"..ท่านผู้ไม่หวังมาเกิดอีก ต้องประมวลโลกทั้งสามภพลงในไตรลักษณ์ที่หมุนไปด้วย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ตามขั้นหยาบละเอียดของภพชาตินั้น ๆ ด้วยปัญญาจนปราศจากความสงสัย อุปาทานที่ว่ายึด ๆ ชนิดแกะไม่ออกนั้น จะถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันนั่นแล ขอแต่ปัญญาเครื่องตัดสิ่งกดถ่วงให้คมกล้าเถอะ ไม่มีอะไรจะเป็นเครื่องมือแก้กิเลสทุกประเภทอย่างทันสมัยเหมือนสติปัญญาเลยในสามภพนี้.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
“เราไม่รู้หรอกว่าน้ำใจที่เรามี มันจะช่วยใครได้บ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ มันช่วยให้เรามีความสุข”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
"เงินทองข้าวของมีได้ หาได้ เสียไปได้ เป็นธรรมดา แต่คุณงามความดีที่จะเป็นสมบัติของตัว แต่ละคนๆ ให้เป็นคนมีสง่าราศีนี้ เป็นของหายาก ยิ่งกว่าเงินทองนะ ให้ลูกหลานทั้งหลายจำเอาไว้"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"เกิดมามีแต่คนช่วยเหลือ ถือว่ามีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้ว ได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า "
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ
#รอให้แก่เฒ่าหรือจวนตัว
แล้วจึงสนใจภาวนา ก็เหมือนคนหัดว่ายน้ำ ตอนเรือหรือแพใกล้แตก มันจะไม่ทันการณ์
โอวาทธรรม #หลวงปู่ดู่_พรหมปัญโญ
#สมาธิจะเป็นส่วนสร้างความสงบแก่ใจ
เมื่อสร้างความสงบก็เกิดพลังจิตขึ้น เมื่อเกิดพลังจิตขึ้นมาแล้ว ก็สามารถควบคุมจิตได้ ก็รู้จักว่า อันนี้คือบาป อันนี้คือบุญ
โอวาทธรรม #สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ที่มา หนังสือธรรมสาธก คำปรารถ หน้า ๙๙
#ขอให้พี่น้องทั้งหลายเชื่อเถิดว่า
พระพุทธเจ้าไม่เคยโกหกสัตวโลกแม้รายเดียวเลยว่า การปฏิบัติตามธรรมที่ท่านทรงสั่งสอนไว้แล้วนั้น พาสัตวโลกทั้งหลายให้มีความล่มจมอย่างนี้ไม่เคยมี จึงขอให้เชื่อท่าน ท่านสอนเราว่าให้ทานก็อย่าพากันตระหนี่ถี่เหนียว ซึ่งเป็นการขัดแย้งต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่าฝ่าอย่าฝืน เรามีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย ให้ทุกวี่ทุกวันก็เป็นเหมือนกับน้ำฝนที่ตกลงจากบนฟ้า ตกไม่หยุดไม่หย่อนทีละเม็ด ๆ หลายครั้งหลายหนก็ทำน้ำมหาสมุทรทะเลหลวงให้เต็มตื้นขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน นี่การกุศลของเราวันนี้ก็สร้าง วันหน้าก็สร้าง วันนี้ก็ให้ทาน วันนั้นก็รักษาศีล วันนี้ก็เจริญเมตตาภาวนา ซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่ห่าฝนแห่งบุญแห่งกุศลไหลเข้าสู่จิตใจของเรา ใจของเราก็มีความเต็มตื้นชุ่มเย็นไปด้วยบุญด้วยกุศลที่เราสร้างไว้นี้ ๆ เวลาตายแล้วอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลนี้จะหนุนจิตใจของเราให้ไปเกิดในสถานที่ดี นับตั้งแต่มนุษย์นี้ขึ้นไปถึงเทวดา
โอวาทธรรม #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
เทศน์รับผ้าป่าช่วยชาติ ณ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ (บ่าย)
#การประพฤติการปฏิบัตินี้_มันเป็นสิ่งที่ยากลำบาก
เป็นสิ่งที่ทวนกระแส มันต้องอดต้องทน ต้องขยัน ต้องตั้งมั่น พร้อมด้วยทำจิตใจของเราให้สบายเป็น เปลาะๆ ทุกขณะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะ ตั้งอยู่ ไม่ว่าอะไรจะดับไป ทุกคนต้องมาแก้ที่จิตที่ใจ ไม่ต้องไปรอที่อนาคต ต้องให้ใจของเรามันดับทุกข์ ไม่มีทุกข์ในปัจจุบันน่ะ
พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้เข้าถึงพระนิพพานทางจิต ทางใจตั้งแต่ที่เรายังไม่ตายนี้แหละ เราทำอย่างนี้ ปฏิบัติ อย่างนี้ อินทรีย์บารมีของเราถึงจะเจริญ ถึงจะแก่กล้า เราถึงจะแก้ไขปัญหาได้ดีได้ถูกต้อง
คนเราทุกคนสำคัญอยู่ที่จิตที่ใจ สำคัญอยู่ที่ใจที่ไม่มีทุกข์ อยู่ที่จิตใจไม่มีปัญหาน่ะ ถ้าเราไปแสวงหาการแก้ปัญหา ทางภายนอกน่ะ มันอาจจะแก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้างน่ะ มันยัง ไม่แน่นอนเท่ากับเรามาแก้ที่จิตที่ใจ คนเราต่อให้เรียน ปริญญาเอกจบตั้งหลายใบ ไม่ใช่ว่าจะเป็นการดับทุกข์ได้ แก้ปัญหาได้ ไม่เหมือนกับที่เรากลับมาแก้ไขจิต แก้ไขใจ แก้ไขตัวเราน่ะ การที่เรามาประพฤติมาปฏิบัตินี้แหละ ถือว่าเป็นงานใหญ่งานหลักของทุกๆ คน ที่จะแก้ไข ปัญหาได้ดับทุกข์ได้...
โอวาทธรรม #หลวงพ่อกัณหา_สุขกาโม วันที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
#เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย_เราเป็นผู้หญิง
ก็แม่นจิตนั่นแหละเป็นผู้ว่า มันไม่มีตนไม่มีตัวดอก แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสีย ให้ดับวิญญาณเสีย ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก ก็นั่นแหละพระนิพพานละ
แน่ะ พระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น มันไม่อยู่ที่อื่น นรกมันก็อยู่นี่ พระนิพพานก็อยู่นี่ อย่าไปค้นที่อื่น อย่าไปพิจารณาที่อื่น ให้ค้นที่สกนธ์กายของตน ให้มันเห็นเป็นอสุภะอสุภัง ให้เห็นเป็นของปฏิกูล ให้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายมันนั่นแหละ แต่กี้มันเห็นว่าเป็นของสวยของงามของดี ดวงจิตนั้นเมื่อมีสติควบคุม มีสัมชัญญะค้นหาเหตุผลใคร่ครวญอยู่ มันเลยรู้เห็นว่าอัตภาพร่างกายนี้เป็นของปฏิกูล ของเน่าเปื่อยผุพัง แล้วมันจะเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย จิตนั่นแหละเบื่อหน่าย จิตเบื่อหน่าย จิตไม่ยึดมั่นแล้ว เรียกว่า จิตหลุดพ้น ถึงวิมุตติ วิมุตติ คือความหลุดพ้นจากความยึดถือ หลุดพ้นจากอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น พ้นจากภพจากชาติ ตั้งใจทำเอา
โอวาทธรรม #หลวงปู่ขาว_อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
#นิสัยของสัตว์โลก
จะให้เหมือนกัน มันไม่เหมือนกันหรอก
บางท่านเป็นผู้มีตาทิพย์ ดูพรหมโลกได้ ดูนรกได้ ดูเทวดาได้ อย่างพระโมคคัลลานะ หรือพระอนุรุทธะ ตอนพระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพาน องค์อื่นจำต้องคอยถามท่าน พระอนุรุทธะ ท่านมีทิพยจักษุเป็นเลิศที่สุดใน บรรดาสาวก องค์อื่นไม่เทียบเท่ากับท่าน ดูแต่พระอรหันต์ยังไม่เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ต่างกันกับท่าน บางคนจิตหยาบ บางคนละเอียด ที่เขาละเอียดเขามีพื้นฐานดีแล้ว พอเขาเจริญภาวนาเขาก็ได้เลย ตัดไปเลย พวกเราก็ต้องพยายามบำเพ็ญความเพียรกันไป อย่าทอดทิ้งความเพียร วันหนึ่งผลสำเร็จก็ต้องเป็นของเรา ถึงจะไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ แต่ก็จะเป็นนิสัยปัจจัยติดตัวเราไปในชาติหน้าภพหน้า ขอให้บำเพ็ญต่อไปเถอะ
โอวาทธรรม #พระอาจารย์จวน_กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร(ภูทอก) จ.บึงกาฬ
#สิ่งใดเป็นไปเพื่อทุกข์
เป็นไปเพื่อโทษ ก็รีบชำระสะสางให้หมดสิ้นไปจากดวงใจของเรา ให้พึงเข้าใจในสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอมิใช่ว่าเราไม่รู้ คือให้รู้ภายในจิตใจของตน อย่าส่งรู้ออกภายนอกจิตใจของตน ให้พากันดูให้พากันฟัง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคนครบบริบูรณ์ ขณะนี้เราอยู่ในสมถกรรมฐาน คือความสงบ วางอารมณ์ภายนอกทังหมดได้ ไม่กำหนัดรักใคร่ยินดี ใจไม่หงุดหงิด ไม่ซึมเซา ไม่ท้อแท้ และไม่งมงาย เราอยู่ในวิปัสสนากรรมฐาน ก็ตัดหมด ตัดภพ ตัดชาติทั้งหลาย อารมณ์สัญญาที่เป็นไปตามกระแสโลกตัดหมด ไม่มีเหลือ เป็นเรื่องสมมตินิยมกันเท่านั้น จิตของเราเป็นวิมุติ หลุดพ้นไปหมด เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องทุกข์ เรื่องภัย ไม่มีอีกแล้ว นี้แหละเป็นข้อปฏิบัติ..
โอวาทธรรม #หลวงปู่ฝั้น_อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ. พรรณานิคม จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)
พิจารณาพระกรรมฐาน
การเจริญกรรมฐานของบรรดาท่านพุทธบริษัท อันดับแรก รู้ลมหายใจเข้าหายใจออกก็ดี รู้คำว่าภาวนาก็ดี ตอนนี้เป็นการฝึกเพื่อการทรงสติ สัมปชัญญะ ต่อไปก็ใช้ปัญญาตัดกิเลส ตัดกิเลสไม่หมดก็จริงแหล่ แต่ทว่า
๑. จะไม่คิดอยากได้ทรัพย์สินของใคร มาเป็นสมบัติของตนโดยไม่ชอบธรรม
๒. ความโกรธยังมีอยู่ แต่การจองล้างจองผลาญไม่มีในพระโสดาบัน
๓. ด้านจิตใจ พระโสดาบันไม่คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ไม่ดื้อ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรปฏิบัติตามนั้น
๑. ไม่ลืมความตาย
๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
๓. มีกรรมบถ ๑๐ ครบถ้วนบริบูรณ์
๔. มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ นึกถึงพระนิพพานเป็นที่ไป
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้าที่ ๓๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระเอาของผู้ถวายไปขายสร้างวัด
ผู้ถาม : “กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพ คือที่วัดข้างบ้านของลูก ญาติโยมเอาฟูกเอาหมอนไปถวาย พระท่านก็เลยมีเมตตาจิต เอาฟูกเอาหมอนของผู้ถวายเอาไปขายต่อ แต่ขายแล้วเอาเงินมาสร้างวัด คนที่ซื้อของวัดเอาไปใช้จะมีบาปมีกรรมหรือไม่..และการกระทำของเจ้าอาวาส จะผิดถูกประการใดเจ้าคะ?”
หลวงพ่อ : “อย่างนี้นะ การขายนี่เขาเรียกผาติกรรม ถ้าผาติกรรมเอาเงินมาสร้างวัดนี่ เขาไม่ผิด ถวายเข้ามาเป็นสังฆทานใช่ไหม ได้บุญ แต่บุญนี่มันต่ำกว่าวิหารทาน แต่ว่าทั้งนี้ต้องไม่ทำลายจิตใจญาติโยมที่เขาถวายของมานะ ต้องรักษากำลังใจกัน ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ไม่ควรขาย และก่อนจะขายต้องบอกก่อนว่า อานิสงส์มันมากกว่า เขาจะได้อานิสงส์ต่อ”
จากหนังสือ ประวัติสมเด็จองค์ปฐม และอานิสงส์ของทาน หน้าที่ ๑๓๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัตรของพระ
เรื่องของพระ ถ้าทำตนเป็นคนรับใช้ชาวบ้านมันก็เป็นอย่างนี้ตามใจมากเข้า แทนที่ชาวบ้านจะเห็นว่าท่านเป็นพระน่าเคารพนับถือกลับเห็นว่าพระมีหน้าที่รับใช้ ต้องตามใจชาวบ้าน เมื่อเขาจะให้ทำอะไรก็ต้องทำ
สมัยนี้ก็มีคนประเภทนี้เยอะ ไปหาพระหาเจ้าไม่รู้เวล่ำเวลานึกอยากจะไปก็ไป ดีไม่ดีพระกำลังหลับ พ่อปลุกให้ตื่น แล้วก็ใช้งานตามที่ต้องการ
อาตมาเองก็โดนท่านสาธุชนแบบไม่เอาไหนประเภทนี้ปลุกจากที่นอนมาใช้งานหลายคราว เลยต้องตั้งกติกาการรับแขกกันขึ้นถ้าไม่ตรงเวลาก็ไม่ยอมรับ
เรื่องของคนกับพระนี่อยู่ในเกณฑ์เข้าใจกันยาก เพราะคนไม่ใคร่เข้าใจตามความเป็นจริง ไม่ได้คิดว่าพระที่บวชมานั้นท่านบวชเพื่ออะไร บางรายกลับมาตั้งกฎบังคับเอาก็มี เมื่อเห็นเวลารับแขกที่เขียนไว้กลับพูดว่า
ฉันไปวัดโน้น ท่านรับตลอดวัน
ถ้ารู้เรื่องของพระ หรือสมัยที่บวชเอง บวชตัวเป็นพระเสียบ้างก็จะรู้เรื่องว่าพระที่บวชเข้ามาแล้วไม่ได้บวชเพื่อรับใช้ประชาชนท่านบวชกันเพื่อความดับไม่มีเชื้อ คือมุ่งตัดกิเลส ไม่ได้บวชสะสมกิเลสเว้นไว้แต่ท่านที่บวชด้วยความจำเป็น เพราะถูกเกณฑ์ให้บวชเมื่ออายุครบหรือบวชเพื่อหวังปัจจัย คืออาศัยศาสนาเลี้ยงชีพคอยรับนิมนต์บ้านไหนจนท่านก็ไม่ว่างจะไป ถ้าบ้านไหนรวยมีหน้ามีตาหน่อย ท่านว่างเสมอเมื่อรับเงินนิมนต์ที่เจ้าภาพถวายแล้ว เหลือใช้เหลือกิน แทนที่ท่านจะเอามาบำรุงวัดวาอาราม ก็พยายามเอาออกมาให้กู้เพื่อหาดอกผล หรือซื้อข้าวขายเป็นการค้ากำไร พระอย่างนี้จะมีบ้างที่ไหนก็ไม่เคยเห็น ถ้ามีก็ต้องคิดเพราะปฏิบัติผิดพระพุทธบัญญัติอย่างร้ายแรง คนทำบุญไม่ได้บุญ
จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้าที่ ๓๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
".#การต่อสู้กามกิเลส เป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ก็ถอนได้
กามนี้มันหมุนรอบโลก มันเป็นเจ้าโลก กามกิเลสนี้แหละ ที่ทำให้เกิดสงครามต่อสู้กัน เกิดก็เพราะกาม ตายก็เพราะกาม รักก็เพราะกาม ชังก็เพราะกาม
กามทุกอย่างนี้เรียกว่ากามกิเลส การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง ความพอใจก็คือกิเลส ความไม่พอใจก็คือกิเลส กามกิเลสนี้อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณไหลลงสู่ทะเลไม่มีที่เต็มฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจให้อยู่ที่ใจนี่
หมั่นเพียรและตั้งสัจจะให้มั่น รักษาศีล รักษาตา รักษาหู รักษาตัว รักษาปาก สำรวมอินทรีย์ รักษาธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ พิจารณาเข้าไป ตจปัญจกกรรมฐาน ๕ กายคตากรรมฐาน พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงก็จะถอนได้
พวกหมู หมา เป็ด ไก่ มันก็เสพกามกันทั่วแผ่นดิน อย่าได้ไปอัศจรรย์ มีแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ใดรักษาศีล ภาวนาเข้าจนเกิดสมาธิแล้ว สติก็ดิ่งเข้าไปแล้ว ก็จะได้ทำจิตทำใจของตนให้บริสุทธิ์ พระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ท่านชี้เข้าหาใจนี่แหละ ทำใจให้บริสุทธิ์ ให้มีสติสัมปชัญญะนำคืนออกให้หมด ถ้ามีสติแล้วก็นำความผิดออกจากกายจากใจของตน อย่าหลงสมมติทั้งหลาย มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่าเอามาหมักไว้ในใจ
กามตัณหาเปรียบเหมือนแม่น้ำไหลไปสู่ทะเล ไม่รู้จักเต็มสักที อันนี้ฉันใด ความอยากของตัณหามันไม่พอ ต้องทำความพอจึงจะดี เราจะต้องทำใจให้ผ่องใส ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งอยู่ในสมาธิก็ดี ทุกอย่างเราทำความพอดี ความพอใจนำออกเสีย ความไม่พอใจก็นำออกเสีย เวลานี้เราจะพักจิต ทำกายของเราทำใจของเราให้รู้แจ้งในกายในใจของเรานี้ รู้ความเป็นมา วางให้หมด วางอารมณ์ วางอดีตอนาคตทั้งปวง ที่ใจนี่แหละ
เรื่องสังขารนี้ สังขารมันปรุง สังขารมันแต่ง มันเกิด มันแก่ มันเจ็บ มันดับ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วางอยู่นี่แหละ อดีตอนาคตมันก็มานี่แหละ ตัดอดีตอนาคตลงหมด จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน วางในปัจจุบัน ทำจิตทำใจของเราให้สว่าง ให้รู้แจ้งในมรรคในผล ในศีล สมาธิ ปัญญา เอาที่ใจนี้แหละ ให้มันสำเร็จขึ้นที่ใจ
เวลาปฏิบัติจริงกิเลสมันมาได้ทุกทิศทุกทาง ใจนี้มันสำคัญ เหตุมันเกิดจากใจนี้ ตั้งสัจจะ จริงกายจริงวาจาจริงใจ อย่าหลงไปตามเขา ตามอารมณ์ ละทิ้งความที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สมบัติของเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหมดนี้ เป็นที่ตั้งของทาน เป็นที่ตั้งของมรรค เป็นที่ตั้งของพระนิพพาน จงละและวางให้เป็นพุทโธ ละวางหมดก็เป็นสุข ปล่อยวางก็สบาย.."
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
|