จันทร์ 29 มิ.ย. 2009 1:27 pm
- lp9.jpg (55.22 KiB) เปิดดู 962 ครั้ง
คราวที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ตลาดเจ้าพรหม อยุธยา เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งช่วงนั้นหลวงปู่ก็ดำรงยังธาตุขันธ์อยู่ เพลิงไหม้ครั้งนั้นรุนแรงมาก เผาทั้งตลาดและบ้านละแวกนั้น และหนึ่งในจำนวนนั้นก็รวมถึงลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งที่สร้างพระและเก็บพระหลวงปู่ไว้จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพรหมผง
ภายหลังเหตุเพลิงไหม้ พระหลวงปู่ที่ไหม้ไฟจำนวนมากถูกอัญเชิญไปถวายไว้ที่พระรูปหนึ่งที่วัดแถวนั้น พูดตรง ๆ ก็คือเอาพระที่ไหม้ไฟ ซึ่งบางส่วนก็แตกหักนั้นไปไว้วัด เหมือนอย่างเอาศาลพระภูมิชำรุดไปยัดเยียดให้วัด ทำนองนั้น
เข้าใจว่าความศรัทธาของเจ้าของคงเปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนเดิม ซึ่งเราก็ไม่อาจทราบบุพกรรม และการประพฤติธรรมของเจ้าของพระเครื่องเหล่านั้นว่าเป็นมาอย่างไร
หลายปีต่อมา ลูกศิษย์หลวงปู่คณะหนึ่งไปรู้จักหลวงพ่อองค์ที่เก็บรักษาพระหลวงปู่ที่ถูกไฟไหม้ ท่านเอ่ยปากว่าหากศรัทธาก็นำไปบูชาได้ ลูกศิษย์คณะนั้นจึงได้ขออนุญาตนำพระบางส่วนกลับมาด้วยความดีใจ และรวมไปถึงของแถมคือ พระบูชาหลวงปู่ขนาด ๕ นิ้ว ที่เศียรขาด (องค์นี้ปิดทองวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระชุดที่ถูกไฟไหม้) ซึ่งมีคนมาวางตากแดดตากฝนในวัดแห่งนั้น (คือเอามายัดเยียดให้วัดเช่นกัน)
ลูกศิษย์ที่ปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่จะมีความเชื่อมั่นในคุณพระว่าจะคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา รวมทั้งเชื่อในอานิสงส์ของการบูรณะซ่อมแซมพระ จึงได้นำพระที่เศียรขาดมาต่อเศียรแล้วก็บูชาต่อที่บ้านอย่างไม่มีข้อสะดุดใจ ซึ่งอาจขัดแย้งกับความเชื่อของชาวบ้านทั่วไปที่รังเกียรพระชำรุดว่าเป็นสิ่งที่เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาไว้ในบ้าน จึงได้เที่ยวยัดเยียดให้วัดวา
จึงว่าความศรัทธารู้ได้เมื่อภัยมา เมื่อยังดีอยู่ เราก็ว่าเราศรัทธา แต่พอมีสิ่งมากระทบแรง ๆ แทนที่จะโทษตัวเอง กลับโทษทุกสิ่งรอบด้าน หรือนึกน้อยใจว่าทำไมปาฏิหาริย์จึงไม่เกิดกับเราบ้าง โดยที่ไม่รู้ว่าหลวงปู่ท่านสงเคราะห์ ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือทำให้แคล้วคลาดมาไม่รู้เท่าไรแล้ว
-----------------------------------------------------------
บทความจากพี่พรสิทธิ์