้องดีกับเรา พอเขาไม่ดีกับเรา หรือเพราะเขาอาจสำนึกบุญคุณแต่ไม่มาก อย่างที่เราต้องการ เราก็มีความทุกข์ รู้สึกว่าทำไม เขาไม่ตอบแทนบุญคุณของเราเลย ให้เงินเขาไป หรือให้ยืมเงินแล้ว เขาก็ไม่สนใจที่จะมาตอบแทน บุญคุณของเรา หรือไม่ดีกับเรา ก็เลยเกิดความบาดหมาง เกิดความคับแค้นใจ กลายเป็นว่าทำความดี หรือ แม้ช่วยเขาแล้วเกิดความทุกข์ใจในภายหลัง อันนี้เพราะ ไปคาดหวังให้เขาทำดีกับเรา ให้เขาภักดีกับเรา แต่ถ้าเราลองมานึก เออ... เขาก็เหมือนกับแมวนะ เราให้อาหารเขา เขากินอาหารแล้วเขาก็ไป ไม่รู้สึก ภักดีอะไรกับเรา ถ้าเราช่วยคนเหมือนกับเราเลี้ยงแมว ไม่ได้หวังความภักดีจากเขา พอได้รับการช่วยเหลือ หมดทุกข์หายหิวแล้วเขาก็ไป นี่การเลี้ยงแมว ก็สามารถจะสอนเราได้เหมือนกัน สอนให้เราทำดี กับผู้อื่นด้วยการวางใจเหมือนกับเลี้ยงแมว”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
#จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี #ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติ #มีศีล รักในการปฏิบัติจิต มุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด #ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ ทุก ๆ คน #มีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล นิพพาน ได้เท่าเทียมกันทุกคน #ไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะแต่อย่างใด #ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง....
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
#ชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ถ้าเราเกิดอีก เราก็ลำบากอีก อย่าเกิดเลยดีกว่า งานที่ทำขอให้คิดว่าทำเพียงหน้าที่ คือ หน้าที่ๆ จะต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ทำไป และอย่าติดหน้าที่ คิดวาง คิดปล่อย คลายความเมา ปล่อยใหเป็นเรื่องของกรรม แต่อย่าบกพร่องในหน้าที่ พระพุทธพยากรณ์เมื่อไม่ช้านี้ พ่อดีใจ ท่านตรัสว่า ความยาวของชีวิตพ่อ มีประโยชน์กับลูกและหลาน ลุกทุกคนจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีก พ่อดีใจ ถ้าต้องทรมานกายเพื่อความถึงที่สุดของลูกและหลาน พ่อทนได้เสมอ ความจริงเราทุกคนไม่ต้องกลัวตาย กลัวเกิดดีกว่า ถ้าเราไม่เกิดเสียอย่างเดียว มันจะตายอย่างไรให้มันรู้ไป ถ้าไม่เกิดให้มันตายที ทีนี้เราเกิดมา เพราะตาเราเห็นรูป เราพอใจในรูป หูได้ยินเสียง พอใจในเสียง เป็นต้น ความพอใจไอ้ตัวจริงๆ ที่เป็นตัวร้ายที่เราจะต้องตัด คือ ใจ ตัดอารมณ์ของใจเสีย อย่าให้ใจมันโง่ แนะนำมันบอกว่า นี่ไอ้แกไปหลงใหลใฝ่ฝันในรูป รูปนี้สวย ทรวดทรงดี ถามมันดูซิว่า มีรูปอะไรที่มีการทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงบ้าง ไม่มีการทรุดโทรม ไม่มีการเสื่อมมันมีบ้างไหม ถามใจมันดู =============== คำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน จากหนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 1 หน้า 86-87
|