.
#วิธีปฏิบัติให้เข้าถึงผลง่ายๆ
สำหรับกรรมฐานส่วนอื่นนั้นจะพิจารณาบ้าง ก็ใช้ไปตามสมควร คือว่าจิตจะทรงฌานเมื่อได้เข้าถึงฌานแล้วก็ทรงฌาน เราสามารถจะกำหนดจิตให้ทรงฌานอยู่ได้ ๑๐ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ถ้าทรงได้ขนาดนี้ล่ะก็ เราใช้อารมณ์ของเราพิจารณาวิปัสสนาญาณ ในเมื่อฌานตั้งไว้ดีแล้ว จิตสงบสงัดจากอารมณ์ของ นิวรณ์ ๕ ประการ มีจิตโปร่งเหมือนกับผ้าที่ขาวสะอาดดีแล้ว เราจะย้อมสีไหนก็ติดง่าย แล้วก็ไม่กระดำกระด่าง มองแลดูสวยฉันใด เมื่อจิตใจของเราพ้นจากนิวรณ์ ๕ ประการ มีอาการทรงฌาน จิตมันก็ผ่องใสเหมือนกับแก้วที่ใสๆ ทีนี้เวลาเราเจริญวิปัสสนาญาณ คือใช้ปัญญาพิจารณาขันธ์ ๕ ความรู้มันก็เกิด ปัญญามันก็เกิด เข้าถึงมรรคผลได้ง่าย
นี่วิธีปฏิบัติให้เข้าถึงผลง่ายๆ น่ะเขาทำแบบนี้ ไม่ใช่แบบประเภทสุกเอาเผากิน เขาไม่ใช้ประเภทแบบนั่งกันยันป้าย ๕ ชั่วโมง ๖ ชั่วโมง ไอ้นั่นมันได้แต่นั่ง บางทีก็ได้เมื่อย แล้วก็ได้กลุ้ม ใช้อะไรไม่ได้ นักเจริญกรรมฐานต้องใช้ที่อาตมาเขียนไว้ในคู่มือว่า ควรจะเป็นคนที่ไม่มีเวลา เราควรจะใช้อารมณ์ของเราตลอดวัน ใช้เวลากระจุ๋มกระจิ๋มเล็กๆ น้อยๆ ว่างจากการงานก็นึกว่า "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก หรือว่านึกถึงความตายเป็นอารมณ์ เห็นว่าร่างกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความสกปรก คนทุกคนและสัตว์เต็มไปด้วยความทุกข์ เราคิดอย่างนี้ วนไปวนมา ตามรูปที่เราพอใจในตำรา อย่างนี้ไม่ช้าจิตก็จะได้ทั้งสมาธิ และปัญญาคือ วิปัสสนาญาณ ถ้าเราหาเวลาปฏิบัติโดยเฉพาะกาล เวลาเท่านั้นเท่านี้จึงจะนั่งกรรมฐาน นี่ก็ใช้เวลามากหน่อย
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ________ จาก "ธัมมวิโมกข์" ฉบับที่ ๔๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ หน้า ๖๔ คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์
..ผัว สะระณัง คัจฉามิ ... ...เมีย. สะระณัง คัจฉามิ ... ...ลูก สะระณัง คัจฉามิ ... ...เงิน สะระณัง คัจฉามิ ... สมัยนี้เอา ผัว เมีย ลูก เงิน เป็นที่ยึด มาเป็นที่ตั้งของชีวิต ไม่ได้เอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มายึดแล้ว เกิดมาชาตินี้หัดทุกข์ให้มากๆเห็นทุกข์จะได้เห็นธรรมจะได้เบื่อหน่าย. ไม่ใช่เจอทุกข์ก็จะหนีแล้ว ชาตินี้ทุกข์ให้มาก ชาติหน้าไม่ต้องกลับมาทุกข์ กลับมาเกิด ถ้าอยากมีอยากได้หลงไหลกิเลส แสดงว่ายังไม่เข้าใจธรรมะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนให้ ปล่อยให้ว่าง ให้เบื่อหน่าย ไม่ใช่ให้เพิ่มมากขึ้นมากขึ้น วัดไม่ได้อยู่ไหน อยู่ที่ตัวเรา สวดมนต์ทุกวันเพราะเค้าว่า สวดมนต์ทำวัตร ถ้ามันไม่สวดมันจะเป็นวัด ไหมหัดดู ไปหาความสุขทางอื่นจะเห็นไหมจะเจอไหมความสุขทางใจ หาที่อื่นเมื่อไรจะพอ. ร่างกายไปยึดมัน ถามมันสิ แขนมึงแขนใคร. ถามขา สิขามึงขาใคร. ถามหูถามตา สิ มันตอบไหมว่าของเรา!! มีแต่พากันไปหลงว่าของตัวเอง สัตว์มันมีธาตุ4ดินน้ำลมไฟ เหมือนคน ไปฆ่าไปทำร้ายมัน เราเจ็บไหมถามตัวเอง มันก็เจ็บมันก็กลัวตายเหมือนกัน. ชีวิตนี้อยากมีอะไร อยากได้อะไรพากันสำเนียกตัวเอง.."
โอวาทธรรม พระราชมงคลวชิรธรรม วิ. (#หลวงปู่บุญมา_คัมภีรธัมโม) วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ถาม : การที่เราจะได้ไม่ได้...ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตด้วยหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ขึ้นอยู่กับจังหวะ ถ้าหากว่าจังหวะไหนกุศลส่งอะไรก็ง่ายไปหมด ถ้าหากว่าเป็นช่วงอกุศลคือความไม่ดีที่เราทำไว้เข้ามา อะไรเข้ามาก็สะดุดติดขัดไปหมด
จำเอาไว้ว่า เราเกิดเป็นมนุษย์แปลว่าต้นทุนเราพอแล้ว บุญเราต้องทำมาพอสมควรทีเดียวถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ได้ ในเมื่อบุญเราทำมาพอสมควรแล้วก็อย่าประมาท ต้องรีบเร่งทำไปให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตัวที่ไม่เสียอะไรเลย ก็คือศีลกับภาวนา รักษาศีลให้ปกติ เจริญสมาธิภาวนาให้เป็นปกติ พวกนี้จะเป็นบุญใหญ่ กำลังสูงมาก
ถ้าหากว่าเราให้ทานอย่างเดียว คือเสียทรัพย์เสียของ แต่ศีลกับภาวนาเราไม่ต้องเสียอะไรเลย เป็นบุญใหญ่ที่ง่ายที่สุด บุญกุศลพวกนี้ที่จะตามส่งผลให้กับเรา ถ้าจะมีเคราะห์กรรมอะไรเนื่องด้วยสิ่งไม่ดีเก่า ๆ ที่เราทำมา ถ้าเราเป็นผู้มั่นคงใน ทาน ศีล ภาวนา สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะตามสนองเราได้ไม่ถึง ๒๕ เปอร์เซ็นต์ เต็มที่ก็ได้แค่ ๑ ใน ๔ เท่านั้น อีก ๓ ส่วน อานุภาพของทาน ศีล ภาวนากันไว้เรียบร้อยแล้ว ................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
#เมื่อใจมีกิเลสเป็นหัวหน้า
กิเลสโดยเฉพาะก็อยู่ที่ใจ กายเป็นเครื่องมือสำหรับแก้ หรือเป็นเครื่องมือสำหรับส่งเสริมกิเลส ใจเป็นผู้บงการออกมา
#ถ้าใจมีกิเลสเป็นหัวหน้า มันก็บงการมาทางกิเลส กาย วาจา ก็เคลื่อนไหวไปตามนั้น
ถ้าใจมีความเฉลียวฉลาดที่เรียกว่าเป็นธรรม ใจเป็นธรรม ใจก็มีช่องทางที่จะบงการออกมาในทางที่ถูก กาย วาจา ก็เคลื่อนไหวไปตามนั้น กิเลสก็ค่อยหมดไปๆ หมดไปที่ไหน ก็หมดไปจากที่ใจนี้ มีอยู่ที่นี่ อย่ามองข้ามตัวเอง
อำนาจวาสนาเราสร้างอยู่ทุกวัน สร้างอยู่ที่ตัวของเรานี้ เราอย่าไปคิดว่าอำนาจวาสนาอยู่ทางโน้นทางนี้ อยู่ทางใกล้ทางไกลเอื้อมไม่ถึงบ้างอะไรบ้าง เป็นความเข้าใจผิด กิเลสมันได้วาสนามาจากไหน มันถึงสร้างได้มากมายก่ายกองเต็มหัวใจเราจนหาทางเดินไม่ได้ มันมีวาสนามาจากไหน ก็ผู้สร้างกิเลสคือใจ กิเลสจึงเกิดขึ้นมาได้ แล้วการแก้กิเลสไม่แก้ที่นี่ จะไปหาวาสนาที่ไหนมาแก้ มันไม่ทันกัน แก้ตรงนี้ หนามยอกเอาหนามบ่ง ถอดถอนหัวหนามออกมา มันอยู่ที่ใจ แก้ที่ตรงนี้
โอวาทธรรม #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
คนที่เขามาสร้างความชั่วให้สะเทือนใจเรา นั่นเขาเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และ อกุศลกรรม ทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมนี่ ไม่มีทางจะคืนตัวได้ ความเป็นอยู่ ของเขาในสมัยปัจจุบันในชาติที่เป็นมนุษย์ เขาก็มีแต่ความเร่าร้อน มีแต่ความเศร้าหมอง เพราะกิเลสมันทำจิตใจให้เศร้าหมอง ตัณหาสร้างจิตใจให้เร่าร้อน อุปทานมีอาการเกาะ ความชั่วเป็นปกติ อกุศลกรรมทำความชั่วตลอดเวลา
คนที่เป็นทาสของกิเลสตายแล้ว ไม่มีโอกาสจะเกิดเป็นคนแม้จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังเกิดไม่ได้ ต้องไปเกิดในอบายภูมิ นี่ถ้าบุคคลผู้ใดทำใจของเราให้เร่าร้อนด้วยกายกรรม ทำด้วยกายก็ดี ด้วยวจีกรรม ทำด้วย วาจาก็ดี เราจงคิดว่าคนประเภทนี้เขาไม่ใช่คน เขาคือสัตว์นรกในอบายภูมินั่นเอง เราก็คิดว่า ถ้าเราจะไปต่อล้อต่อเถียง จะกระทำตอบ เราก็จะเลวตามเขา เวลานี้จิตใจของเขาจมลงไปแล้วในนรก ถ้าเราทำตามแบบเขาบ้าง เราก็จะจมลงนรกเหมือนกัน มันไม่มีประโยชน์ จิตเราก็ระงับความโกรธด้วยอำนาจ ขันติ หรือ อุเบกขา นี่ อุเบกขา เราใช้กันตรงนี้เลย เฉย เขาเลว ก็ปล่อยให้เขาเลวไปแต่ผู้เดียว เราไม่ยอมเลวด้วย
อ้างอิง จากหนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑
#เรื่องบุญกรรมนั้น
ย่อมมีด้วยกัน เป็นแต่แปลกต่างกันไปบ้างเป็นราย ๆ ธรรมะพระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจตามความเป็นจริง ไม่ให้ฝืนความจริงซึ่งเป็นการเพิ่มทุกข์ ไม่มีผลดีเกิดขึ้นเลย
การรักษาแม่ก็ให้รักษาไป และพิจารณาสังขารร่างกายซึ่งเป็นไปในลักษณะต่าง ๆ กันไปด้วย อย่าดูเฉย ๆ ปฏิบัติท่านเฉย ๆ กรุณาพิจารณาสภาวะของแม่ไปด้วย จะไม่เพิ่มความทุกข์แก่ตนมาก
เราก็เป็นลูกศิษย์พระกรรมฐานด้วย จึงควรพิจารณาควบคู่กันไป ใจถ้าปลอมมากก็ไม่ยอมรับความจริง แต่จะรับแต่เรื่องทุกข์ไม่หยุดหย่อนเท่านั้น จงปรับใจให้เข้าสู่ความจริง ใจจะไม่ปลอมไปมากและขนทุกข์ใส่เรามาก จำให้ดีนะ จะแผ่เมตตาธรรมมาถึงทั้งผู้ป่วยและไม่ป่วยอย่างทั่วถึงกัน ขอให้รับเมตตาธรรมของหลวงตาด้วยพุทโธ ๆ นะ
โอวาทธรรม #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
บางคนเกิดมาไม่รู้จักศาสนา เพราะชาติก่อนเขามีนิสัย มาจากสัตว์เดรัจฉาน บางคนเกิดมาสร้างแต่ความเดือดร้อน แก่ผู้อื่นเพราะชาติก่อนเขา มีนิสัยมาจากนรกมาเกิด บางคนเกิดมารู้จักเสียสละ ทำบุญให้ทาน รักษา ศีล ภาวนา เพราะชาติก่อนเขามีนิสัย มาจากสวรรค์มาเกิด บางคนเกิดมายากจน เพราะชาติก่อนเขาไม่เคยคิด เสียสละทรัพย์สิน เงินทองข้าวของ ทำบุญให้ทานแก่ผู้อื่น กรรมจึงจำแนกความเป็นอยู่ ของแต่ละคนให้มีความเป็นอยู่ ที่แตกต่างกันไปต่าง ๆ นานา
#คติธรรมคำสอน หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
#สัจจบารมี
"..การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา ก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ ที่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา เป็นการสร้างสัจจบารมี ถ้าใครมีสัจจะบารมี มีสัจจะบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้ ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้วยังห่างพระพุทธเจ้า ผิดรู้ตัวว่าผิด ถูกรู้ตัวว่าถูก ไม่โกหกใคร ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา (พ.ศ.๒๔๖๔–๒๕๔๒)
#อานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการทำบุญบริจาคทานสิ่งของต่างๆ
พระพุทธเจ้าท่านทรงอธิบายไว้หลายอย่างมากมายด้วยกัน จะกล่าวไว้บางประการพอให้เห็นเป็นตัวอย่าง ใครจะบริจาคอะไรก็เลือกทำได้ตามกำลังของตน
ใครบริจาคทานข้าว น้ำ อาหารการกิน เกิดชาติใดภพใดจะมีสุขภาพแข็งแรงดี อ้วนท้วนสมบูรณ์ อาหารการกินก็บริบูรณ์ ไปเกิดประเทศใดเมืองใดก็ไม่อดไม่อยาก นี่คืออานิสงส์ของการบริจาคทานอาหารและน้ำ
ใครบริจาคทานผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องนุ่งห่ม ไปเกิดที่ใดก็ไม่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ได้ผิวพรรณสวยสดงดงามด้วย
ใครบริจาคทานประทีปดวงไฟ ไฟฟ้า ไฟฉายก็ดี ธูปเทียนก็ดี เกิดมาชาติใดย่อมมีตาดีไม่ต้องเสียเงินตัดแว่นตามาใช้ ตั้งแต่เล็กจนถึงแก่ชราเลยตาเขาดีตลอด ไปเกิดเมืองสวรรค์ก็มีรัศมีสว่างไสวออกจากร่างกายอีกด้วย เพราะอานิสงส์ผลบุญของการบริจาคทานเครื่องส่องแสงสว่าง
ถ้าเราบริจาคทานสร้างเสนาสนะ กฏิวิหาร ศาลาการเปรียญ ที่อยู่พักอาศัย เกิดมาชาติใดภพใด เราก็มีบ้านอยู่หลังใหญ่ ไปเกิดเมืองสวรรค์ก็ได้หอปราสาทอยู่ ถ้าเรามาเกิดเมืองมนุษย์ก็มีเงินสร้างบ้านอยู่สบาย
#หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
"..การต่อสู้กามกิเลส เป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ก็ถอนได้
กามนี้มันหมุนรอบโลก มันเป็นเจ้าโลก กามกิเลสนี้แหละ ที่ทำให้เกิดสงครามต่อสู้กัน เกิดก็เพราะกาม ตายก็เพราะกาม รักก็เพราะกาม ชังก็เพราะกาม
กามทุกอย่างนี้เรียกว่ากามกิเลส การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง ความพอใจก็คือกิเลส ความไม่พอใจก็คือกิเลส กามกิเลสนี้อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณไหลลงสู่ทะเลไม่มีที่เต็มฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจให้อยู่ที่ใจนี่
หมั่นเพียรและตั้งสัจจะให้มั่น รักษาศีล รักษาตา รักษาหู รักษาตัว รักษาปาก สำรวมอินทรีย์ รักษาธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ พิจารณาเข้าไป ตจปัญจกกรรมฐาน ๕ กายคตากรรมฐาน พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงก็จะถอนได้
พวกหมู หมา เป็ด ไก่ มันก็เสพกามกันทั่วแผ่นดิน อย่าได้ไปอัศจรรย์ มีแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ใดรักษาศีล ภาวนาเข้าจนเกิดสมาธิแล้ว สติก็ดิ่งเข้าไปแล้ว ก็จะได้ทำจิตทำใจของตนให้บริสุทธิ์ พระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ท่านชี้เข้าหาใจนี่แหละ ทำใจให้บริสุทธิ์ ให้มีสติสัมปชัญญะนำคืนออกให้หมด ถ้ามีสติแล้วก็นำความผิดออกจากกายจากใจของตน อย่าหลงสมมติทั้งหลาย มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่าเอามาหมักไว้ในใจ
กามตัณหาเปรียบเหมือนแม่น้ำไหลไปสู่ทะเล ไม่รู้จักเต็มสักที อันนี้ฉันใด ความอยากของตัณหามันไม่พอ ต้องทำความพอจึงจะดี เราจะต้องทำใจให้ผ่องใส ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งอยู่ในสมาธิก็ดี ทุกอย่างเราทำความพอดี ความพอใจนำออกเสีย ความไม่พอใจก็นำออกเสีย เวลานี้เราจะพักจิต ทำกายของเราทำใจของเราให้รู้แจ้งในกายในใจของเรานี้ รู้ความเป็นมา วางให้หมด วางอารมณ์ วางอดีตอนาคตทั้งปวง ที่ใจนี่แหละ
เรื่องสังขารนี้ สังขารมันปรุง สังขารมันแต่ง มันเกิด มันแก่ มันเจ็บ มันดับ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วางอยู่นี่แหละ อดีตอนาคตมันก็มานี่แหละ ตัดอดีตอนาคตลงหมด จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน วางในปัจจุบัน ทำจิตทำใจของเราให้สว่าง ให้รู้แจ้งในมรรคในผล ในศีล สมาธิ ปัญญา เอาที่ใจนี้แหละ ให้มันสำเร็จขึ้นที่ใจ
เวลาปฏิบัติจริงกิเลสมันมาได้ทุกทิศทุกทาง ใจนี้มันสำคัญ เหตุมันเกิดจากใจนี้ ตั้งสัจจะ จริงกายจริงวาจาจริงใจ อย่าหลงไปตามเขา ตามอารมณ์ ละทิ้งความที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สมบัติของเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหมดนี้ เป็นที่ตั้งของทาน เป็นที่ตั้งของมรรค เป็นที่ตั้งของพระนิพพาน จงละและวางให้เป็นพุทโธ ละวางหมดก็เป็นสุข ปล่อยวางก็สบาย.."
คัดจาก หนังสืออนุสรณ์ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ โดย มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ นครนายก : โรงพิมพ์มูลนิธินวมราชานุสรณ์,
"..ถ้าใครกลัวตายเพราะความเด็ดเดี่ยวทางความเพียร ผู้นั้นจะต้องกลับมาตายอีกหลายภพหลายชาติไม่อาจนับได้ ส่วนผู้ใดไม่กลัวตายผู้นั้นจะตัดภพชาติให้น้อยลงถึงกับไม่มีภพชาติเหลืออยู่ และผู้นั้นแลจะเป็นผู้ไปไม่กลับหลังมาหาบทุกข์อีก ตัวผมเองสลบไปถึง ๓ หน เพราะความเพียรกล้าเวทนาทับถม ยังไม่เห็นตายและยังรอดมาเป็นอาจารย์สอนหมู่คณะอยู่ได้ หมู่เพื่อนทำความเพียรยังไม่ถึงขั้นสลบไสลเลย ทำไมจึงกลัวตายกันนักหนาเล่า ถ้าไม่ตายไปพักหนึ่งก่อนก็น่ากลัวไม่เห็นธรรมชาติอัศจรรย์.." ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
#พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาท
"..วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว
อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และกุศลธรรมบท ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเลย.."
#เทศนาธรรมคำสอน หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
|