พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พฤหัสฯ. 08 ต.ค. 2009 7:28 am
ไม่มียาดีที่ไหนที่จะรักษาความเน่าเหม็นของอกุศลได้ นอกจากพระธรรม ปัญญา
ทางพุทธศาสนาเท่านั้น ที่จะรักษาความเน่าเหม็นของอกุศล ที่เกิดขึ้นสะสมในแต่ละ
วันซึ่งจะทำให้เน่าเหม็นยิ่งขึ้น เพราะในชีวิตแต่ละวันจะเห็นว่า ขณะที่ไม่เป็นไปกับ
การให้ทาน การวิรัติงดเว้นจากการกระทำบาป และการภาวนาแล้ว นอกนั้นเป็นไป
กับความเน่าเหม็น หมักหมนเพิ่มขึ้นของอกุศลสุดที่จะรักษาได้....... ยาที่ดีที่สุด คือ
พระธรรม หากไม่มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้
ก็จะไม่สามารถรักษาความเน่าเหม็นของอกุศลได้ ไม่สามารถจะออกจากวัฏฏะสงสาร
ไปได้
การรู้ความจริงของสิ่งที่กำลัง
ปรากฏขณะนี้ ฟังดูไม่ยาก... แต่เข้าใจจริงๆบ้างหรือยังว่าทุกๆขณะที่กำลังปรากฏไม่
ว่าทางตา ทางหู..อะไรเป็นธรรมะ อะไรเป็นความจริงที่มีอยู่จริงๆที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ
ฟัง ค่อยเข้าใจ.. .ขณะที่เห็นแล้วรู้สิ่งที่ปรากฏเป็นสติสัมปชัญญะ เพราะกำลังเริ่มรู้สิ่ง
ที่ปรากฏ ปัญญาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ปรากฏ ธรรมะเป็นสิ่งที่ละเอียด ลึกซึ้ง อย่าเผินอย่า
หันหลังให้กับสิ่งที่กำลังปรากฏตรงหน้าขณะนี้ ไปหาสิ่งอื่น เพราะความไม่รู้ และความ
ต้องการจึงหันไปหาสิ่งอื่น ทำให้ไม่สามารถรู้ความจริงที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ได้
ความจริงที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริง ที่กำลัง
ปรากฏ เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง ซึ่งกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ไม่ต้องไปรู้
แจ้งอริยสัจจธรรมที่อื่น ขณะนี้มีธรรมที่กำลังปรากฏให้เข้าใจ ให้ศึกษา ให้รู้
แจ้งอริยสัจจธรรมได้
ใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรค
วนปัตถสูตร ข้อ ๒๓๔-๒๔๒
พระผู้มีพระภาคฯ
ทรงแสดงธรรมแก่พระภิกษุทั้งหลาย ว่า
ภิกษุ เข้าไปอาศัยบุคคลใด บุคคลหนึ่ง
แล้วกุศลธรรมไม่เจริญ ก็ไม่ควรพัวพันกับบุคคลนั้นเลย
ควรจะหลีกไปจากผู้นั้น โดยไม่ต้องบอก
ไม่ว่าจะเป็นในเวลากลางวัน หรือในกลางคืน ก็ตาม.
แต่บุคคลใด ที่ภิกษุเข้าไปอาศัย แล้วกุศลธรรมเจริญ
ก็ควรจะพัวพัน คือ คบหาสมาคมกับบุคคลนั้น จนตลอดชีวิต
ไม่ควรจะหลีกไป ถึงแม้ถูกขับไล่ก็ตาม.
ฯลฯ
ในอังคุตตรนิกาย นวกนิบาต สัมโพธวรรคที่ ๑
เสวนาสูตร ข้อ ๒๑๐
ท่านพระสารีบุตร
ได้แสดงธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงนี้
แก่ภิกษุทั้งหลาย
เพื่อให้เห็น ลักษณะของบุคคลที่ควรเสพ และ ไม่ควรเสพ ว่า
เมื่อคบหาบุคคลใด
แล้ว อกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อม
ไม่ถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนา
ถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางคืน
ก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางคืน
โดยไม่ต้องบอกลา.
ถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางวัน
ก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางวัน
โดยไม่ต้องบอกลา.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 551
เมตตาสูตร
ว่าด้วยอานิสงส์ของเมตตา ๑๑ ประการ
[๒๒๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคล
เสพแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่น
โดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการ
๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ย่อมหลับเป็นสุข ๑ ย่อมตื่นเป็นสุข ๑ ย่อม
ไม่ฝันลามก ๑ ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย ๑ ย่อมเป็นที่รักแห่ง
อมนุษย์ทั้งหลาย ๑ เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา ๑ ไฟ ยาพิษหรือศัสตราย่อม
ไม่กล้ำกรายได้ ๑ จิตย่อมตั้งมั่นโดยรวดเร็ว ๑ สีหน้าย่อมผ่องใส ๑ เป็นผู้
ไม่หลงใหลทำกาละ ๑ เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหม-
โลก ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว
เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดย
ลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการนี้แล.
จบเมตตาสูตรที่ ๕
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.