ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am โพสต์: 6586
|
โลกกับธรรมต่างก็เดินเข้าหาจุดหมายอันเดียวกันคือความสุข แต่วิธีเดินมันผิดกันไปคนละทาง ฉะนั้น ผลมันจึงไม่เหมือนกัน คือโลกมีแต่จะเอาถ่ายเดียว คิดปรุงแต่งกอบโกยสะสมเอา ๆ หนักเข้าจนเป็นการเห็นแก่ตัว อันเป็นเหตุทำความเดือดร้อนเป็นทุกข์แก่คนอื่นไปก็มี แล้วก็ไม่มีเวลาอิ่มเวลาพอสักทีเสียด้วย แม้อายุจะสักร้อยปีตายไป ความอิ่มความพอก็ยังไม่มีสิ้นสุด ตายไปแล้วก็ยังเป็นหนี้ของโลกอยู่เลย(คือความพร่องอยู่) จึงเป็นทุกข์ทั้งแก่ตนแลคนอื่นด้วย...
เมื่อเราเข้าใจตามเป็นจริงแล้ว หากจะมีเหตุการณ์อะไรมากระทบตามวิสัยของโลกซึ่งเป็นของหวั่นไหวอยู่ตลอดกาลก็ดี จิตของเราก็มิได้หวั่นไหวไปตามเหตุการณ์นั้น เพราะสติควบคุมจิต พิจารณาเห็นด้วยปัญญาแจ้งชัดอยู่ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้อยู่ในโลกอันวุ่นวาย ด้วยความสันติสุข
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
_________________ ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน
|
|