นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 11 เม.ย. 2025 2:16 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ด้านจิตใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 10 มี.ค. 2025 12:01 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4886
#ตั้งใจภาวนา_อย่าให้เสียชาติเกิดนะ

เกิดเปล่าๆ ตายเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ
เกิดมาทั้งทีได้พบพระพุทธศาสนาชั้นยอด
พบครูบาอาจารย์ชั้นยอด บุญสุดๆ แล้ว
จะหาได้ในสามโลกธาตุนี้
วาสนาสุดๆ แล้วในบรรดาสัตว์โลกเรา
อย่าตายทิ้งเปล่าๆ เท่านั้น

โอวาทธรรม
#พระอาจารย์วันชัย_วิจิตโต
วัดภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





#ความสุขแบบธรรมชาติ

เกิดจากศีล เกิดจากสมาธิ
มันเป็นความสุขที่เลอเลิศประเสริฐ
กว่าความสุขแบบโลกๆ เขาหากัน
ทางโลกเขามีเขาหาเป็นความสุข
อยู่ในฐานะที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
แบบโลกๆ นั้นน่ะ แต่เขาก็ยังข้องยังติด
ยังยินดี ฉะนั้นสุขแบบธรรมชาติ
เป็นสาระแก่นสาร จนถึงที่สุด
เข้าสู่มรรคผลนิพพาน..."

โอวาทธรรม
#หลวงปู่อุทัย_สิริธโร

ที่มา หนังสือ ธรรมโอวาท เล่ม ๔
หลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน







#ส่วนมากนักปฏิบัติเราถูกกิเลสหลอก

ยื่น “มัชฌิมา” ของมันมาให้ตีโพยตีพายแบบลมๆ แล้งๆ ไปโดยไม่รู้สึกตัวว่าถูกหลอก

ผลที่ปรากฏจึงมีแต่ “เราเดินสายกลางนี่เถอะเคร่งนักมักขาด”

ส่วน “มัชฌิมา” ของกิเลส คือความขี้เกียจอ่อนแอหารู้ไม่ นั่นหรือเครื่อง
ฆ่ากิเลส

“มัชฌิมา” ของกิเลสคือความอ่อนแอ ความยอมตามมัน ความจำนนต่อมันอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ “มัชฌิมา” ของกิเลสมันชอบที่สุด

แต่ “มัชฌิมา” ของธรรมแล้วกิเลสจะหมอบราบไปด้วยวิธีใด นำเอาวิธีนั้นมาใช้ เป็นก็ตาม ตายก็ตาม โลกนี้มีป่าช้าอยู่ทุกร่างเขาก็ตาย เราก็ตาย สู้กิเลสจนตายบนเวทีไม่มีถอย

การตายไม่มีเกียรติ คือตายด้วยความอ่อนแอ ตายด้วยความท้อแท้ เพราะถูกหลอกจากกิเลส ไม่เกิดผลเกิดประโยชน์อะไรเลย ตายด้วยความอับอายขายหน้า ให้กิเลสหัวเราะเปล่า ๆ ต้องตายด้วยความมีชัยชนะ ตายด้วยความกล้าหาญ ตายด้วยความเป็นนักรบอย่างเต็มตัว

โอวาทธรรม
#หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน






"...ใส่บาตรก็เป็นมหาบุญ
ไปจังหันถวายเพลก็มหาบุญ
เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่นี่ก็มหาบุญ
กราบพระรัตนตรัยก็เป็นมหาบุญ
ยิ่งรักษาศีลภาวนา นั่นล่ะ ยิ่งมหาบุญ ไม่ต้องเสียตังค์ แต่ได้บุญมาก
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่บุญกฐิน ที่เป็นมหาบุญ เพียงแต่กฐิน มันตามกาล แต่นอกนั้น ทำบุญได้ตลอดเลย..."

#หลวงพ่อโสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา






" เมื่อถึงความสงบแล้ว...
ยัง ไม่จบนะ
ภพ ยังไม่สิ้น
ชาติยังมีอยู่ พรหมจรรย์ไม่จบ

ที่มันไม่จบ
ก็เพราะ...ยังมีทุกข์อยู่
ให้เอาตัวสมถะ ตัวสงบนี่
พิจารณาต่อไป ค้นหาเหตุผลจนกระทั่ง...
จิต...ไม่ติด ในความสงบ

เพราะความสงบ...
ก็เป็นสังขาร อันหนึ่ง
ก็เป็นสมมุติ ก็เป็นบัญญัติอีก
ที่ติดอยู่นี้...
ก็ติดสมมุติ ติดบัญญัติ

เมื่อติดสมมุติ ติดบัญญัติ
ก็ติดภพ ติดชาติ
ภพชาติ ก็คือ...ความดีใจ
ใน...ความสงบนั่นแหละ

เมื่อหายความฟุ้งซ่าน
ก็ติด...ความสงบ ก็เป็นภพอีก
เกิดอยู่...อย่างนี้ ภพชาติเกิดขึ้นมา
ทำไม ? พระพุทธเจ้าจะไม่รู้"
___________________________________________
ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต






" ทำดีแล้ว ยังไม่พอ
รักษาความดี นี่สิสำคัญกว่า
ถ้ารักษาดีได้ จิตจะผ่องแผ้ว "

--- โอวาทธรรม หลวงปู่เนตร จิรปุญโญ





# พระนิพพานอยู่ฟากตาย #
" พระนิพพานอยู่ฟากตาย ความสุขก็อยู่ฟากทุกข์ " เราทำความเพียรภาวนาไป
พอถึงทุกข์ก็เกิดความกลัวทุกข์เสียแล้ว
แล้วเมื่อใดจะพ้นทุกข์ไปได้เล่า
พาไปอยู่ป่าช้าก็กลัวผี พามาอยู่ในดงก็กลัวเสือ
การกลัวผีก็ดี การกลัวเสือก็ดี
นั่นไม่ใช่กลัวตายหรอกหรือ

ลองนั่งภาวนาดูซิว่า
เสือมันจะมาคาบคอไปกินจริง ๆ ไหม
การกลัว ควรกลัวแต่ในทางที่ผิด
คือกลัวความผิด ไม่กระทำผิด
กลัวว่าตนเองจะไม่พ้นจากวัฏทุกข์
แล้วรีบเร่งบำเพ็ญความเพียรเข้าจึงจะถูก.

โอวาทธรรม
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร







" เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ได้พบหนทางอันประเสริฐที่สุด สำหรับชีวิตของเราแล้ว
ถ้าเราไม่เดินไปตามทางนั้นเราจะไม่เสียดายหรือ
เมื่อชาตินี้ไม่ปฏิบัติ แล้วอีกกี่ชาติ จึงจะได้พบหนทางเช่นนี้อีก "

โอวาทธรรม: หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดรสมพร จ.สกลนคร







"..เราเป็นชาวพุทธต้องมองเหตุบ้างซิ มองแต่ผลอย่างเดียวจะเกิดประโยชน์อะไร เกิดมาทั้งชาติก็มีแต่กินกับนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อนหาหัวนอนปลายเท้าไม่ได้ เป็นอยู่อย่างจำเจ จะหาความอบอุ่นแก่จิตใจได้ที่ไหน ก็มีแต่ความรุ่มร้อนเผาใจละซิ วันคืนหนึ่งๆ ผ่านไปต้องคิดหาสารคุณ อย่ามีแต่ความสนุกเฮฮา ตื่นลมตื่นแล้งกันไปไม่มีสาระอะไรติดตัวติดใจ จะหวังพึ่งอะไรมนุษย์เราซึ่งมิใช่ท่อนไม้ท่อนฟืน มันมีหัวใจดวงรู้ๆ ครองร่างอยู่กับทุกคน ทำไมไม่เหลียวแล จะหวังพึ่งอะไรถ้าพึ่งใจตัวเองไม่ได้แล้ว พึ่งลมหายใจ ลมก็หมดไป พึ่งร่างกาย กายก็แตก พึ่งน้ำในกาย น้ำก็สลาย พึ่งไฟในกาย ไฟก็กระจาย กายทั้งร่างมีแต่เรื่องแตกกระจาย แล้วจะพึ่งอะไร พึ่งบ้าน บ้านก็จะพัง พึ่งสมบัติเงินทองก็ล้วนแต่สิ่งจะพังทลาย ยังเพลินเมามัวมั่วสุมอยู่หรือ มนุษย์เราตัวฉลาดแท้ๆ ไม่สมควรกับความเป็นดังที่กล่าวมา.."

อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖)






ครั้งหนึ่ง...ได้มีพระนวกะผู้บวชใหม่รูปหนึ่งเดินทางจากภาคเหนือ มากราบพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร

พระอาจารย์ : แล้วมานี่มีจุดประสงค์อะไรล่ะ?
พระนวกะ : มากราบพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ
พระอาจารย์ : กราบที่วัดก็เหมือนกัน เอาเวลาที่เดินทางมา ภาวนาดีกว่าไหม? นั่นสิ มันคือ แก่นแท้ของพระศาสนา

พระอาจารย์ถามต่อไปว่า : ก่อนบวชทำอะไร?
พระนวกะ : ทำงานธนาคารขอรับ
พระอาจารย์ : วันหนึ่งนั่งทำงานธนาคารกี่ชั่วโมง?
พระนวกะ : 8 ชั่วโมงต่อวันครับ
พระอาจารย์ : เออ! คนเรานี่แปลก ทำให้คนอื่น นั่งทำได้หลังขดหลังแข็ง ไม่บ่นสักคำ แต่เวลาทำให้ตนเอง นั่งภาวนา 10 นาที 20 นาที โอ้ยปวด โอ้ยเมื่อย มันน่าสงสารแท้คนเรานี่นะ อ้าวคิดกันเอานะ....

#หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต จ.อุดรธานี






"สมัย​หลวง​ปู่​มั่น​ท่านไม่เคยให้อะไร​แก่ญาติ​โยม​
นอกจาก​พุทโธ​ พุทโธ​จะค่อย​ๆ กำจัด​ความ​ขุ่นมัว​ใน​ใจ​ ให้ค่อยๆ ใสขึ้น​ๆ​ ทำนา​ไป​ก็​ให้​พุทโธ​ไปด้ว​ย​
อยากทำบุญ​ไม่เห็น​ต้อง​เสีย​เงิน พุทโธ​ก็​พอ​
เลี้ยง​ครอบครัว​ให้​มีความสุข​ก็​ได้​บุญ​
เงินให้​มีพอใช้​แล้ว​ก่อน​นะ​ ถึง​มาให้​หลวง​ปู่​
หลวง​ปู่​ฉัน​มื้อ​เดียว​เองนะ​
แต่​ครอบครัวพวกเรา​ต้อง​กินข้าว​สามมื้อ​
เก็บ​เงิน​ซื้อ​ขนม​ให้ลูก​ไหม..."

#หลวง​ปู่​ทุย​ ฉนฺทกโร

วัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ









"..ที่ว่าใจเป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งหลายในโลกนั้น คือใจเป็นผู้ปกครองสมบัติทั้งมวล แต่สิ่งทั้งหลายดังกล่าวดีหรือชั่วต้องขึ้นอยู่กับใจผู้เป็นใหญ่และรับผิดชอบ ถ้าใจพาชั่ว โลกแม้จะใหญ่โตเพียงไรก็มีทางบรรลัยได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นใจจึงควรได้รับการอบรมหรือศึกษา พอจะปกครองตัวปกครองโลกให้เป็นไปโดยความสะดวกปลอดภัยเท่าที่ควร ตัวก็เป็นบุคคลน่าอยู่ ไม่เดือดร้อนรำคาญ โลกก็เป็นโลกน่าอยู่ ไม่เป็นโลกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายจนเกินไป.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)





"..เวลาความตายมาถึงเข้า กายกับจิตจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เรียกว่าแยกกันไป จิตทำบาปไว้ก็ไปสู่บาป จิตทำบุญไว้ก็ไปสู่บุญ จิตละกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ได้ก็ไปสู่นิพพาน จิตละไม่ได้ก็มาเวียนตายเวียนเกิด วุ่นวายอยู่อย่างนี้ พระพุทธเจ้ามา ตรัสรู้ในโลก มนุษย์ทั้งหลายก็ยังไม่หมดไปจากโลก ยิ่งในปัจจุบันนี้ ยิ่งมากกว่าในสมัยก่อน มันเกิดมาจากไหน ก็เกิดมาจากจิตที่เต็มไปด้วย อวิชชา-ความไม่รู้ ตัณหา-ความดิ้นรน ไม่สงบตั้งมั่น ก็สร้างตัวขึ้นมาในแต่ละบุคคล แล้วก็มาทุกข์มาเดือดร้อน วุ่นวายอยู่ในวัฏสงสารอย่างนี้แหละ.."

#เทศนาธรรมคำสอน
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
(พ.ศ. ๒๔๕๒ – ๒๕๓๕)









"พระป่าที่ยังไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้ได้รากฐานมั่นคงทางด้านจิตใจ อย่างไรก็หนีไม่พ้นความเจริญทางโลก

ย่อมฉุดลากลงทางต่ำวันละเล็กละน้อย จนกลายเป็นพระไม่มีศีล พระไม่มีธรรม มีแต่เรื่องทางโลกทับถมหัวใจ อันเป็นสาเหตุให้หลงไหลมัวเมาเพลิดเพลินกับเรื่องภายนอก เลยหาความสงบร่มเย็นเป็นสุขภายในใจไม่ได้

พระก็มีแต่ชื่อที่สมมติให้เป็นพระ ใจไม่ใช่พระ ทั้งนี้มิได้ดูถูกผู้ใด..."

#หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก จ.บึงกาฬ







หลักการเรื่องไม่มีความรู้สึกว่า...
“#ตัวกู_ของกู” ที่พลุ่งพล่านอยู่ในจิตใจ

แล้วทำอะไรไปด้วยสติปัญญา
อันบริสุทธิ์นั่นแหละ เรียกว่า…

หลักการของ #นิพพาน
ที่นำเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน.

โอวาทธรรม
#พุทธทาสภิกขุ
ที่มา หนังสือพุทธิกจริยธรรม หน้า ๒๘๙


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO