หลวงพ่อฤาษี ไขปริศนาเรื่องแดนนรกภูมิ
มีคนสงสัยกันมาก เรื่องแดนนรกภูมิ ที่มีคนตายไปแล้วฟื้นหลายคน เมื่อกลับมาเล่าเรื่องสิ่งที่พบเห็นในสำนักของท่านพระยายมราช ทำไมถึงเห็นไม่เหมือนกัน เลยทำให้คนบางคนฟังแล้วก็ไม่เชื่อถือ เพราะคิดว่าถ้าเห็นจริง ต้องเห็นเหมือนกัน
เกี่ยวกับเรื่องแดนนรกภูมิ ที่มีคนตายไปแล้วฟื้นหลายคน เมื่อกลับมาเล่าเรื่องสิ่งที่พบเห็นในสำนักของท่านพระยายมราช ทำไมถึงเห็นไม่เหมือนกัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านได้เมตตาอธิบายไว้ในหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ ดังนี้
นี่แหละบรรดาท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพที่รับฟัง ความจริงไม่ตรงกัน คือ ถ้าหากมาฟังจากพระที่ท่านท่องเที่ยวในเมืองนรกได้ ท่านจะบอกว่ามีการเห็นเป็น ๒ อย่างด้วยกัน
การเห็นในระยะแรก ถ้ากำลังฌานของเราดี แต่ว่าวิปัสสนาญาณไม่ดี จะเห็นคนในที่นั่น หน้าตาไม่สวยสดงดงาม มีหน้าตาน่ากลัว
แต่มาถึงขั้นวิปัสสนาญาณดีแล้ว เรียกว่าวิปัสสนาญาณเข้าขั้น เข้าระดับที่ไม่ถอยหลังลงมา มีอารมณ์แจ่มใส ตัดอุปาทานได้เด็ดขาด อันนี้จะเห็นสำนักพระยายมอีกสภาพหนึ่ง คือ มีสภาพที่เต็มไปด้วยความสวยสดงดงาม
นี่ เรื่องของตาก็มีความสำคัญมาก ถ้าคุณตามัวเห็นของสวยก็มัวไปด้วย ส่วนคนตาดีก็เห็นได้ตามความเป็นจริง นี่ว่ากันถึงตาเนื้อ ตาเนื้อมีสภาพฉันใด ตาใจก็เหมือนกันนะ พระคุณเจ้าที่เคารพ ตาใจนี่มีความสำคัญมาก โดยมากมักจะยึดตาฌาน
ตาเนื้อหรือความรู้สึก คือ มีความนึกคิดไว้ก่อนว่า สภาพของสวรรค์เป็นอย่างนั้น นี่ความไม่ตรงกันระหว่างตากับความเป็นจริงมันมีอยู่ แล้วอารมณ์ของจิตก็เหมือนกัน ถ้าจิตของบุคคลใดมีอุปาทานอยู่ อันนั้นจะเห็นของจริงไม่ได้
แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติถึงแล้ว จะได้ไม่สงสัยว่า สภาพของสำนักพระยายมราชเป็นอย่างไร เวลาที่เราได้ฌานโลกีย์อย่างต่ำหรือว่าฌานโลกีย์อย่างสูง เราเห็นสภาพเป็นยังไง มัว ๆ เหมือนกับบ้านธรรมดา หน้าตาคนในสำนักนั้นเหมือนคนธรรมดา
ตานี้ พระที่ท่านได้อภิญญาด้วย แล้วก็ได้อรหัตผล ว่ากันอย่างนี้ก็แล้วกัน ได้อรหัตผลด้วย ทรงอภิญญาด้วย ท่านจะเห็นสำนักพระยายมตามความเป็นจริง คือ มีความสวยสดงดงาม มีวิมานเป็นที่อยู่
สภาพของสำนักพระยายมราช เป็นอาคารหลังใหญ่ ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มีทางเข้าอีกด้านหนึ่ง แล้วในบริเวณนั้นตอนกลางๆ ตรงประตูเข้ามาพอดี มีบัลลังก์สำหรับนั่ง มีพระยายมคอยพิพากษาโทษสัตว์ (คำว่าสัตว์ในที่นี้ ก็หมายถึง คนที่ลงไปในนรก ที่เขามาเชิญตัวไป)
ด้านหน้าของพระยายม เบื้องขวามีเทวดาท่านหนึ่งนั่งอยุ่ มีเครื่องทรงพื้นสีแดง เครื่องทรงประดับไปด้วยแก้วมณี แพรวพราวสวยงาม หน้าตาสดชื่น
โต๊ะอีกโต๊ะหนึ่ง อยู่เบื้องซ้ายของพระยายม มีนายบัญชีใหญ่นั่งอยู่ ถือบัญชีแต่งเครื่องทรงมีพื้นเป็นสีเหลือง แล้วเสื้อกางเกงก็ประดับไปด้วยแก้วมณี พระยายมราชมีเครื่องทรงเป็นพื้นสีเหลืองเป็นทอง แล้วก็มีเครื่องประดับไปด้วยแก้วมณี.
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
"..พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาท.."
"..วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว
อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และกุศลธรรมบท ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเลย.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระครูวิเวกพุทธกิจ (หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล) วัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
"... สิ่งใดสิ่งหนึ่งเมื่อเกิดขึ้น มันก็ดับไปเอง ... อย่าเข้าไปยึดถือสำคัญมั่นหมายว่าเป็น ... สิ่งนั้น ว่าเป็นสิ่งนี้ เพ่งอยู่จนหายสงสัย ... ถ้าหายสงสัยมันก็ได้บรรลุ ... มรรค-ผล-นิพพานเท่านั้นล่ะ ..." ------------------------------------ #หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๓๐ - ๒๕๒๘)
หลวงพ่อชาสอนว่าขยันก็ปฏิบัติ ขี้เกียจก็ปฏิบัติ ถ้าใครไปอยู่ที่วัดหรือศูนย์ปฏิบัติธรรม สิ่งแวดล้อมช่วยให้เราชนะใจตัวเองได้ สามารถปฏิบัติทั้งๆที่รู้สึกขี้เกียจบ้าง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อการชนะใจตนเลย ตรงกันข้ามมีแต่สิ่งกระตุ้นกิเลสตลอดเวลา
เงื่อนไขหรือคุณธรรมสำคัญที่จะรับประกันว่าการปฏิบัติของเราจะสม่ำเสมอต่อเนื่องได้ก็คือฉันทะ ฉันทะคือความอยากหรือความปรารถนาฝ่ายกุศล แต่ฉันทะจะเกิดขึ้นได้ด้วยการพิจารณาเห็นโทษของการไม่ภาวนา (ความทุกข์และกิเลสที่ไม่มีวันจบสิ้น) และคุณประโยชน์ของการภาวนาบ่อยๆ (ความเจริญด้วยสติ สมาธิ และปัญญา) จะเกิดด้วยการพิจารณามรณะสติบ่อยๆ และจะเกิดด้วยการไม่หักโหม ไม่ทนต่อทุกขเวทนามากเกินไป เพราะถ้าสู้กับเวทนามาก ไม่นานจะเบื่อ ไม่อยากภาวนา ให้อดทนบ้างแต่ก็ให้รู้จักประมาณ (ผู้ชอบทนเวทนานานๆ ถ้าเกิดเบื่อหน่ายหรืออคติต่อการภาวนา คงเป็นว่าเกินพอดีเสียแล้ว)
โดยสรุปแล้ว #ผู้ที่จะก้าวหน้าในธรรมจนถึงขั้นปฏิบัติชอบ #ต้องฝึกให้ชอบปฏิบัติเสียก่อน
พระอาจารย์ชยสาโร
#ต้องตั้งใจทำให้แน่วแน่จะได้ไม่เสียเวลาเปล่า
"..การบริกรรม พุทโธ เปล่าๆ โดยไร้เจตจำนงไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย กลับเป็นเครื่องบั่นทอนความเพียร ทำลายกำลังใจในการเจริญจิตในคราวต่อๆ ไป
แต่ถ้าเจตจำนงมั่นคง การเจริญจิต จะปรากฏผลทุกครั้งไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนดังนั้น ในการนึก พุทโธ การเพ่งเล็งสอดส่อง ถึงความชัดเจน และความไม่ขาดสายของพุทโธ จะต้องเป็นไปด้วยความไม่ลดละเจตจำนงที่มีอยู่อย่างไม่ลดละนี้
เปรียบได้ว่า มีลักษณะการประหนึ่งบุรุษหนึ่งจดจ้องสายตาอยู่ที่คมดาบที่ข้าศึกเงื้อขึ้นสุดแขนพร้อมที่จะฟันลงมา บุรุษผู้นั้นจดจ้องคอยทีอยู่ว่า ถ้าคมดาบนั้นฟาดฟันลงมา ตนจะหลบหนีประการใดจึงจะพ้นอันตราย เจตจำนงต้องแน่วแน่เห็นปานนี้ จึงจะยังสมาธิให้บังเกิดได้
ไม่เช่นนั้นอย่าทำให้เสียเวลา และบั่นทอนความศรัทธาตนเองเลย.."
#พระธรรมคำสอน พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖ )
|