"..มนุษย์เวียนเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดติดของเก่า กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ ท่านพวกนี้ติดของเก่า ... มีกิน ๑ มีนอน๑ สืบพันธ์ ๑ แม้ปู่ย่าตายายของเราล้วนแต่ติดของเก่า พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เมื่อท่านยังไม่ตรัสรู้ ก็ติดของเก่า เพลิดเพลินของเก่า ... ในรูป เสียง กลิ่น รสของเก่า ... ทั้งนี้ไม่มีฝั่งไม่มีแดน ไม่มีต้น ไม่มีสายย่อมปรากฏอยู่เช่นนั้น.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓–๒๔๙๒)
#สร้างบารมีธรรม "..หน้าที่ของผู้ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม ก็คือพยายามละความชั่ว เริ่มต้นตั้งแต่ตั้งใจละโดยเจตนา ฝึกฝนจนกระทั่งเป็นนิสัยที่เคยชินต่อการละ นิสัยที่เคยชินเพิ่มพลังงานขึ้น กลายเป็นอุปนิสัยวาสนาบารมี สิ่งที่เป็นอุปนิสัย คือสิ่งที่เป็นเองโดยอัตโนมัติ ที่เราฝึกหัดเสียจนคล่องตัว จนเป็นอุปนิสัยฝังแน่นอยู่ในสันดาน สิ่งที่เป็นอุปนิสัยที่ สะสมอบรมบ่มเอาให้มาก ๆ เมื่อเพิ่มพูนขึ้น หนักแน่นลงไปเป็น วาสนาบารมี ในเมื่อถึงขั้นแห่งอุปนิสัยวาสนาบารมี คุณงามความดีที่เราทำมาแล้ว ไม่ต้องนึกก็ได้ นึกถึงก็ได้ มันมีอยู่ในจิตของเราตลอดเวลา.."
#พระธรรมคำสอน พระราชสังวรญาณ (หลวงปู่พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา (พ.ศ.๒๔๖๔–๒๕๔๒)
ความเป็นจริงมันไม่เป็นอะไรหรอก #คนเราเป็นก็เป็นด้วยสมมุติ ถ้าถอนสมมุติไปเป็นวิมุตติมันก็ไม่เป็นอะไร เป็นสามัญลักษณะ #มีลักษณะเสมอกัน #ความเกิดขึ้นเบื้องต้น #มีความแปรไปเป็นท่ามกลาง #แล้วก็ดับไปในที่สุด มันก็แค่นั้น เห็นสภาพมันเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นมา #ถ้าเราเข้าใจเช่นนั้นแล้ว #มันก็สบาย #มันก็สงบ
ที่มันไม่สงบ ก็เหมือนกับพระปัญจวัคคีย์ประพฤติตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน #เมื่อท่านพลิกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าท่านคิดอะไร ท่านทําอะไร #ก็เลยหาว่าท่านคลายความเพียรเวียนมาหาความมักมาก ถ้าตัวเราเป็นเช่นนั้น ก็คงจะคิดอย่างนั้น #คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน #ไม่มีทางแก้ไข
แต่ความเป็นจริงแล้ว #พระพุทธเจ้าท่านเดินขั้นสูงขึ้นไปอีกจากพวกเรา #เรายังถือตัวอย่างเก่า #คิดไปในทางต่ำ #ก็นึกว่าเราคิดอยู่ในทางสูง เห็นพระพุทธเจ้าก็คิดว่าท่านคลายความเพียรเวียนมาหาความมักมากแล้วเหมือนกับปัญจวัคคีย์ ปฏิบัติกี่พรรษาคิดดูซิ ขนาดนั้นก็ยังหลงอยู่ ยังไม่ถนัด
#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
#การปรนนิบัติดูแลผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณถือว่าเป็นบุญ แต่แม้แต่การเสียสละในกิจที่เป็นบุญนั้น เราไม่ควรละเลยการดูแลตัวเอง เพราะถ้าเราปล่อยให้เหน็ดเหนื่อยเกินไปจนหมดแรง #หนึ่ง สุขภาพเราอาจจะเสียจนถึงขั้นทำหน้าที่ไม่ได้ #สอง ตอนเหนื่อยมากๆ นั้น เรามักจะเผลอสติ ใช้วาจารุนแรงได้ง่าย แล้วมาเดือดร้อนใจทีหลัง #โทษตัวเองว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดีทำบาปทำกรรมไว้กับบุพการี
#ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนไม่ดีหรือเป็นลูกอกตัญญูหรือไม่รู้จักบุญคุณเขาหรือบุญคุณท่านหรอก #แต่เราขาดปัญญาในการรับใช้ ในการสร้างประโยชน์กับคนอื่น #เราทำเกินกำลังของตัวเอง เกินกำลังก็เกิดปฏิกิริยาภายในจิตใจ
#เราต้องให้อภัยตัวเอง เพราะวาจานั้นไม่ได้สะท้อนถึงความรู้สึกที่แท้จริงต่อท่าน และเราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ให้รู้จักพอดีในการเสียสละ #เพราะในการสร้างประโยชน์ผู้อื่นในระยะยาว #เราต้องรู้จักรักษากายและใจของเราไปด้วย
#พระอาจารย์ชยสาโร
"คนที่ไม่มีโรคทางกาย นับว่าประเสริฐ แต่คนที่ไม่มีโรคทางใจคือกิเลส นั้นประเสริฐยิ่งกว่า"
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
“พระพุทธองค์ ต้องการให้เราเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตรกับตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่ ก็กลายเป็นศัตรูกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะขาดความรู้ในหลักความเจริญ และความเสื่อมของชีวิต
ทั้งๆ ที่ต้องการความเจริญ ก็ไม่สร้างเหตุ สร้างปัจจัย ของความเจริญนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการความเสื่อม ก็สร้างเหตุ สร้างปัจจัยของความเสื่อมอยู่เรื่อย
พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า ไม่มีศัตรูที่ไหนร้ายกาจเท่ากับจิตใจของตน ที่ขาดการฝึกอบรม และไม่มีเพื่อนที่ดีที่ไหน ที่ยิ่งกว่าจิตที่ฝึกดีแล้ว”
พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ
#แม้เราไม่มีเงินก็ทำบุญได้
อย่าไปคิดว่า ทำบุญต้องใช้เงินเท่านั้น เราไม่มีเงิน เราก็พาตัวเรานี้แหละมาวัด มากราบพระ ฟังเทศน์ฟังธรรม มาเห็นพระเจ้าพระสงฆ์ จิตใจก็จะร่าเริงเบิกบานสดชื่น ใช้ร่างกายนี้แหละทำบุญเห็นอะไรไม่ดีไม่งามก็ช่วยเก็บกวาดเช็ดถูก็เป็นบุญ เรามีหูสองหูก็ให้เขาได้ฟังแต่เรื่องราวดีๆ ให้ได้ฟังธรรมะก็เป็นบุญ เรามีตาสองตาก็ใช้ตานี้มองดูแต่สิ่งดีๆ ก็เป็นบุญ เรามีปากก็พูดแต่เรื่องดีๆ พูดให้คนอื่นมีความสุข มีข่าวบุญกุศลที่ไหนก็คอยบอกกล่าวให้คนอื่นได้รับรู้ เป็นสะพานบุญ บอกบุญให้คนอื่นได้มีโอกาสเข้าวัดทำบุญ เรามีใบหน้าก็ทำหน้าตาให้ยิ้มแย้มเบิกบาน รู้จักทักทายปราศัย ใครเห็นเขาก็มีความสุข เป็นบุญทั้งนั้นโดยไม่ต้องใช้เงิน..
โอวาทธรรม #หลวงปู่อินสม_สุวีโร
#ร่างกายนี้ตั้งแต่เกิดมา
มีแต่ความเปลี่ยนแปลง อย่างไม่หยุดยั้ง แล้วก็ต้องตายไป
ทำพิธีต่ออายุ สืบชะตาอย่างไร ก็ต้องตายทุกคน แล้วจะยึดถือว่า เป็นตัวเรา ของเราได้อย่างไร
เราเพียงยืมมาใช้ ได้อาศัย เป็นพาหนะ ให้ทำความดี เพื่อข้ามวัฏสงสารเท่านั้น
โอวาทธรรม #หลวงพ่อประสิทธิ์_ปุญฺญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๔๘๔ – ๒๕๕๙)
#ตายได้ทุกวัน
ชีวิตของคนเรานั้นเอาความแน่นอนอะไรไม่ได้ เรารู้จักแต่ว่าวันเกิด วันตายเรารู้ไม่ได้ว่าเราจะ ตายวันไหน อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ เป็นวันตายได้ทุกวัน แต่ว่าตายจริงๆ คนหนึ่งก็ตายวันเดียวนั้นแหละ การมีชีวิตมาถึง วันเวลาอย่างนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ บำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนา ปฏิบัติบูชาใน ทางพุทธศาสนา ให้เพียงพอจึงจะไปถึงความพันทุกข์
โอวาทธรรม พระญาณสิทธาจารย์ (#หลวงปู่สิม_พุทฺธาจาโร)
จากหนังสือ ๑๐๙ ธรรมคำสอนหลวงปู่ พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
#ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่
ศาสนาก็แสดงผลให้เห็นอยู่อย่างนี้ เพราะ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ท่านตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้ว คิดดูแต่พระอานนท์ ไปทูลขออาราธนาให้ท่านอายุยืนนานไป อานนท์มาหวังอะไรกับเรา ขู่ทันทีเลยนะ ทุกสิ่งทุกอย่างเราสอนเรียบร้อยหมดแล้ว สอนเพื่อมรรคผลนิพพาน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับคำสอนของเราหมดแล้ว แล้วเธอจะมายุ่งอะไรกับเราอีก ว่างั้นนะ ครั้นต่อไปก็เลยปลอบบ้าง พระอานนท์เสียใจ เอ้อ อานนท์ ถ้ามีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมที่เราสอนไว้นี้ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ บอกไม่สูญจากโลกเลยนะ ไม่ได้ว่ากาลนั้นกาลนี้ ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติตามสวากขาตธรรมที่เราตรัสไว้ชอบแล้วนี้ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ ปลอบใจพระอานนท์
คือสวากขาตธรรมนี้หมายถึงว่าตรัสไว้ชอบ ตรงแน่วต่อมรรคผลนิพพานไม่เป็นอื่น ถึงพระพุทธเจ้านิพพานแล้วก็ตาม สายทางนี้ตรงแน่วต่อมรรคผลนิพพานอยู่ตลอด สายทางคือที่ตรัสไว้แล้วนี้ คือทางเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ถ้าไม่ปลีกแวะไปจากนี้แล้วตรงเป๋งเข้าเลยๆ พระพุทธเจ้านิพพานไม่นิพพานไม่สำคัญ ขอให้ยึดหลักปฏิบัตินี้ให้ดีก็แล้วกัน ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์
อย่างที่เขาเขียนปัญหาไปถามเรา เขาถามว่า ศาสนาล่วงไปพันปีจะมีแต่ชั้นนั้นๆ ถ้าล่วงไปสองพันปีแล้วหมดพระอรหันต์ เป็นการที่ว่าขวางต่อสวากขาตธรรมนี้อย่างยิ่ง เขาเอาพระไตรปิฎกมาอ้าง มาอ้างก็มาขวางธรรมของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ชอบนี้ พระไตรปิฎกก็ความจำไปจำเอามา ว่ายังไงก็ได้ คนไปจดจำพระไตรปิฎกก็คนมีกิเลส หอบกิเลสไปเขียนมานี่ พระพุทธเจ้าสิ้นกิเลสแล้วเป็นผู้สอนไว้ ต่างกันอย่างไรบ้าง บอกว่าถ้ามีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ นี่สำคัญมากนะ ขอให้ปฏิบัติตามนี้ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ บอกอย่างนั้นตรงๆเลย ไม่ได้บอกว่ากาลนั้น สถานที่ เวลานั้นเวลานี้ ศาสนาจะหมดอย่างนั้นอย่างนี้ พระองค์ไม่เห็นบอก
ศาสนาจะหมดไปเพราะไม่มีใครปฏิบัติ มีแต่เอาคัมภีร์มาอวดกัน เรียนไปก็เป็นหนอนแทะกระดาษไป เรียนไปได้แต่ความจดความจำ ได้น้ำลายแล้วก็มาพ่นกัน อวดรู้อวดฉลาด อวดกิเลส กิเลสมันไม่ได้อยู่ในความจำ ธรรมะมรรคผลนิพพานไม่ได้อยู่ในความจำ อยู่ในความจริงต่างหาก กิเลสมันอยู่ได้หมดในความจำ แต่เข้าความจริงแล้วกิเลสถอย ถึงความจริงมากน้อยกิเลสจะถอยตัวออกเรื่อย ถึงความจริงเต็มส่วนกิเลสหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ...
โอวาทธรรม #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
|