Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ศีลธรรมภายในใจ

จันทร์ 17 ก.พ. 2025 4:24 am

การเกิดมาพบ มาเจอกัน
ถือว่าเราทำกรรมร่วมกันมา
จะแบ่งว่าดี ว่าชั่ว
มันก็อีกเรื่องหนึ่ง

ใครจะชั่วกับเราก็เมตตาให้อภัย
ใครจะดีกับเราก็อนุโมทนาสาธุการ
ทำจิตให้ได้ ให้ดี
ชาติภพต่อไป
จะได้ไม่ติดค้างกัน

ท่านพ่อลี ธัมมธโร
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ







"..ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า ชาติหลังหรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง 16 ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้งความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระราชวุฒาจารย์
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
(พ.ศ.๒๔๓๑–๒๕๒๖)







"..ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร





"..อย่าปล่อยให้ตัวมานะ เข้าไปยื้อแย่งครอบครองศีลธรรมภายในใจได้ จะกลายเป็นผู้มีเขี้ยวมีเขาแฝงขึ้นมาในศีลธรรมอันเป็นธรรมชาติเยือกเย็นมาดั้งเดิม การฝึกหัดทรมานตนให้เป็นเหมือนผ้าเช็ดเท้าจนเคยชิน โดยไม่ยอมให้ตัวทิฏฐิมานะโผล่ขึ้นมา ว่าตัวมีราคาค่างวดนี้ เป็นทางก้าวหน้าของธรรมภายในใจโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นใจธรรมชาติ ไม่หวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน ใครจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะเทือน จิตที่ปราศจากทิฏฐิมานะทุกประเภทโดยประการทั้งปวงแล้ว ย่อมเป็นจิตที่คงที่ต่อเหตุการณ์ดีชั่วทั้งมวล.."

ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส
ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






"..เมื่อคราวปฏิบัติได้สองพรรษาผมจึงหายสงสัยในการปฏิบัติไปฟังธรรมท่านอาจารย์มั่น ท่านเทศน์ให้ฟัง ท่านบอกว่า "ให้เราทำเอา" เรื่องของมันเป็นอย่างนี้ เรื่องให้เราทำเอาปฏิบัติเอาอย่างนั้นๆ
บอกให้เรากินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ท่านก็บอกให้ทำเอาถ้าเราไม่ไปทำก็ไม่เป็นเท่านั้นแหละ ถ้าเราทำก็เป็น เพราะท่านบอกไว้แล้ว ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกเท่านั้น เราก็ทำเอาเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ฟังมากเท่าไร ทำเหมือนท่านพูดท่านว่าทำเอา มันมักมากทำให้มันน้อยลงไป ปฏิบัติเข้าไป มันติดเพื่อนก็หนีจากเพื่อน หลีกจากหมู่ ใครพาพูดมากก็ไม่ยุ่งด้วย ไปหาคนพูดน้อยโน้น อยู่คนเดียว ใครพูดไม่ได้สาระประโยชน์พาร่าเริงก็หนีไม่คบ อารมณ์เหมือนกัน ไม่ว่าแต่เพื่อนข้างนอก แม้มันเกิดมาในใจก็เหมือนกัน มันจะพายั่วยวนไปนั่นไปนี่...เลิก...ไม่เอาด้วย นี่...มันต้องรู้อยู่อย่างนี้การปฏิบัติ ฉะนั้นจึงหายความสงสัยในการฟังธรรม หายสงสัยเพราะรู้หมดหรือ? ไม่...ไม่รู้หมดหรอก รู้แต่ว่าท่านเทศน์ให้เราฟัง ท่านให้ทำเอาเองเท่านั้นแหละ ก็มาทำเอาเท่านั้นแหละ ถ้าคนจะทำไม่ยาก การปฏิบัติทำมันลงไป "ไม่ดีให้มันตาย ไม่ตายก็ให้มันดีซะ" เอาชีวิตแลกเอาเท่านั้นแหละ เกิดมาชาติเดียวจะเอาไปทำไมอีก กำลังวังชายังแข็งแรงทำเอาปฏิบัติเอา.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระโพธิญาณเถร
(หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี
(พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)






"..พรขอได้ที่ตัวเอง.."

"..คำสอนในพระพุทธศาสนา เน้นสอนเรื่องกรรม ทำกรรมดี ได้ผลดี ทำกรรมชั่วได้ผลชั่ว ดังนั้น ควรทำกรรมดี เช่น การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต การบูชาผู้ควรบูชานี้เป็นมงคลสูงสุด ในวาระขึ้นปีใหม่นี้ หากระลึกถึงคติแห่งพร หรือมงคลทางพระพุทธศาสนาดังกล่าว และหันมาขอพรอย่างนี้กันให้มากขึ้น

พรอย่างนี้ไม่ต้องไปขอจากใคร ให้ขอจากตนเอง คือ ขอให้ตนเองเว้นความประพฤติต่างๆ ที่ชั่วร้าย ขอให้ตนเองสร้างคุณความดี ขอให้ตนเองระงับใจจากความโลภโกรธหลง พรเหล่านี้ตนเองเท่านั้นที่จะให้ได้ ใครอื่นจะขอหรือแนะนำตักเตือนสักเท่าไร ถ้าตนเองไม่ทำแล้วก็ไม่สำเร็จประโยชน์

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “จงเตือนตนด้วยตนเอง จงพิจารณาตนด้วยตนเอง ท่านมีสติคุ้มครองตนได้แล้ว เป็นผู้เห็นภัยในโทษ แม้เพียงเล็กน้อย จักอยู่เป็นสุข” นี้คือวิธีขอพรตนเองของพระพุทธเจ้าผู้เลิศล้ำ ขอให้พรนี้ จงสำเร็จแก่ทุกๆ ท่าน.."

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร






"..ไม่ใช่บวชหรอก ไม่ใช่การบวช บวชมาแล้วก็ไม่ได้อะไร ถ้าเราไม่ปฏิบัติ ก็เป็นอย่างเก่านั่นแหละ ก็เสียไปอย่างนั้นถ้าเราคิดถูก แม้จะทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ช่างเถอะ เป็นครูเป็นอาจารย์ เป็นข้าราชการทำหน้าที่การงานที่ไหนก็ตาม ถ้าเรารู้เรื่องของเรื่องอันนี้ จะได้รับการอบรมทุกวินาที เราได้ปฏิบัติ บางคนเข้าใจว่า "โอ๊ย ! ฉันเป็นฆราวาสทำไม่ได้หรอก" นี่คือมันหลงเตลิดเปิดเปิงไปทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เลย อย่างอื่นทำไมทำได้ อย่างอื่นทำได้ อะไรที่ไม่มี เราก็หาได้เพราะเราอยากได้เราก็ทำได้ "ผมไม่มีเวลาเลย ผมมีแต่การงาน" "เอ้า ! ทำไมคุณมี เวลาหายใจล่ะ" นี่เป็นเรื่องอย่างนี้ ทำไมคุณจึงมีเวลาหายใจ หาเวลามาจากไหน แน่ะ! เพราะ เรื่องการหายใจ เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของคุณ ถ้าคุณเห็นว่า เรื่องการปฏิบัติ เป็นเรื่องสำคัญ ในชีวิตของคุณแล้ว การปฏิบัติของคุณ ก็เสมอลมหายใจเท่านั้นแหละ ก็เพราะ การปฏิบัตินี้ มิใช่ว่า จะไปวิ่ง หรือไปเล่นกีฬา หรือจะต้องออกกำลังกาย หรือจะไปทำอะไรให้มันวุ่นวาย เราดูความรู้สึกของเรานี่ มันเกิดมาจากเหตุใด ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส อะไรมา ก็รวมกันมาที่ผู้รู้ คือจิตที่มีความรู้ขึ้น มันเป็นอย่างไร ถ้ามันไม่ชอบใจมันก็ไม่เอา เป็นทุกข์ ถ้ามันชอบใจ มันก็เอาเป็นสุขเสีย เรื่องเท่านี้แหละ ทีนี้เราลองคิดว่า ถ้าคุณอยู่ในโลกนี้ คุณจะไปเอาสุขที่ไหน ไม่ได้ ไม่ได้คุณจะไปอยู่ที่ไหน โลกนี้มันต้องเป็นอยู่อย่างนี้ ท่านตรัสว่า โลกวิทู รู้แจ้งโลก พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ พระพุทธเจ้าก็อยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ท่านจะไปอยู่ที่ไหน ท่านก็อยู่ในโลกนี้ มีครอบมีครัว ท่านจึงพิจารณาจนมันเบื่อ จนเห็นโทษมัน แล้วทำอย่างไร เราจะปฏิบัติได้ ถ้าคุณจะปฏิบัติได้ คุณต้องพยายาม เมื่อคุณพยายามไปเรื่อยๆ คุณเข้าไปเห็นโทษในสิ่งนั้นแน่นอนแล้ว คุณก็วางมันได้เท่านั้นเอง.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระโพธิญาณเถร
(หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง
อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
(พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
ตอบกระทู้