"..พระพุทธเจ้าจึงยังมีอยู่ ยังเมตตากรุณาสัตว์ทั้งหลาย ยังช่วยมนุษย์สัตว์ทั้งหลายอยู่ ถ้ามนุษย์ผู้ใดมีความประพฤติปฏิบัติดี จงรักภักดี พระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ผู้นั้นก็จะมีคุณงามความดีอยู่ตลอดทุกวันฉะนั้น ถ้าเรามีปัญญา ก็จะเห็นได้ว่า เราไม่ได้อยู่ห่างพระพุทธเจ้าเลย เดี๋ยวนี้เราก็ยังนั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าเราเข้าใจธรรมะเมื่อใด เราก็เห็นพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น ผู้ใดที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน อยู่ ณ ที่ใด ผู้นั้นย่อมได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"..ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร บันทึกธรรมโดยหลวงปู่หลุย จันทสาโร
"..ด้วยอานุภาพของไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และ ปัญญา นี้แล พึงชนะข้าศึก คือ กิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียดได้
1. ชนะความหยาบคาย ซึ่งเป็นกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงทางกายวาจาได้ด้วย ศีล ชนะความยินดี ยินร้าย หลงรัก หลงชัง ซึ่งเป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดขึ้นในใจได้ด้วย สมาธิ และ ชนะความเข้าใจผิด รู้ผิด เห็นผิดจากความเป็นจริงของสังขาร ซึ่งเป็นกิเลสอย่างละเอียด ชนะได้ด้วย ปัญญา
2. ผู้ใดศึกษาและปฏิบัติตามไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ โดยพร้อมมูลบริบูรณ์สมบูรณ์ด้วย ผู้นั้นจึงเป็นผู้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้เป็นแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะฉะนั้น จึงควรสนใจ เอาใจใส่ ตั้งใจศึกษาและปฎิบัติตามไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ทุกเมื่อเทอญ.."
#เทศนาธรรมคำสอน ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ท่านธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ
"...หลักของใจ..."
"..คนที่ทำแต่ ".บุญ." แต่ไม่ได้ทำ ".หลักของใจ." ไว้ ก็เปรียบเหมือนกับคนที่มี ".ที่ดิน." แต่ไม่มี ".โฉนด."
จะซื้อขายเป็นเงินเป็นทองก็ได้ดอก แต่มันอาจจะถูกเขาฉ้อโกงได้ เพราะไม่มีเสาหลักปักเขตไว้
คนที่ ".ศีล." มี ".ทาน." แต่ไม่มี ".ภาวนา." (คือหลักของใจ) ก็เท่ากับถือศาสนาเพียงครึ่งเดียว
เหมือนคนที่อาบน้ำบั้นเอว ไม่ได้รดลงมาแต่ศีรษะ ก็ย่อมจะไม่ได้รับความเย็นทั่วตัว เพราะไม่เย็นถึงจิตถึงใจ.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
#อานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการทำบุญบริจาคทานสิ่งของต่างๆ
พระพุทธเจ้าท่านทรงอธิบายไว้หลายอย่างมากมายด้วยกัน จะกล่าวไว้บางประการพอให้เห็นเป็นตัวอย่าง ใครจะบริจาคอะไรก็เลือกทำได้ตามกำลังของตน
ใครบริจาคทานข้าว น้ำ อาหารการกิน เกิดชาติใดภพใดจะมีสุขภาพแข็งแรงดี อ้วนท้วนสมบูรณ์ อาหารการกินก็บริบูรณ์ ไปเกิดประเทศใดเมืองใดก็ไม่อดไม่อยาก นี่คืออานิสงส์ของการบริจาคทานอาหารและน้ำ
ใครบริจาคทานผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องนุ่งห่ม ไปเกิดที่ใดก็ไม่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ได้ผิวพรรณสวยสดงดงามด้วย
ใครบริจาคทานประทีปดวงไฟ ไฟฟ้า ไฟฉายก็ดี ธูปเทียนก็ดี เกิดมาชาติใดย่อมมีตาดีไม่ต้องเสียเงินตัดแว่นตามาใช้ ตั้งแต่เล็กจนถึงแก่ชราเลยตาเขาดีตลอด ไปเกิดเมืองสวรรค์ก็มีรัศมีสว่างไสวออกจากร่างกายอีกด้วย เพราะอานิสงส์ผลบุญของการบริจาคทานเครื่องส่องแสงสว่าง
ถ้าเราบริจาคทานสร้างเสนาสนะ กฏิวิหาร ศาลาการเปรียญ ที่อยู่พักอาศัย เกิดมาชาติใดภพใด เราก็มีบ้านอยู่หลังใหญ่ ไปเกิดเมืองสวรรค์ก็ได้หอปราสาทอยู่ ถ้าเรามาเกิดเมืองมนุษย์ก็มีเงินสร้างบ้านอยู่สบาย
#หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
"ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนอาภัพอับโชคที่สุด
ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนที่โชคดีที่สุด
มัวเมาในสิ่งที่ตนได้ หลงไหลในสิ่งที่ตนมี คือการสร้างเรือนจำขังตัวเอง
เห็นโทษในสิ่งที่ตนได้ เห็นภัยในสิ่งที่ตนมี คือความเป็นอิสระในโลก"
หลวงปู่จันทร์ กุสโล
"หากไม่มีความทุกข์เป็นแรงผลัก ก็ไม่อยากเข้าวัด หรือปฏิบัติธรรม เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สนุก หรือดึงดูดใจ
ขณะเดียวกัน เวลามีความสุข ก็ไม่เห็นประโยชน์ว่า จะเข้าวัดไปทำไม ในเมื่อฉันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว
แต่เขาลืมไปว่า แม้วันนี้มีความสุข แต่ไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้จะยังสุขอยู่"
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
"พวกเราภาวนาอย่าขาด ให้สม่ำเสมอ ถ้าเราขาดมากไม่ดีนะ การภาวนาขาดวรรคขาดตอน มันไม่ต่อเนื่องไม่สืบเนื่อง ทุกวันต้องมีการนั่งสมาธิ ๕ นาที ๑๐ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ภาวนาอย่าให้ขาด ถ้าขาดแปลว่าขาดวรรคขาดตอน เหมือนกับเราขาดเรียนหนังสือนั่นแหละ จะมาตั้งต้นใหม่อีกมันก็ยากอยู่เหมือนกัน ตัวเก่าที่ได้มาก็หลงลืมไปหมด เพราะเราไม่ได้ใส่ใจ
ถ้าเราทำสืบเนื่องไปทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน จิตใจของเราก็ก้าวไปทีละน้อย ละน้อย จิตใจได้รับความสงบร่มเย็นเป็นสุข"
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “หลงตามนิมิตทำให้จิตวิปลาส” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗
|