เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะสวนทางกับโลกยุคใหม่ ที่พบว่าในขณะที่โลกกำลังเจริญทางวัตถุ แต่ไสยศาสตร์ก็ยังคงดำเนินไป มิได้สาบสูญไปไหน เพราะเหตุคือมิจฉาอาชีวะที่หาทรัพย์ได้โดยง่าย แม้จะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นก็ตาม
ศิษย์มือใหม่ของหลวงปู่หลายคนที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์และสันนิษฐานว่าอาจมีสาเหตุมาจากคุณไสย เช่น อาการเจ็บป่วยที่หมอตรวจไม่พบ ครั้นลองอธิษฐานข้าวก้นบาตรหลวงปู่ (ที่ตากแห้งไว้) ให้คนป่วยกินก็เกิดอาการอาเจียนทันที หลังจากนั้นไม่นานก็หาย กรณีนี้ก็จบลงด้วยดี
โดยปรกติเรื่องคุณไสยหรือการทำของก็มักมีเรื่องของผีมาผสมโรงด้วยเสมอ ซึ่งครั้งหนึ่งผีได้ปรากฏร่างให้เด็กน้อยเห็นเป็นคนร่างใหญ่มีขนเต็มตัว ตาแดงก่ำยืนอยู่ในบ้าน คุณแม่เด็กซึ่งไม่รู้จะไปพึ่งใครก็ติดต่อมาทางลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง ลูกศิษย์คนนั้นก็ตอบว่า เขาไม่มีความรู้อะไรทางนี้เลย แต่ก็ได้นำวัตถุมงคลของหลวงปู่ติดไปฝากไว้ให้ พร้อมกับยืนอธิษฐานแผ่เมตตาตรงตำแหน่งที่เด็กน้อยเห็นผี
ในตอนขากลับ เหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดกับลูกศิษย์หลวงปู่คนนั้น กล่าวคือในขณะขับรถกลับ อยู่ ๆ เบรคก็ไม่ทำงาน จนเกือบไปชนเอารถคันหน้า ต้องประคับประคองรถด้วยเบรคมือเป็นระยะ ๆ กระทั่งมาถึงบ้านด้วยความปลอดภัย
แต่ที่น่าอัศจรรย์ในบารมี รวมทั้งความเมตตาและญาณหยั่งรู้ของหลวงปู่ก็คือ หลังจากนั้นเพียงวันสองวันหลวงปู่ได้บอกผ่านลูกศิษย์คนหนึ่งให้โทรมาเตือนลูกศิษย์คนนั้นว่า
"การจะไปสงเคราะห์ใครนั้น ให้ดูกำลังตัวเองเสียก่อน" นี่ที่เขารอดตายมาได้ก็เพราะหลวงปู่ตามคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นก็อาจได้รับอันตรายเพราะเที่ยวไปช่วยใคร ๆ โดยไม่ประมาณกำลังตนเอง และทำให้ลูกศิษย์คนนั้นต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า กำลังตัวเองไม่สำคัญ ขอเพียงเป็นสื่อขอบารมีหลวงปู่ก็พอแล้ว เพราะแท้จริงแล้วกำลังตัวเองนั้นแหละสำคัญไม่น้อย เปรียบเหมือนคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคแล้วไปยุ่งเกี่ยวกับเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อที่แรง ๆ ก็ย่อมเป็นเหตุให้ติดเชื้อโรคนั้นกลับมาได้
--------------------------------------------
บทความจากพี่พรสิทธิ์