พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 10 ต.ค. 2009 7:55 am
สามเณรและสามเณรีเป็นประเภทบรรพชิต คือผู้ไม่ครองเรือน
โดยศัพท์คำว่า สามเณร หมายถึงเหล่ากอ หรือเชื้อสายของสมณะ
สามเณรมีสิกขาบท ๑๐ คือ
งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
งดเว้นจากการลักทรัพย์
งดเว้นจากการประพฤติอพรหมจรรย์(การเสพเมถุน)
งดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากดื่มสุราเมรัย
งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่น
งดเว้นจากการลูบทา ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกายด้วยระเบียบดอกไม้ ของหอม
เครื่องย้อม เครื่องทาอันเป็นฐานะแห่งการแต่งตัว
งดเว้นจากการนั่งและการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
งดเว้นจากการรับเงินทอง
และนอกจากนั้นสามเรณยังต้องประพฤติข้อวัตรต่างๆที่บรรพชิตควรกระทำ
เช่น การศึกษาพระธรรมวินัย การประพฤติวัตรปฏิบัติ มีอุปัชฌายวัตร อาจาริยวัตร
อาวาสิกวัตร ฯลฯ รวมถึงเสขิยวัตรสิกขาบทด้วย
ส่วนนักบวชนอกพุทธศาสนา มีปริพาชก เป็นต้น จัดเป็นบรรพชิต คือ
ผู้ไม่ครองเรื่อน ไม่รับเงินและทอง
ภิกษุผู้ปฏิบัติดี ใน ๓ ปิฎก
ได้ผลดีต่างกัน
อนึ่ง
ภิกษุผู้ปฏิบัติ ในพระวินัย
อาศัยสีลสมบัติ ย่อมได้บรรลุวิชชา ๓
ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทวิชชา ๓ เหล่านั้นนั่นแลไว้
ในพระวินัยนั้น.
.
ผู้ปฏิบัติดี ในพระสูตร
อาศัยสมาธิสมบัติ ย่อมได้บรรลุอภิญญา ๖
ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทอภิญญา ๖ เหล่านั้นไว้
ในพระสูตรนั้น.
.
ผู้ปฏิบัติดี ในพระอภิธรรม
อาศัยปัญญาสมบัติ ย่อมได้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔
ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทปฏิสัมภิทา ๔ นั้น ไว้
ในพระอภิธรรมนั้นนั่นเอง.
.
ผู้ปฏิบัติดีในปิฎกเหล่านี้
ย่อมบรรลุสมบัติ ต่างกัน
คือ วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และ ปฏิสัมภิทา ๔ นี้
ตามลำดับ
ด้วยประการฉะนี้.
.
.
.
ผู้ปฏิบัติไม่ดีใน ๓ ปิฎก
ได้ผลเสียต่างกัน
ก็ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระวินัย
ย่อมมีความสำคัญว่า หาโทษมิได้ ในผัสสะทั้งหลาย
มีสัมผัส ซึ่งรูปเป็นอุปาทินกะ เป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามแล้ว
โดยความเป็นอาการเสมอกับด้วยสัมผัสซึ่งวัตถุ
มีเครื่องลาดและผ้าห่ม เป็นต้น ซึ่งมีสัมผัสเป็นสุข
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตแล้ว.
แม้ข้อนี้ ต้องด้วยคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงซึ่งธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
โดยประการที่ว่า เป็นธรรมอันทำอันตรายได้อย่างไร
ธรรมเหล่านั้น
ไม่สามารถเพื่อกระทำอันตรายแก่บุคคลผู้เสพได้ ๑ ดังนี้.
ภิกษุนั้น ย่อมถึงความเป็นผู้ทุศีล
เพราะความปฏิบัติไม่ดีนั้น.
.
ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระสูตร
ไม่รู้อยู่ซึ่งอธิบายในพระบาลี มีอาทิว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ดังนี้
ย่อมถือเอาผิด
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายตรัสว่า
บุคคลมีธรรมอันตนถือผิดแล้ว ย่อมกล่าวตู่เราทั้งหลายด้วย
ย่อมขุดตนเองด้วย ย่อมได้ประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย.
ภิกษุนั้น ย่อมถึงความเป็นผู้มีทิฏฐิผิด
เพราะการถือนั้น.
.
ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระอภิธรรม
แล่นเกินไป ซึ่งการวิจารณ์ธรรม ย่อมคิด แม้ซึ่งเรื่องที่ไม่ควรคิด
ย่อมถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต เพราะคิดซึ่งเรื่องที่ไม่ควรคิดนั้น.
ข้อนี้ต้องด้วยพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !
บุคคล คิดอยู่เรื่องที่ไม่ควรคิดเหล่าใด
พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความลำบากใจ
เรื่องที่ไม่ควรคิดเหล่านี้ ๔ ประการ
อันบุคคลไม่ควรคิดดังนี้.
.
ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดีในปิฎก ๓ เหล่านี้
ย่อมถึงความวิบัติ
ต่างด้วยความเป็นผู้ทุศีล ความเป็นผู้มีทิฏฐิผิด และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้
ตามลำดับ ด้วยประการฉะนี้.
ถึงพระคาถาแม้นี้ว่า
ภิกษุ ย่อมถึงซึ่งความต่างแห่งปริยัติก็ดี สมบัติ และ วิบัติ ก็ดี อันใด
ในปิฎกใด มีวินัยปิฎก เป็นต้น โดยประการใด
บัณฑิต พึงประกาศความต่างแห่งปริยัติ เป็นต้น แม้นั้นทั้งหมด
โดยประการนั้น ดังนี้
เป็นอันข้าพเจ้าขยายความแล้วด้วยคำเพียงเท่านี้
บัณฑิต ครั้นทราบปิฎกโดยประการต่าง ๆ อย่างนั้นแล้ว
ก็ควรทราบพระพุทธพจน์นั้น ว่า มี ๓ อย่าง
ด้วยอำนาจแห่งปิฎกเหล่านั้น.
ผ้าเช็ดทุลี ลูกคนจัณฑาล โคเขาขาด เป็นการเปลียบเทียบตัวเองของท่านพระ-
สารีบุตรต่อพระพุทธเจ้า จากสาเหตุที่มีพระรูปหนึ่งฟ้องพระพุทธเจ้าว่าท่านสารีบุตรได้
กระทบท่านแล้วจากไปไดยไม่ขอโทษ การเปรียบเทียบสอนพระรูปนั้นว่า ถ้าพระรูป
นั้นไม่มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน ก็ย่อมมีการกล่าวกระทบแล้วจากไปโดยไม่ขอโทษ ภาย
หลังพระรูปนั้นก็กล่าวขออดโทษต่อพระสารีบุตร จากคำแนะนำของพระพุทธเจ้า
ผ้าเช็ดทุลี ลูกคนจัณฑาน โคเขาขาด เป็นลักษณะของผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.