พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อังคาร 30 มิ.ย. 2009 7:19 am
ปริญญา ๓
การเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นการอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้แจ้งอริยสัจจ-
ธรรมนั้น ทำให้เกิดปริญญาคือ
ปัญญารอบรู้ ๓ ขั้น คือ ญาตปริญญา ตีรณปริญญา ปหานปริญญา
ญาตปริญญา คือ ปัญญาที่ประจักษ์ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม
ที่ปรากฏโดยสภาพไม่ใช่ตัวตนด้วยนามรูปปริจเฉทญาณ เป็นต้นไป เป็น
พื้นฐานให้น้อมพิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้น รอบรู้ขึ้น
ตามลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่ได้ประจักษ์แล้วในนามรูปปริจเฉทญาณ
ตีรณปริญญา คือ ปัญญาที่พิจารณาลักษณะของสภาพธรรม
ที่ปรากฏโดยเสมอกัน โดยรอบรู้ ไม่เจาะจงฝักใฝ่มุ่งหวังนามธรรมและ
รูปธรรมใดโดยเฉพาะ เพราะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏจนทั่ว
ทั้ง ๖ ทวาร ความสมบูรณ์ของปัญญาที่รู้ชัดในความเสมอกันของนามธรรมและ
รูปธรรมทำให้ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรม ตั้งแต่
สัมมสนญาณ เป็นต้นไป
ปหานปริญญา คือ เมื่อพิจารณาความดับไปของนามธรรม
และรูปธรรม จนประจักษ์แจ้งการดับไปของนามธรรมและรูปธรรมด้วย
ภังคญาณแล้ว ปัญญารอบรู้เพิ่มขึ้น ก็เริ่มคลายความยินดีในนามธรรม
และรูปธรรมเพราะเห็นโทษของนามธรรมและรูปธรรมเพิ่มขึ้น เป็นปหาน
ปริญญา เป็นต้นไป จนถึงมัคคญาณ
ในวันหนึ่งๆ ปัจจัยที่จะให้สติปัฏฐานเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพ
ธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงนั้น น้อยกว่าปัจจัยที่จะให้อกุศล
ธรรมเกิดขึ้นมากเหลือเกิน
ฉะนั้น การเจริญขึ้นของโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ซึ่งเป็นส่วนประกอบ
ของการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ๔ คือ ...สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมัคค์มีองค์ ๘ รวมเป็นโพธิปักขิยธรรม ๓๗
นั้น จึงต้องสะสมอบรมนานมาก เพราะไม่ใช่เป็นการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมารู้ แต่
เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ที่มีเหตุปัจจจัยเกิดขึ้น
ปรากฏแล้วดับไปรวดเร็ว เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ในขณะนี้เอง ถ้าขณะนี้ไม่รู้ว่าสติปัฏฐานเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏ
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยสภาพที่เป็นปรมัตถธรรม ไม่ใช่ตัวตนนั้นเป็น
อย่างไร ก็จะต้องอบรมปัญญาขั้นต้นด้วยการฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงไว้เพื่อให้พุทธบริษัทเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ถูกต้อง
ตรงตามความเป็นจริงตามที่ทรงตรัสรู้ และจะต้องพิจารณาหนทางปฏิบัติ คือ
การอบรมเจริญปัญญาให้ถูกต้องว่า เหตุต้องสมควรแก่ผล เมื่อผลคือปัญญาที่
ประจักษ์แจ้งไตรลักษณะ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สภาพที่เกิดขึ้นและดับไป
เป็นทุกข์ เพราะไม่ใช่สภาพที่น่ายินดีและเป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่กำลัง
ปรากฏในขณะนี้ ก็ย่อมรู้ว่าไม่มีทางอื่นเลย นอกจากหนทางเดียว คือ สติปัฏฐาน
เกิดขึ้นระลึกรู้ ศึกษา สังเกตลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ไป
เรื่อยๆ จนกว่าสังขารขันธ์ทั้งหลายจะเป็นปัจจัย ปรุงแต่งให้ปัญญาที่อบรม
สมบูรณ์แล้วเกิดขึ้นเป็นวิปัสสนาญาณแต่ละขั้นๆ
อังคาร 30 มิ.ย. 2009 2:09 pm
ขอบคุณครับ
(ทีแรกนึกว่าได้รับปริญญาสามใบเสียอีก )
ศุกร์ 03 ก.ค. 2009 10:25 am
รณธรรม ธาราพันธุ์ เขียน:ขอบคุณครับ
(ทีแรกนึกว่าได้รับปริญญาสามใบเสียอีก )
ไม่นึกว่าคุณอาจะคิดอย่างนี้ได้
นาจะเป็นพี่อู๊ด อู๊ด ถึงจะเหมาะ
สงกะสัยอยู่ใกล้กัน
ศุกร์ 03 ก.ค. 2009 1:54 pm
เสาร์ 04 ก.ค. 2009 1:58 am
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.