นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 11 เม.ย. 2025 2:17 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตใจอยู่กับพุทโธ
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 28 มี.ค. 2025 5:53 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4886
ให้เป็นผู้มีราตรีเดียว
อดีตกะคืออดีต...มันผ่านไปแล้ว
ดีกะบ่ย้อนมาแล้ว
ชั่วกะบ่ย้อนมาแล้ว
อนาคตยังมาไม่ถึง
บ่ต้องคิดนำมัน
ให้เฮ็ดปัจจุบันให้ดี
อนาคตไม่ต้องสงสัยดอกเด้อ

#หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตโต

วัดเขาตาเงาะอุดมพร จ.ชัยภูมิ







" ...ในชีวิตของแต่ละบุคคลนั้น การให้ทานอาหาร น้ำ ผ้า ยารักษาโรค ต่างให้ทานได้

แต่...การให้ทานในเสนาสนะนั้นทำได้ยากมาก เพราะเป็นของใหญ่ และสิ้นเปลืองมาก

แต่ทำแล้ว...ผู้ให้ทานเสนาสนะนั้น
ทำให้สุขกายสบายใจได้สำหรับผู้ให้ทาน

เป็นการให้ทานที่สมบูรณ์แบบมาก
ทำให้เกิดผู้ที่ให้ทานสุขกายสุขใจ
ของใหญ่ต้องร่วมใจกันจึงจะทำได้สำเร็จ... "

ธรรมเทศนา

#หลวงปู่ทิวา อาภากโร

วันที่ 26 มิถุนายน 2566
ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเสริมรังษี จ.นครราชสีมา







#หมดสงสัย

#มีพระเถระองค์หนึ่งในครั้งพุทธกาลอยากจะปฏิบัติให้ถูกต้อง #อยากจะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดให้มันแน่นอน เที่ยวออกไปอยู่องค์เดียว ว่าอยู่หลายองค์มันวุ่นวาย อยู่องค์เดียวทําสมาธิไปเรื่อยๆ สมาธิก็สงบบ้างไม่สงบบ้าง เอาแน่นอนไม่ได้ บางทีก็ขี้เกียจ บางทีก็ขยัน เกิดความสงสัยเพราะกําลังหาทางปฏิบัติอยู่

พอดีได้ยินกิตติศัพท์อาจารย์คณาจารย์ที่ปฏิบัติด้วยกันมีมากในสมัยนั้น ได้ยินกิตติศัพท์ว่า พระ ก. เป็นอาจารย์สอนปฏิบัติ คนไปฟังธรรมมาก กิตติศัพท์ของท่านว่าปฏิบัติดี ก็มานั่งคิด เออ เผื่อองค์นี้จะถูก ก็ไป ฟังท่านเทศน์ ไปปฏิบัติกับท่าน ฟังท่านเทศน์แล้วก็เอามาปฏิบัติอยู่ องค์เดียว บางสิ่งก็เหมือนกับตัวเราคิดบ้าง บางอย่างก็ไม่เหมือนกัน ความสงสัยก็เกิดขึ้นเรื่อยไม่หยุด อยู่ไปอีกก็มี อาจารย์ ข. ข่าวว่าท่านปฏิบัติดีด้วย เก่งด้วย เกิดความสงสัยก็ไปอีก ไปฟังได้ความแล้วก็มาปฏิบัติ เทียบองค์นี้กับองค์นั้น ก็ไม่เหมือนกัน เทียบองค์นั้นกับองค์นั้นก็ไม่เหมือนกัน กับความคิดของเรานี้ก็ไม่เหมือนกันอีก แปลกไปเรื่อย #ความสงสัยก็ยิ่งมากขึ้น

อยู่ไปได้ข่าวอีก พระ ค. อาจารย์ ค. เก่งเหมือนกัน เขาร่ำลือมา อดไม่ได้ อยากจะไปอีก ไปปฏิบัติกับท่าน ท่านจะเทศน์ยังไง ปฏิบัติยังไง ก็ไป ไปฟังธรรมะท่าน เหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง เอามาคิด องค์นั้นทําไมทําอย่างนั้น องค์นี้ทําไมทําอย่างนี้ #รวมความเห็นของอาจารย์เข้าด้วยกันแล้ว ก็มารวมความเห็นของเรา ไปกันคนละอย่าง #เลยไม่เป็นสมาธิ องค์นั้นเป็นยังไง องค์นี้เป็นยังไง #ความฟุ้งซ่านยิ่งเกิดขึ้น #ก็ยิ่งทําให้หมดกําลังใจ ไม่สบาย สงสัยไม่หาย

#วันหลังมาได้ข่าวว่าพระศาสดาพระโคดมเกิดขึ้นในโลก ยิ่งหนักใหญ่เลยทีนี้ อดไม่ได้อีก ไปอีก ไปกราบท่าน ไปฟังธรรมะท่าน ท่านก็เทศน์ให้ฟัง #ท่านว่าไปทําความเข้าใจกับคนอื่นให้หายความสงสัยนั้นไม่ได้ ยิ่งฟังยิ่งสงสัย ยิ่งฟังก็ยิ่ง แปลก พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า #ความสงสัยไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นตัดให้เรา ไม่ใช่คนอื่นจะแก้ความสงสัยให้เรา องค์อื่นก็อธิบายเรื่องความสงสัยเท่านั้นแหละ #เราก็จับมาปฏิบัติให้มันรู้เองเห็นเอง ท่านบอกว่า "#อยู่ในกายของเรานี้แหละ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้เป็นอาจารย์ของเรา ให้ความเห็นแก่เราอยู่แล้ว" #แต่เราขาดการภาวนา #ขาดการพิจารณา

ท่านบอกว่า #จะระงับความสงสัยให้พิจารณากายกับใจของตัวเองเท่านั้นแหละ #อดีตก็ให้ทิ้ง #อนาคตก็ให้ทิ้ง ให้รู้ทิ้ง #ให้รู้ #รู้แล้วทิ้ง #ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ทิ้ง อดีตทําดีมาแล้ว ชั่วมาแล้ว อะไรๆ มาแล้ว อดีตที่ผ่านมาแล้วก็ทิ้ง เพราะว่าไม่เกิดประโยชน์ อะไรที่ดีก็ดีแล้ว ผิดก็ผิดแล้ว ถูกก็ถูกแล้ว ปล่อยทิ้งไป อนาคตก็ยังไม่มาถึง อะไรจะเกิดก็ในอนาคต จะดับก็ในอนาคต อันนั้นก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่น รู้แล้วก็ทิ้ง ทิ้งอดีต สิ่งที่เกิดในอดีตก็ดับไปแล้ว เอามาคิดมากทําไม คิดแล้วก็ปล่อยไป ธรรมนั้นเกิดในอดีต เกิดแล้วก็ดับไปแล้วในอดีต ปัจจุบันจะเอามาคิดทําไม รู้แล้วก็ปล่อย ให้รู้ปล่อย ไม่ใช่ไม่ให้คิดเห็น คิดเห็นแล้วก็ปล่อย เพราะมันเสร็จแล้ว อนาคตที่ยังไม่มาถึงนั้น ธรรมในอนาคตเกิดในอนาคต #อะไรที่เกิดในอนาคตก็จะดับในอนาคตนั้น #ให้รู้แล้วปล่อยเสีย #อดีตก็เรื่องของไม่เที่ยงเหมือนกัน #อนาคตก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน ให้รู้แล้วก็ปล่อย เพราะเป็นของไม่แน่นอน ดูปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ดูปัจจุบัน เราทําอยู่นี่ ท่านอย่าไปดูอื่นไกล

#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)







"ถ้าเรารู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา
ดูให้ดีเถอะว่า ได้ไปยึดอะไรเข้าให้แล้ว"

ท่านพุทธทาสภิกขุ






เมื่อจิตใจอยู่กับพุทโธอยู่ทุกอริยาบถทั้งยืนทั้งเดินทั้งนั่งทั้งนอน อยู่กับพุทโธ จิตใจ มันจะเหลือวิสัยไปยังไง มันก็ต้องเข้าสู่ความสงบนิ่ง เพราะเราตัดภายนอก

เราปรุงฟุ้งมาตลอดทั้งปี ไม่รู้กี่ปีกี่เดือน มันได้อะไร บัดนี้เอาเถอะ เราจะตัดทิ้ง เราจะอยู่กับพุทโธเท่านั้น เอาสิ มันจะเกิดอะไร มันจะเสียหายขนาดไหน ถ้าอยู่กับพุทโธ มันไม่เสียหายนะลูกหลาน มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองงอกเงยทางด้านจิตใจ มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขด้านจิตใจ ถ้าอยู่กับพุทโธ จิตใจสงบนิ่ง พอจิตใจสงบนิ่งเป็นขณิกะ อุปจาระ อัปปนาสมาธิ จิตใจถึงขั้นอัปปนาสมาธิ จิตเป็นยังไง สติเป็นอันนั้น สติเป็นยังไง จิตใจความรู้สึกนึกคิดอยู่อย่างนั้น จิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

พอจิตใจนิ่งเข้าสู่ความสงบเท่านั้น บางคนก็ได้นานนะ จิตสงบ บางทีไม่ได้นานก็ถอนขึ้นมา พอถอนขึ้นมาเท่านั้น เราก็จะรู้ได้มั่นใจในตัวเอง หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้แนะแนวแนะนำมา ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านแนะแนวแนะนำมา เป็นของจริง มันเชื่อมั่นในตนเอง ผู้ได้สัมผัสจะรู้ได้ด้วยตนเอง ธรรมะเป็นปัจจัตตัง เหมือนกับเขาบอกเค็มอย่างนั้น หวานอย่างนี้นะ รสดี เราก็ฟัง ๆ พอลิ้นเราแตะเท่านั้นแหละ เราจะรู้ได้ด้วยตนเอง โอ้ใช่ รสมันเป็นอย่างนี้เองรู้ได้ ที่เขาพูดมาเรารู้ได้เลย เพราะเราได้แตะ ได้ลิ้มรสแล้ว

อันนี้ก็เหมือนกันพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำสมาธิจิตใจเข้าสู่ความสงบนะ นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ ความสุขอื่นยิ่งกว่าจิตใจสงบไม่มี ในเมื่อจิตใจของเราเข้าสู่ความสงบ นิ่งอย่างที่ว่าน่ะ โอ้โห มีความสุขจริง ยอมรับธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า กราบแล้วกราบอีก ยกมือไหว้แล้วยกมือไหว้อีก อันนี้ก็คือการสัมผัสทางด้านจิตใจของผู้ปฏิบัติ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ศาสนาพาให้รู้ความจริง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๗


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO