หลายปีก่อนมีผู้นำพระของหลวงปู่ (พระพรหมผง) ไปมอบให้อาจารย์ของเขา อาจารย์ผู้นี้จัดว่าเป็นฆราวาสผู้มีความรู้และคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง ถึงขนาดว่าสมเด็จพระญาณสังสร สมเด็จพระสังฆราชขอเชิญให้ไปร่วมนั่งปรกในโบสถ์วัดบวรในสมัยก่อนโน้น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นฆราวาสเพียงท่านเดียวที่ได้รับเกียรตินี้
อาจารย์ผู้นี้ เมื่อได้รับพระพรหมของหลวงปู่แล้วก็พิจารณา (ภายใน) แล้วกล่าวกับบรรดาศิษย์ว่า นึกไม่ถึงว่าในเมืองไทยยังจะมีผู้อธิษฐานจิตพระได้สูงเช่นนี้ กระแสรัศมีสีขาวในองค์พระนี้ ถือว่าสูงสุดแล้ว ไม่มีเกินกว่านี้อีกแล้ว ที่ผ่านมาอย่างมากก็เห็นแต่กระแสรัศมีสีเหลืองทอง จากนั้นอาจารย์ท่านนี้ก็ได้ให้ลูกชายของท่านเปลี่ยนมาห้อยพระพรหมของหลวงปู่แทน
แต่ผลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งก็คือ ทำให้ลูกศิษย์กรรมฐานของท่านส่วนหนึ่งพากันศึกษารายละเอียดว่าหลวงปู่ดู่คือใคร อยู่ที่ไหน ท่านสอนอย่างไร และหนึ่งในนั้นก็เป็นผู้ถ่ายทอดให้ข้าพเจ้าได้รับทราบข้อมูลนี้
บัดนี้ตัวอาจารย์ท่านนั้นก็ได้ละสังขารไปแล้ว นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าในบรรดาลูกศิษย์นับร้อยของท่าน มีเพียงส่วนน้อยนิดที่ฝึกอบรมสวดมนต์ทำภาวนากับท่าน ส่วนใหญ่ก็เพียงติดตามเอาวัตถุมงคลบ้าง ขอให้ท่านสงเคราะห์เรื่องโลก ๆ บ้าง ให้ท่านแก้คุณไสย์ให้บ้าง ทั้ง ๆ ที่ท่านพยายามจะให้ลูกศิษย์มาปฏิบัติเพื่อให้ได้สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งที่เที่ยงแท้แก่ตัวศิษย์เอง แต่ผู้มีศรัทธาถึงขั้นมาปฏิบัติภาวนานั้นมีน้อยเกิน
เรื่องการตรวจสอบคุณพระที่อยู่ในองค์พระเครื่องพระบูชา อาจารย์ท่านนี้ก็ได้ถ่ายทอดให้ศิษย์กรรมฐานของท่าน ซึ่งนอกเหนือจากการพิจารณาอาการปีติที่ขึ้นมาถึงศีรษะแล้ว ก็ยังต้องอาศัยตัวเห็น คือ อาการแสงสีของรัศมีที่ปรากฏอีกด้วย
ดังนั้น
จึงสมจริงกับคำว่า "ของจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์" และคุณธรรมของหลวงปู่ย่อมไม่อาจปกปิดได้ในผู้มีคุณธรรมเช่นกัน----------------------------------------------
บทความจากพี่พรสิทธิ์