อังคาร 25 ส.ค. 2009 10:53 am
- trap2.jpg (71.73 KiB) เปิดดู 1095 ครั้ง
ในสมัยก่อน เวลาลูกศิษย์ขออนุญาตหลวงปู่ไปภาวนาที่วัดสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่ท่านก็มักจะอนุโมทนาเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีโอกาสหาที่สัปปายะในการภาวนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะได้เรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน
และแล้วข้อวัตรปฏิบัติอันหนึ่งที่ลูกศิษย์หลวงปู่ได้เรียนรู้นอกเหนือจากหลัก
“กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย และภาวนาให้มาก” แล้ว
ก็คือการกล่าวอ้างถึงครูบาอาจารย์
- b1.jpg (53.46 KiB) เปิดดู 1094 ครั้ง
ลูกศิษย์หลวงปู่ได้กราบเรียนถามพระที่มีจริยาวัตรงดงามองค์หนึ่งว่า
“ท่านอาจารย์มาเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวนานแล้วหรือครับ”พระรูปนั้นตอบว่า
“อย่ากล่าวอย่างนั้น อย่ากล่าวว่าเราเป็นลูกศิษย์หลวงตา เรายังปฏิบัติไม่ดี หากมีความประพฤติที่ไม่ดี เดี๋ยวจะเสื่อมเสียไปถึงครูบาอาจารย์"ลูกศิษย์หลวงปู่ฟังแล้วก็อึ้งไป คิดว่านี่ขนาดท่านอยู่กับหลวงตามาหลายปี ท่านยังมีความระมัดระวังไม่กล้าพูดว่าท่านเป็นลูกศิษย์ใคร ด้วยเกรงว่าความประพฤติของท่านที่ยังมีส่วนที่ไม่เรียบร้อยงดงาม อาจกระทบกระเทือนเป็นความเสื่อมเสียไปถึงครูอาจารย์ท่าน
บทเรียนอันนี้ ทำให้ลูกศิษย์หลวงปู่ผู้นั้นจดจำไปใช้ เช่น ในกรณีที่มีคนที่ไม่รู้จักหรือยังรู้จักไม่ดีพอ มาถามว่าคุณเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดู่หรือ เขาก็จะตอบว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ผมแค่เป็นผู้มีศรัทธาในองค์หลวงปู่ พยายามน้อมนำคำสอนท่านมาปฏิบัติ แต่ยังไม่ถึงไหนเลย”
บางกรณีเขาก็พูดขำ ๆ ไปว่า “ผมน่ะขอท่านเป็นครูอาจารย์ แต่ท่านจะรับผมหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ครูบาอาจารย์ที่ท่านวางข้อวัตรปฏิบัติไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา ได้หล่อหลอมลูกศิษย์ให้มีจิตและความประพฤติที่งดงามเรียบร้อย และมีสติที่ละเอียด สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาและความตั้งใจใฝ่ดีของผู้ปฏิบัติเองว่าจะรับไปได้มากน้อยเพียงใด หรือจะเห็นเป็นเพียงเปลือกกระพี้ที่รกรุงรังดังทัศนะของคนยุคนี้ที่นิยมจะจับแต่ตัวแก่นตัวยอดแล้วมองข้ามข้อวัตรหรือข้อฝึกหัดทางกายและวาจาไปเสียหมด
----------------------------------------------
บทความจากพี่พรสิทธิ์