ธรรมะปฏิสันถารเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พุทธศักราช 2522 พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมหลวงปู่เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อทั้งสองพระองค์ทรง ถามถึงสุขภาพอนามัยและการอยู่สำราญแห่งอิริยาบถของหลวงปู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉาว่า
"หลวงปู่ การละกิเลสนั้น ควรละกิเลสอะไรก่อน" ฯ
หลวงปู่ถวายวิสัชนาว่า
"กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน"
หลวงปู่ไม่ฝืนสังขารทุกครั้งที่ล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์เสด็จเยี่ยมหลวงปู่ หลังจากเสร็จพระราชกรณียกิจในการเยี่ยมแล้ว เมื่อจะเสด็จกลับ ทรงมีพระดำรัสคำสุดท้ายว่า
"ขออาราธนาหลวงปู่ให้ดำรงขันธ์อยู่เกินร้อยปี เพื่อเป็น ที่เคารพนับถือของปวงชนทั่วไป หลวงปู่รับได้ไหม" ฯ
ทั้งๆ ที่พระราชดำรัสนี้เป็นสัมมาวจีกรรม ทรงประทานพร แก่หลวงปู่โดยพระราชอัธยาศัย หลวงปู่ก็ไม่กล้ารับ และไม่อาจฝืนสังขาร จึงถวายพระพรว่า
"อาตมาภาพรับไม่ได้หรอก แล้วแต่สังขารเขาจะเป็นไป ของเขาเอง"
ปรารภธรรมะเรื่องอริยสัจสี่พระเถระฝ่ายกัมมัฏฐาน เข้าถวายสักการะหลวงปู่ในวันเข้าพรรษาปี 2499 หลังฟังโอวาทและข้อธรรมอันลึกซึ้งข้ออื่นๆ แล้ว หลวงปู่สรุปใจความ อริยสัจสี่ให้ฟังว่า
"จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ"
สิ่งที่อยู่เหนือคำพูดอุบาสกผู้คงแก่เรียนคนหนึ่ง สนทนากับหลวงปู่ว่า
"กระผมเชื่อว่า แม้ในปัจจุบันพระผู้ปฏิบัติถึงขั้นได้บรรลุ มรรคผลนิพพานก็คงมีอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านเหล่านั้นจึงไม่แสดงตนให้ ปรากฏ เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติทราบว่าท่านได้บรรลุถึงคุณธรรมนั้นๆ แล้วเขาจะได้มีกำลังใจและมีความหวัง เพื่อเป็นพลังเร่งความเพียร ในทางปฏิบัติให้เต็มที่" ฯ
หลวงปู่กล่าวว่า
"ผู้ที่เขาตรัสรู้แล้ว เขาไม่พูดว่าเขารู้แล้วซึ่งอะไร เพราะ สิ่งนั้นมันอยู่เหนือคำพูด ทั้งหมด"