บนเส้นทางของการภาวนาพัฒนาจิตใจทำภพชาติการเกิดให้สั้นลง ๆ นั้น หลวงปู่ดู่เคยพูดให้กำลังใจว่า “ให้ตั้งใจปฏิบัติ...พระท่านคอยจะช่วยเหลืออยู่” ซึ่งนักปฏิบัติอาจมีประสบการณ์ของคำว่า “พระท่านคอยจะช่วยเหลืออยู่” ต่าง ๆ กันไปตามกาลเทศะและความพร้อมของผู้รับการสงเคราะห์
ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ปฏิบัติกรรมฐานอยู่ จิตยังไม่ทรงตัว ยังมีอาการโคลงเคลง อยู่ ๆ ก็เหมือนพระท่าน “ชาร์จ” เข้ามาทำให้จิตเปลี่ยนสภาพ ยกระดับของการทรงตัวขึ้นมาได้ในทันที บางครั้งพระท่านอาจสงเคราะห์ด้วยการให้จิตผุดรู้ในข้อธรรมที่เหมาะควรแก่สภาวะจิตในขณะนั้น เพื่อให้เป็นข้อพิจารณาธรรมที่ได้ความซาบซึ้ง หรือได้ธรรมสังเวชเกิดขึ้นในจิต
การสงเคราะห์ของหลวงปู่ในบางครั้งที่ดูจะพิเศษสักหน่อย ก็คือตั้งองค์พระให้ลูกศิษย์ ท่านจะส่งกระแสบารมีมากระทบจิตของลูกศิษย์ที่กำลังตั้งใจปฏิบัติกรรมฐานอยู่ จนปีติเกิดขึ้นตามลำดับ คือ ตั้งแต่ขาท่อนล่างมาถึงเอว (หลวงปู่เรียกว่าห้องพระสงฆ์) จากนั้นปีติก็เขยิบต่อขึ้นมาถึงหน้าอกถึงคอ (เรียกว่าห้องพระธรรม) แล้วปีติก็ขึ้นมาถึงศีรษะและปลายเส้นผม (เรียกว่าห้องพระพุทธ) เมื่อปีติขึ้นเต็มที่เช่นนี้ กายของเราก็คล้าย ๆ จะหายไปในความรู้สึก ในขณะนั้นเอง ที่หลวงปู่ท่านตั้งองค์พระขึ้นที่จิต ความละเอียดของความหมายในเรื่องการสงเคราะห์นักปฏิบัติด้วยการตั้งองค์พระให้นี้ จะมีผลให้การทำภาวนาครั้งต่อ ๆ ไป แทนที่จะใช้เวลานาน ก็จะใช้เวลาน้อยลง จิตก็จะสามารถเข้าสู่ความเป็นสมาธิได้โดยง่าย อย่างที่เคยกล่าวไว้หลายครั้งหลายหนที่ว่า ทุกอย่างมีทั้งหยาบ กลาง และละเอียด ดังนั้น สิ่งที่เป็นความหมายลึกซึ้งหรือละเอียดกว่านี้ย่อมมีอยู่ ขึ้นอยู่กับความละเอียดของจิตเจ้าของเอง แต่ถึงจะละเอียดเพียงใด หลวงปู่ท่านก็มิเคยบัญญัติให้เป็นวิชชาแปลกใหม่อะไร เพราะท่านยังคงยึดมั่นในกรอบแห่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ความละเอียดแห่งการตั้งองค์พระ ก็ยังคงอยู่ในขอบเขตแห่งไตรสิกขาในข้อ จิตตสิกขา คือ การฝึกฝนทางด้านสมาธินั่นเอง ------------------------------------------------------- บทความจากพี่พรสิทธิ์
_________________ ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง
|