นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 23 ม.ค. 2025 2:02 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: โอปปาติกะ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 17 ส.ค. 2009 8:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4810
โอปปาติกะ

อุป ( เข้าไป , ใกล้ , มั่น ) + ปต ธาตุ +ณิก ปัจจัย ปาติก ( ผู้ตกไป )

ผู้เกิดผุดขึ้น หมายถึง กำเนิดหนึ่งในกำเนิด ๔ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นตัวที่สมบรูณ์ทันที ไม่

ต้องอยู่ในท้องหรือเป็นเด็กก่อน และเวลาตายร่างกายก็หายไปทันที ไม่เหลือซากศพ

ไว้ ได้แก่ พวกเปรต อสุรกาย สัตว์นรก เทวดาในชั้นสูงๆ พวกพรหม และมนุษย์

สมัยต้นกัป

อุปาทายรูป

อุป ( เข้าไป ) + อาทาย ( ถือเอา , อาศัย ) + รูป ( รูป )

รูปที่เข้าไปอาศัยมหาภูตรูป หมายถึง รูป ๒๔ รูป นอกเหนือจากมหาภูตรูป ๔ ซึ่ง

ไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามลำพังได้ จะต้องอาศัยมหาภูตรูปเกิดพร้อมกัน มหาภูตรูป ๔

จึงเป็นที่อาศัยของอุปาทายรูป ๒๔ เป็นเหมือนกับแผ่นดิน ที่เป็นที่อาศัยรองรับต้นไม้

หรือบ้านเรือน อุปาทายรูป ๒๔ จะเกิดไม่พร้อมกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสมุฏฐานที่เป็น

ปัจจัยให้เกิด และเกิดในกลาปไหน แต่ที่แน่นอนคือ อวินิพโภครูป ๘ รูป ต้องเกิด

พร้อมกัน และมีอยู่เป็นพื้นฐานในกลุ่มของรูปทุกกลุ่ม

ทันทีที่เห็นดับไป ขณะต่อไปเกิดขึ้นมีสติเกิดร่วมด้วยไหม ไม่

สามารถจะบอกได้ แม้แต่การฟังก็จะต้องมานั่งทบทวนจิตที่รับรู้อารมณ์ต่อ

จากจักขุวิญญาณเป็นจิตอะไร มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร ก็ต้องมานั่งคิด

โดยไม่รู้ลักษณะของสติ เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ลักษณะของสติ ไม่ใช่เพียง

การจำว่าสติมีลักษณะอย่างไร เกิดกับจิตขณะไหนบ้าง เพราะแม้ขณะนี้ก็ยัง

ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าขณะนี้น่ะจิตเป็นกุศลหรือเปล่า หรือเป็นอกุศลหรือว่าเป็น

วิจารณญาณหรือว่าเป็นกิจธุระ เพราะว่าไม่ได้รู้สภาพที่เป็นจิต เพียงแต่ได้

ยินชื่อ ได้ยินเรื่องราวของทั้งจิต เจตสิก รูป ทั้งหมดมากมาย แต่ขณะนี้มีสิ่ง

ที่เป็นจิตจริง ๆ กำลังเห็นจริง ๆ แต่ไม่รู้ลักษณะของจิตที่เห็น เพราะฉะนั้นจึง

ไม่สามารถที่จะแยกได้ ว่าขณะที่เห็นนั้นไม่ใช่ขณะที่กำลังเป็นจิตประเภทอื่น

เช่นความยินดีติดข้องในสิ่งที่เห็น แค่นี้ก็ไม่รู้แล้ว แล้วจะไปรู้ลักษณะของ

สติ หรือเพียงแต่ไปจำว่าขณะนั้นน่ะมีสติเจริญเกิดร่วมด้วยหรือเปล่า เพราะ

ฉะนั้นการศึกษาธรรมต้องรู้ว่าจุดประสงค์ก็คือเราไม่เคยรู้ความจริงของสิ่งที่

ปรากฏทั้งที่กำลังปรากฏ

เพราะฉะนั้นการที่ฟังเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ

แต่เราก็ไม่สนใจไปสนใจเรื่องสติอะไรๆ อีกเยอะแยะแต่ไม่สนใจที่จะรู้ว่าขณะ

นี้มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น และความจริงของสิ่งนี้ก็คือว่า มีอย่างนี้ว่าเมื่อไรเห็น

เกิดขึ้น เมื่อไรก็ทีสิ่งนี้แหละปรากฏให้เห็น เพราะฉะนั้นฟังเพื่อให้เข้าใจถูก

จนกว่าจะรู้สึกธรรมที่ปรากฏ แต่เราก็ไม่ติด เรื่องสติ เรื่องสมาธิ ลืมว่าเพื่อ

เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: โอปปาติกะ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 17 ส.ค. 2009 12:47 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
ขอบคุณครับผม


นึกว่าหนังไทย :mrgreen:

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO