กว่าบุญจะส่งผลให้เราเจริญ ประโยชน์ต้องดำเนินให้มาก อยู่เฉยๆ ให้มันเกิดขึ้นมาเองเป็นไปไม่ได้ บุญบารมีเกิดจากเรากระทำ มิได้น้อมนำมาจากลมหรือแล้งกา
โอวาท #หลวงปู่ลี ตาณํกโร
#การเกิดนั้นมันเป็นทุกข์
แต่ถ้าได้เกิดมาแล้ว ก็ต้องมา สร้างบารมี ไม่ใช่เกิดมาแล้วตายทิ้งไปเปล่าๆนะ
โอวาทธรรม พระราชพัชรมานิต วิ. (#อัครเดช_ถิรจิตฺโต) วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
#เมื่อจิตของเราสงบแล้ว...
กุศลธรรมทั้งปวง ก็รวมอยู่ในจิตที่สงบนั้นเอง เพราะฉะนั้น...นักปฏิบัติต้องปฏิบัติอะไร คือ ปฏิบัติจิต นั้นเอง คือ ทำจิตให้สงบ ทำจิตให้สว่าง ทำจิตให้บริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์ ก็คือ...ความสงบนั่นเอง
เบื้องต้น... ที่จะทำจิตให้สงบ ก็ไม่มีอะไรมากมาย คือ ภาวนา การภาวนา ก็ไม่เอาอะไรมากมายนัก เอาพุทโธ อย่างเดียวก็พอแล้ว ก่อนที่จะภาวนา... เราต้องตัดอารมณ์ข้างนอกออกให้หมดเสียก่อน คือ ไม่ส่งอารมณ์ออกไปนอก
อารมณ์...ที่ส่งไปนอก ไปหาปรุงหาแต่ง ไปหาก่อ หาเกิด ไม่มี...ที่สิ้นสุด จิต ของเราไม่สงบ เพราะฉะนั้น... ก่อนที่จะภาวนาเราต้อง ตัดอารมณ์ออกให้หมด ไม่ต้องส่งจิต ไปนอก หันมาดู...จิตของเรา อยู่...ในจิตของเรา ตั้งสติ อยู่...ในจิต แล้วก็บริกรรม ให้จิต เป็นผู้บริกรรมเอง ไม่เอาอะไรมากมาย พุทโธ...อย่างเดียว ก็พอแล้ว
แต่ว่า... ให้จิต เป็นผู้บริกรรมเอง ให้จิต เป็นผู้ว่าเอง ไม่ต้องว่ากับปาก
วิธีนั่งบริกรรม... นั่งขัดสมาธิ ก็ได้ นั่งพับเพียบ ก็ได้ เอาตีนขวาทับตีนซ้าย ตั้งกายให้ตรง แล้วก็หลับตา... แล้วก็ ดู...จิต คือ...ผู้รู้ นั้นเอง
จิต ผู้รู้...มีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน ไม่ต้องไปหาที่อื่น ตั้งจิต อยู่...ในจิต ตั้งสติ อยู่...ในจิต ให้จิต...เป็นผู้บริกรรมเอง ไม่เอาอะไร มากมาย เอาพุทโธ...อย่างเดียว
แล้วบริกรรม... พุทโธ พุทโธ พุทโธไป จนจิตของเรา มันสงบ...
โอวาทธรรม #หลวงปู่ดูลย์_อตุโล วัดบูรพาราม
#จิตปล่อยจิตเป็นธรรมอันเดียว
"..เป็นธาตุที่บริสุทธิ์เป็นมหัศจรรย์ ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ ทาง "สมาธิปัญญา" ใดที่เคยผ่านมา
พอ "จิตวางปั๊บ" ฮุกหมัดเด็ดคือ "วิปัสสนาญาณ" เข้าปลายคาง ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเกินอธิบาย เป็น "อจินไตย"
ตามดูลมหายใจไปด้วย ผ่อนลงไป...ผ่อนลงไป... ทีแรกมันอยู่ตรงนี้ พออยู่ตรงนี้หมด... หมด... หมด... หมดขึ้นมาเรื่อย หมดขึ้นมาเรื่อย อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ ยังมีอีกนิดๆ
เราก็พิจารณาอยู่ ยังไม่หมดนี่ พิจารณาค้นอยู่อย่างนั้นตลอด
พอพิจารณาตรงนี้มันดับหมดแล้ว เราก็ "หยุดความคิด" คือเรียกว่า “หยุดความค้น”
ลองวางปั๊บ แหม !! มันขาดเชียว
การ "ขาด" ครั้งนี้ไม่เหมือนการขาดลงอย่างที่ผ่านๆ มา
พอจิตวางปั๊บ... "จิตมีอิสรภาพอย่างสูงสุด" ปล่อยวาง "สังขารโลก" "คว่ำวัฏจักร วัฏจิต แหวกอวิชชาและโมหะ" อันเป็นประดุจตาข่าย
ด้วยการฮุกหมัดเด็ดคือวิปัสสนาญาณ เข้าปลายคาง
"อวิชชา" ถึงตาย ไม่มีวันฟื้น !!
พระพุทธเจ้าพระองค์อยู่ที่ใดทราบได้อย่างประจักษ์ใจ คำว่า "เป็นหนึ่ง" นั้น ไม่มีความหมายใดจะอธิบายต่อได้อีก
"ภพ" "ชาติ" ที่หมุนวนมา ตั้งกัปตั้งกัลป์นั้น เป็นความโง่ที่ไม่อาจให้อภัยได้
"ชาติ" "สังขาร" อยู่ที่ใด "ใจ" ไม่เกี่ยวเกาะ สิ่งที่จิตเคยเกี่ยวเกาะ ถูกลบด้วย "ธรรมชาติ" ที่เป็น "หนึ่ง" นั้น
จะว่าบริสุทธิ์ก็พอจะคาดเดาได้ แต่ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเกินอธิบาย เป็น "อจินไตย"
สำหรับปุถุชน ไม่ควรถามคิดให้ปวดหัว
"ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ" ไม่มีช่องทางให้ "อวิชชา" เดิน ถูกปิดด้วย "มหาสติ มหาปัญญา"
"วิปัสสนาญาณ" ตีตะล่อมเข้าภายใน หักล้าง "อวิชชา" อันเป็นตัวการ
"จิตปล่อยจิต" เป็น "ธรรมอันเดียว" เป็น "ธาตุที่บริสุทธิ์" เป็น "มหัศจรรย์" ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ทาง "สมาธิปัญญาใด" ที่เคยผ่านมา.."
โอวาทธรรม พระครูสุทธิธรรมรังษี (#หลวงปู่เจี๊ยะ_จุนฺโท) วัดป่าภูริตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
#อยากได้ของดีที่มีอยู่กับตัวเราทุกคน #ก็พากันปฏิบัติเอาทำเอา
เมื่อเวลาตายแล้วจึงพากันวุ่นวาย หานิมนต์พระมาให้บุญกุสลามาติกา นั่นไม่ใช่เกาถูกที่คันนะ จะว่าไม่บอก ต้องรีบเกาให้ถูกที่คันเสียแต่บัดนี้ โรคคันจะได้หาย คือเร่งทำความดีเสียแต่บัดนี้ จะได้หายห่วงหายหวงกับอะไร ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา แต่พากันจับจองเอาแต่ชื่อของมันเปล่า ๆ ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล..
โอวาทธรรม พระครูวินัยธร (#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
#ความร้อนคือกิเลส #กิเลสเหมือนกับไฟ
ไฟมันเป็นของร้อน ไม่ว่าไฟนั้น...จะเป็นไฟ วันไหน เดือนไหน ยุคใด สมัยใดก็ตาม ไฟธรรมดานี่แหละมันร้อน กิเลสในใจมนุษย์คนเรานั้น...มันเป็นไฟ ไหม้หัวใจของตนอยู่... ทุกเวลา เรายังเด็กอยู่ไฟไหม้ไม่ได้ ไม่ได้ (อย่างไร) ก็เหมือนไฟภายนอก เด็กไปเผลอเข้า มันไปเหยียบเข้า ไฟก็ไหม้เท้าไหม้ตีน เหยียบมาก ก็ไหม้มาก เข้าสู่กองไฟก็ตายเลย
กิเลสราคะ กิเลสโทสะ กิเลสโมหะ ต้องภาวนาดู จึงจะรู้ว่ากิเลสมันอยู่ตรงไหน จะเลิกละได้โดยวิธีใด เราต้องตั้งตัวตั้งใจ ขึ้นมา อย่าไปปล่อยให้อำนาจฝ่ายต่ำเข้ามาทับถมจิตใจ เมื่อจิตมันไม่มีความเพียรปล่อยให้กิเลสมันทับถม... กาย มันก็อ่อนแอท้อแท้ ขี้เซาเหงานอน มันก็ไหลมาเทมา ก็เพราะจิตมันไม่มีความเพียร จิตมันไม่ตื่นขึ้นไม่ลุกขึ้น จิตมันอ่อนแอท้อแท้ จิตมันขุ่นมัว มันไม่ใส พุทโธไม่อยู่ในจิต จิตไม่เข้าถึงพุทโธ
พุทโธ อยู่...ภายในใจสว่างแจ้ง ไม่หลงใหลไปตามคนสัตว์วัตถุธาตุ ทั้งหลาย
ตั้งใจยกจิตใจของตนขึ้นมา เอาจนให้ได้คำว่า...ผู้มีความเพียรย่อมสำเร็จได้ทุกอย่างทุกประการ ตั้งใจทำ ตั้งใจพูด ตั้งใจคิด ตั้งใจภาวนา มันไม่เหลือวิสัยของผู้มีความเพียร ผู้มีเพียร คนมีเพียร ทำอะไรก็สำเร็จ พูดอะไรก็สำเร็จ คิดอะไรก็สำเร็จ เมื่อไม่มีความเพียร มันจะเอาอะไรมาเป็นความสำเร็จ ทำอะไรไม่ตั้งใจทำ ทำจนตลอดรอดฝั่งคือว่า...เอาจริงเอาจังในใจ
แม้พุทโธคำเดียว ก็ได้สำเร็จมรรคผล เห็นแจ้งพระนิพพาน เพราะอะไรเพราะองค์นั้น ผู้นั้นทำจริงๆ ปฏิบัติจริงๆ ภาวนาจริงๆ ตั้งจิตตั้งใจจริงๆ ตั้งเนื้อตัวจริงๆ เอาจริงเอาจังทุกอย่าง
เมื่อทำจริงๆ ปฏิบัติจริงๆ ของจริงมันก็ปรากฏการณ์ขึ้นมา ในที่ความจริงนั่นแหละ ไม่ได้อยู่ในที่อื่น... มันอยู่ที่จิตที่ใจของแต่ละบุคคล ไม่ต้องไปมัวสงสัยวิตกวิจารณ์อย่างนั้น...อย่างนี้...
ขอให้ทำจริงปฏิบัติจริง มันไม่จริงอย่าไปถอยความเพียร
โอวาทธรรม #หลวงปู่สิม_พุทธาจาโร
|