#แท้จริงแล้วการทำบุญทำทาน
จุดประสงค์เพื่อละตัวเรา เพื่อละของ ของเรา อาศัยสิ่งของ เพื่อ_ละความเห็นแก่ตัว ละความถือตัว_ถือตน
บางคนทำบุญทำทาน ไม่เป็น ให้แล้วยังถือว่าเป็นเราเป็นของเรา บางคนทานแล้ว ประสงค์นั่น อธิษฐานนี่
วุ่นวายไปหมด อันนี้ให้ทานเอาตัณหา ให้ทานเอาโลก ให้ทานเอากิเลส ...
โอวาทธรรม พระญาณวิสาลเถร (#หลวงปู่หา_สุภโร) วัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
#บุคคลที่จะเกิดเป็นมนุษย์อีกติดกันในชาติต่อไป
เป็นผู้ถึงไตรสรณคมน์เท่านั้นก็พอแล้ว เพราะโหรเอกพระบรมศาสดาองค์ท่านทายว่า บุคคลผู้ถึงพุทธ ธรรม สงฆ์ เป็นสรณะแล้วมีคติเป็นสอง ไม่มนุษย์ก็เทวดา มันเป็นของไม่ยากของผู้ศรัทธา แต่ก็ตรงกันข้ามเป็นของยากผู้ที่ไม่ศรัทธา ความดีคนดีทำได้ง่าย ความชั่วคนดีทำได้ยาก ความชั่วคนชั่วทำได้ง่าย ความดีคนชั่วทำได้ยาก สิ่งเหล่านี้เป็นของจริงมาแต่ดึกดำบรรพ์
และการเกิดในศาสนาพุทธนั้น เมื่อเราได้ถึงไตรสรณคมน์แล้ว มันก็มีพืชไว้แล้วถึงแม้มีภพมีชาติอีก มันก็ไปเกิดเป็นมนุษย์ในพุทธศาสนานั่นเองไม่ต้องสงสัยเลยนา การเกิดเป็นเทวดาเทวบุตรและพรหมมีทุกข์น้อยกว่ามนุษย์ก็จริงอยู่แล้ว แต่เมื่อมันอยู่ใต้อำนาจความไม่เที่ยงแล้ว ก็จัดว่าเป็นทุกข์เสมอกันในด้านปรมัตถ์ และก็มรรคผลก็มีในชั้นเทวโลก และพรหมโลกเหมือนกัน บางท่านก็ภาวนาติดต่อกันในภพนั้นๆ สร้างบารมีอยู่ในภพนั้นๆ ก็เป็นพระอริยบุคคลได้เหมือนมนุษย์เรานี่เอง มันก็ล่าช้าอยู่แต่สัตว์เดรัจฉาน เปรตทุกจำพวก และสัตว์นรกทุกจำพวกเท่านั้น...
โอวาทธรรม #หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต
#เงินทองข้าวของ
มีได้ หาได้ เสียไปได้ เป็นธรรมดา แต่คุณงามความดี ที่จะเป็นสมบัติของตัว แต่ละคนๆ ให้เป็นคนมีสง่าราศีนี้ เป็นของหายาก ยิ่งกว่าเงินทองนะ ... ให้ลูกหลานทั้งหลาย จำเอาไว้...
โอวาทธรรม #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
งานของตัวเอง อย่าลืมนะ งานของตัวเองคืออะไร คือการประกอบคุณงามความดี ประกอบคุณงามความดีภายนอกส่วนหนึ่ง แต่ส่วนภายในเข้ามา คือการบำเพ็ญสมาธิปัญญา จุดนี้อย่าลืม ไป ณ สถานที่ใด อยู่ ณ สถานที่ใด อย่าลืมจุดนี้ จุดนี้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา หัวใจของพระพุทธเจ้า หัวใจของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติ
ถึงจะทำงานทำการอะไรก็ตาม ถึงจะไป ณ สถานที่ใดก็ตาม อย่าลืมเรื่องจิตภาวนา ทำอย่างไร จิตใจของเราจึงจะสงบ แล้วก็พ้นทุกข์ในวัฏสงสารในที่สุด ตัวนี้อย่าลืมนะ
อันนี้ก็คือที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านแนะนำสั่งสอนศิษยานุศิษย์ ถึงจะทำการทำงานยังไงก็ทำ แต่อย่าลืมเรื่องจิตภาวนา เป็นการยกระดับจิตใจของเราให้หนีออกจากโลกวัฏสงสาร ไม่มาเวียนว่ายตายเกิด ถ้าหากว่าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ถึงจะมียศถาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยมหาศาล ถึงขนาดไหน ก็ไม่วายที่จะแก่ เจ็บ ตาย ในที่สุด
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “ในโลกนี้อะไรคือสุขที่แท้จริง” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
#ถ้าเราทำจิตให้เป็นปัจจุบันได้นะเราจะหาทุกข์มาจากไหน
นี่...เรื่องเมื่อเช้า ก็เอามาคิดตอนเย็น เรื่องตอนเย็น ก็เอามาคิดตอนเช้า แล้วเรา...จะอยู่กับปัจจุบัน ได้ยังไง
#ธรรมะ_มันต้องลงที่ปัจจุบันนี่ #เป็นปัจจุบันเท่านั้น_ไม่มีอดีต_ไม่มีอนาคต
นั่นถ้าจิต เป็นปัจจุบัน มันจะลงไปสู่ความว่างเองอัตโนมัติ นั่นละ ธรรมถึงจะเกิดขึ้น จิตที่มีธรรมที่แท้จริง คือ จิตปัจจุบันนี่ละ
โอวาทธรรม : หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล...วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อ.บัวเชต จ.สุรินทร์ บันทึกโดย : เขมปัญโญคฤหัสถ์
เราต้องเคยทำเขาไว้ เหมือนชาตินี้เราต้องมาชดใช้เขา เราต้องสร้างเหตุไว้ ในชาตินี้เราจึงมารับผล
เมื่อคิดอย่างนี้ได้ ใจเราก็ให้อภัยง่าย เราก็จะไม่ก่อเวรใหม่
เมื่อหนูมีธรรมะมากขึ้น วันนึงหนูจะขอบคุณเขา ที่เขาสอนให้เรารู้จักความทุกข์
ในการเกิดเป็นมนุษย์ แก่ เจ็บ ตาย ความทุกข์จึงเป็นประตูไปสู่นิพพาน อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค การเกิดมันเป็นทุกข์นะลูกนะ
โอวาทธรรม...พระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก
"เกิดมาทั้งทีชีวิต ให้สู้ อย่าไปถอยหลังนะ คำว่า..สู้ คำนี้ไม่ใช่ว่าเราจะไปรบราฆ่าฟันคนอื่น ไม่ใช่นะ
ให้สู้..กับชีวิตด้วยสติ ด้วยปัญญาของเรา อันไหนที่จะเกิดประโยชน์ อันไหนดีที่สุด อันไหนที่ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น ต้องเก็บหอมรอมริบ แล้วก็ดูการเป็นอยู่ของเรา อย่าเกียจคร้าน ใช้สุรุ่ยสุร่าย ให้รู้จักการวางตัว รู้จักเก็บหอมรอมริบ วางแผนชีวิตของพวกเรา ชีวิตของเราจะราบรื่นนะลูกหลาน แต่ถ้าเราไม่รู้จักวางแผนชีวิตของเรา เราจะเดือดร้อนเมื่อปลายมือ"
โอวาทธรรม หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “วางแผนให้อนาคต” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๘
" เงินเป็นล้านๆ ไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจ เหมือนได้คนดีมาทำประโยชน์ คนดีสามารถทำความร่มเย็นแก่โลกได้และยั่งยืน คนดี แต่ละคน..จึงมีค่ามากกว่าเงินเป็นก่ายกอง และเห็นคุณค่าความดีมากกว่าเงิน แม้จะจน ก็ยอมจน ขอแต่ให้ตัวเป็นคนดีและให้โลกมีความสุข แต่คนโง่..ชอบเงิน มากกว่าคนดีและความดี"
โอวาทธรรม...หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
"ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกิดร้อยปี ก็จะต้องละร่างนี้ละโลกนี้ไป อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำความดี เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไร ก็ตนเองนั่นแหละ จะต้องได้เสวยผลของการ ไม่กระทำกรรมดี ไม่มีผู้ใดอื่นจะรับผลของความดี ความชั่วที่ตนเองทำไว้ เจ้าตัวเองเท่านั้น จักเป็นผู้รับผลของความดีความชั่วที่ตนทำ"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
จบแพทย์เกียรตินิยมจากจุฬาฯ ทำไมพระอาจารย์ถึงตัดสินใจบวช?
กราบนมัสการพระอาจารย์ กระผมได้อ่านประวัติของพระอาจารย์คร่าวๆ และพบว่าท่านเคยเป็นนายแพทย์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นอาจารย์แพทย์เฉพาะทางที่ศึกษาต่อจากต่างประเทศ ผมรู้สึกทึ่งมากและอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พระอาจารย์ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่างแล้วมาบวชครับ?
พระมหากีรติ ธีรปัญโญ ตอบ
หากถามว่าอาตมาได้ฟังพระสูตรบทไหนที่ทำให้ตัดสินใจบวช หนึ่งในพระสูตรที่อาตมาชอบมากก็คือ "รัฐบาลสูตร" เพราะมีเนื้อหาที่กระชับและชัดเจนว่าทำไมเราจึงควรบวช
เมื่อพิจารณาตามหลักพระพุทธศาสนา เราจะเห็นว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความไม่เที่ยง ไม่ว่าคนเราจะร่ำรวยหรือมีอำนาจมากเพียงใด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพบความสุขที่แท้จริง พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า แม้จะเปลี่ยนโลกทั้งใบให้กลายเป็นทองคำ ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความอยากของมนุษย์ได้ เพราะ "ตัณหา" หรือความอยากนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
เส้นทางแพทย์กับเส้นทางพระ
การเป็นแพทย์นั้น แม้จะยาก แต่ก็ไม่ยากเท่ากับการเป็นพระ เพราะไม่ว่าสังคมไหนก็ตาม ย่อมต้องมีบุคคลที่ทำหน้าที่รักษาผู้คนเสมอ แต่การที่จะได้พบพระพุทธศาสนาและมีโอกาสบวชเป็นพระเพื่อปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าโคดมมีอายุเพียง 5,000 ปี และปัจจุบันเราก็เดินทางมาแล้วกว่า 2,500 ปี เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แล้วเราใช้เวลาที่เหลือนี้ทำอะไรอยู่? ถ้าเรามัวแต่เพลิดเพลินอยู่ในโลกหรือแม้แต่ในสวรรค์ เราอาจพลาดโอกาสสำคัญในการปฏิบัติธรรม เพราะเมื่อถึงเวลาที่ศาสนาหมดสิ้นไป ก็จะไม่มีพระธรรม ไม่มีพระสงฆ์ และไม่มีโอกาสในการสร้างบุญอีกต่อไป
พระพุทธเจ้า—หมอผู้รักษาที่ต้นเหตุ
หากเปรียบเทียบ พระพุทธเจ้าคือหมอที่เก่งที่สุด เพราะพระองค์รักษาที่ "ต้นเหตุ" ของความทุกข์ ขณะที่แพทย์ทั่วไปทำได้เพียงรักษาอาการที่ "ปลายเหตุ" เช่น หากมีแผลเป็นหนอง หมอทั่วไปอาจเพียงแค่ทำความสะอาดและปิดแผล แต่พระพุทธเจ้าทรง "คว้านหนองออกจากราก" โดยแก้ปัญหาตั้งแต่สาเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
เส้นทางที่สะอาดและปลอดภัยกว่า
พระพุทธองค์ตรัสว่า "ฆราวาสเป็นเพศที่คับแคบ เป็นที่มาแห่งธุลี" เพราะการครองเรือนทำให้การรักษาศีลและปฏิบัติธรรมเป็นไปได้ยาก ขณะที่เพศบรรพชิตเป็นเส้นทางที่ว่าง ปลอดโปร่ง และเอื้อต่อการหลุดพ้นมากกว่า
หากลองสมาทานศีลดู จะพบว่าการรักษาศีลในชีวิตฆราวาสนั้นยากกว่ามาก เพราะมีสิ่งเร้าและอุปสรรคมากมาย ในขณะที่การบวชและอยู่ในวัด ทำให้การรักษาศีลง่ายขึ้น เพราะทุกคนช่วยกันประคับประคองให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง
สุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเลือกเส้นทางไหนให้กับชีวิตของตนเอง...
พระมหากีรติ ธีรปัญโญ วัดป่าบุญล้อม อุบลราชธานี
#อยากบวชเพราะไม่อยากเกิดอีก
เมื่อท่านพระอาจารย์ตั๋น ถิรจิตฺโต พบหลวงพ่อชา สุภัทโท
และเมื่อหลวงพ่อชา ทราบว่าเราอยากจะบวช หลวงพ่อชาหันมาถามว่า "ทำไมถึงอยากบวช ?"
เราตอบท่านสั้นๆว่า "ผมไม่อยากเกิดอีกครับ"
หลวงพ่อชาท่านก็เงียบไปสักครู่หนึ่ง.... ท่านก็พูดให้เราฟังว่า "เราน่ะบ้า รู้ตัวมั้ย ? มีสองอย่างนะ คือ บ้าข้างบนกับบ้าข้างล่าง
คนบ้า บ้าข้างล่าง หมายถึง คนวิกลจริต พูดจาเพ้อเจ้อ ไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ เขาถึงเรียกว่า คนบ้า
คนอยู่ตรงกลาง คือ คนปกติธรรมดาสามัญชนทั่วๆไป บ้าข้างบน หมายถึง พระอริยเจ้า เราน่ะมันบ้าข้างบน รู้ไหม ? เป็นพระอริยเจ้า !"
การบวชอยู่ในเพศสมณะนี้ เป็นเพศที่ประมาณค่ามิได้
หลวงพ่อชาถามว่า "เราเข้าใจไหม ?" เราจึงเรียนตอบว่า "เข้าใจครับ" หลวงพ่อชาถามว่า "เข้าใจว่าอย่างไร ?"
เราเรียนตอบท่านว่า "หมายถึงว่า ไม่มีทรัพย์สมบัติ หรือสิ่งมีค่าอะไร จะมามีค่าหรือเทียบเท่ากับการอยู่ในเพศสมณะได้ครับ จึงว่าประมาณค่ามิได้"
หลวงพ่อชากล่าวว่า "ถูกต้องแล้ว"
การบวชเป็นพระ เหมือนอยู่คนละส่วนหรือคนละโลกกับฆราวาสเลย ต้องอดทนมากพอสมควร แต่ก็ได้รับความสงบ อันเกิดจากธรรมเป็นที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในจิตใจ นำสุขมาให้แทน
บางครั้งเราเดินจงกรมอยู่ เราพิจารณาถึงสภาพที่เรามาอยู่ในเพศสมณะนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่า เรานี้ก็เป็นผู้โชคดีคนหนึ่งทีเดียวนะ ที่ไม่ทราบว่าหลุดรอดเข้ามาได้อย่างไร เราอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วในขณะนี้
ช่างน่าสงสารคนทั้งหลายที่ยังหลงยังเพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เขานึกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาแล้ว คือการเที่ยวสนุกสนานเพลิดเพลินในกามคุณ ๕ ทั้งที่ความตายกำลังคืบคลานติดตามมาข้างหลังของพวกเขาอยู่ กิเลสตัณหานี้สำคัญนัก น่าสงสารคนทั้งหลายจริง ๆ
#พระอาจารย์อัครเดช ถิรจิตฺโต
คัดลอกบทความจากหนังสือธรรมะ พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
"เดี๋ยวนี้..."
"พระน้อย พระใหญ่ ไม่มีความเคารพกัน ทำตัวเหมือนเป็น "เสี่ยว" กัน (แปลว่าเพื่อนสนิทในภาษาอีสาน) ไม่เคารพอาวุโสกัน
#ความเป็นอาวุโสนั้น... ถึงแม้จะบวชก่อนกันหนึ่งนาทีในอุโบสถเดียวกันก็ตาม ผู้บวชลำดับหลัง ก็ต้องเคารพผู้บวชก่อนเสมอ... แต่นี่อะไรกัน....พูดคุยหยอกล้อ ทำตัวสนิทสนมกัน เหมือนเป็นเสี่ยวกัน ทำตัวโลกๆ #ไม่รู้จักธรรมรู้จักวินัย อย่าว่าแต่พระนะ...
โยมก็เหมือนกัน ญาติโยมที่มาวัดบ่อยๆบางคน.... #ก็ทำตัวเป็นเสี่ยวกับพระ เวลาคุยเวลาเดิน ก็ขาดความเคารพ เห็นแล้วก็สลดสังเวช มันหนักไปหน้าหนา...."
โอวาทธรรม #หลวงปู่แบน ธนากโร #วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
ฉะนั้น ท่านจึงให้พวกเราพบธรรมะ ทีนี้เราพบธรรมะแต่ตัวหนังสือ พบธรรมะกับตํารา #อย่างนั้นมันพบแต่เรื่องของธรรมะ #ไม่ได้พบธรรมะตามความจริงที่พระบรมครูของเราสอน จะเข้าใจว่าพวกเราทั้งหลายปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้อย่างไร #มันไกลกันมาก
#พระพุทธองค์เป็นโลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก เดี๋ยวนี้ #เราไม่รู้แจ้ง #รู้เท่าไรก็ยิ่งมืดเข้าไปเท่านั้น รู้เท่าไรก็ยิ่งมืดเข้าไป คือมันรู้มืด ไม่ใช่รู้แจ้ง รู้ไม่ถึงนั่นเอง ไม่แจ้ง ไม่สว่าง ไม่เบิกบาน คนก็มาคาติดแค่นี้เท่านั้นแหละ แต่ว่ามันไม่ใช่น้อย #มันเป็นของมาก
#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
"..ในบรรดาสิ่งประณีตพิศดารต่างๆ แห่งจิตตนครนั้น นครสามี หรือ เจ้าเมือง เป็นความสำคัญที่สุด ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่า และ เจ้าเมืองแห่งจิตตนคร ก็คือ จิตนี้เอง หรือ ใจนี้เอง ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ คือ การกระทำใดๆ ก็ตาม คำพูดใดๆ ก็ตาม จะดีหรือชั่ว จะเป็นการส่งเสริม หรือ เป็นการทำลายจิตตนคร ก็ย่อมเนื่องมาจากนครสามี หรือ จิต หรือ ใจ นั่นแหละเป็นสำคัญ.."
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
"..ธรรมะ หรือ ธัมโม ต้องเรียนเอามาจากธรรมชาติ เห็นความเกิด ความแปรปรวนของสังขารประกอบด้วยไตรลักษณ์ เป็นนักปฏิบัติกรรมฐานอย่าเชื่อหมอมากนัก ให้เชื่อธรรม เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรมจึงจะดี ธรรมะทั้งหมดชี้เข้าที่กายกับจิต เพราะกายกับจิตนั่นแหละเป็นคัมภีร์เดิม เป็นคัมภีร์ธรรมที่แท้จริง ภูเขา ทะเล สายน้ำ แผ่นดิน แผ่นฟ้า เห็นไปดูไปก็ไม่มีความหมาย ให้เห็นแต่ชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ เท่านั้นแล.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒) อ้างอิงหนังสือ :ท่านพ่อลี ธมฺมธโร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า
"..คนเราเกิดมาย่อมมีกรรมทุกๆ คนจึงได้เกิดมา ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ได้เกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องอาศัยกรรมนั่นแหละ เป็นเครื่องอยู่ คือการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่ทำมาหาเลี้ยงชีพ จะอยู่กับเขาในโลกได้อย่างไร ฉะนั้น เมื่อจำเป็นจะต้องทำกรรม จึงควรงดเว้นกรรมชั่วเสีย จงทำแต่กรรมดี กรรมชั่วจึงค่อยหมดไปด้วยการไม่กระทำอีก.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย (พ.ศ.๒๔๔๕-๒๕๓๗)
"..อันนี้พระพุทธเจ้าก็ว่าอยู่ กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ การที่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นลาภใหญ่ เกิดมาชาติหนึ่ง ๆ แสนทุกข์แสนยากแสนลำบาก เราได้มาแล้ว เราเป็นผู้ไม่ประมาท รีบเร่งเอาทรัพย์ภายในไว้เสีย ความได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นลาภอันสำคัญ มนุษย์เป็นชาติอันสูงสุด เป็นสัตว์ใจสูง มีเมตตาซึ่งกันแลกัน ได้สมบัติมาดีแล้วก็รีบเอามัน รับทำเอาเสีย อบรมบ่มอินทรีย์ให้มันแก่กล้า แก่กล้ามันสุก สุกมันก็ดี หมากไม้มันสุกมันก็หวานไม่ใช่สุกแกมดิบ นอกจากอัตภาพร่างกายของเราแล้วสิ่งอื่นไม่มีเรื่องนอกธรรม เรื่องข้างนอกกว้างขวาง ต้องเข้ามาพิจารณาแต่กายกับใจของเราเท่านั้น อันนี้ได้ชื่อว่าเข้ามาใกล้แล้ว ใกล้เข้ามาทุกที ใกล้ทางพระนิพพาน เป็นผู้อยู่ต้นทางพระนิพพานก็ว่าได้เป็นผู้ไม่ประมาท เข้าใกล้เข้าทุกที ๆ ครั้นบารมีของเราพร้อมบริบูรณ์แล้วก็สามารถที่จะพิจารณาได้.."
อนาลโยวาท หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖)
|