คำว่า วิปัสสนูปกิเลส หมายถึง ความเศร้าหมองของวิปัสสนา ข้อความในพระไตร-
ปิฎกและอรรถกถาท่านแสดงว่า ผู้ที่เจริญวิปัสสนาจนถึงระดับสัมมสนญาณและอุท-
ยัพพยญาณ เมื่ออุทยัพพยญาณดับไปแล้ว กิเลสที่ยังไม่ได้ดับเป็นสมุทจเฉทก็ทำให้
เกิดความพอใจใน วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โอภาส ญาณ ปีติ สุข
เป็นต้น นี้เรียกว่า ความเศร้าหมองของวิปัสสนา สำหรับขณะทั่วๆไปผู้ที่ยังมีกิเลส มี
เครื่องเศร้าหมองของจิต(อุปกิเลส) เกิดเป็นปกติอยู่แล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิปัสสนูปกิเลสอาจจะเกิดขึ้นได้ บุคคลนั้นต้องเริ่มจากเกิดจากการอบรมปัญญา
ขั้นการฟังด้วยความเข้าใจถูกก่อน จนปัญญาถึงระดับวิปัสสนาญาณ วิปัสสนูป-
กิเลสจึงเกิดขึ้นได้ (แต่ไมได้หมายความว่า วิปัสสนูปกิเลสเกิดจากความเห็นถูก
แต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกก่อนจึงจะถึงระดับวิปัสสนาญาณ) ดังนั้น หากยัง
ไม่เข้าใจหนทางที่ถูกต้องแม้ขั้นการฟัง ก็อาจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็น
วิปัสสนูปกิเลส ก็ถูกกิเลสหลอกอีก ไม่พ้นไปจากความไม่รู้ ดังนั้นปัญญาเริ่มต้น
จึงควรเข้าใจก่อนว่าธรรมคืออะไร สัมมสนญานเป็นวิปัสนาญาณที่เจือด้วยความคิดอยู่ ถึงแม้จะประจักษ์ในเรื่องรูป-
นามแล้ว ที่สำคัญเราคิดเรื่องอะไรก็ขอให้รู้ว่าคิดครับ เพราะความคิดเป็นต้นเหตุของ
ความสงสัยและความสงสัยเป็นเหตุให้เราคิดหาคำตอบโดยวิธีการต่างๆ หรือแม้กระทั่ง
คิดว่าบรรลุธรรมแล้วถ้าเรารู้ไม่ทันก็จะสมมุติให้ตัวเองอยู่ขั้นนี้ อยู่ขั้นนั้น เป็นโน่นเป็นนี่
การตัดสินความรู้เป็นเรื่องของสติปัญญาเขาทำหน้าที่ ไม่มีเราเป็นผู้ตัดสิน ก็แล้วแต่จะ
ใส่ชื่อใส่สมมุติว่าอะไรมันก็เป็นแค่สมมุติ ถ้าติดสมมุติก็ยังเป็นวิปัสสนูปกิเลส แต่แท้
จริงแล้ว ทั้งความคิด และความสงสัย ก็เป็นธรรมะ
ผิดถูกประการใดแล้วแต่ท่านผู้รู้จะพิจารณา ขออนุโมทนา
|