นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 3:33 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ระวังจิต
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 21 ก.พ. 2010 8:47 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4803
ระวังจิตของตัวเอง แล้วมีทางใดที่

กุศลจิตจะเกิด (ก็)เกิดได้ในขณะนั้น เมตตาได้ไหม
กรุณาได้

ไหม มุทิตาได้ไหม อุเบกขาได้ไหม ...ทำกรรมอย่างไร ก็ได้รับ

(ผลของ)กรรมอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยละเอียด

ไม่มีสักคำเดียว ...ที่จะให้อกุศลจิตเจริญ (พระธรรมที่) ทรง

(แสดงก็เพื่อ) ปิดกั้นทุกทางที่จะไม่ให้อกุศลแม้เพียงเล็กน้อยเกิด

ขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่บูชาพระคุณของพระองค์ ด้วยการประพฤติ

ปฏิบัติตาม ต้องอย่าลืมนะ
อย่าให้อกุศลจิตของตนเองเกิดขึ้น

โดยอ้างบุคคลอื่นว่าทำให้อกุศลเกิด อบรมเจริญกุศลได้ (เจริญ)

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาได้
[๑๐๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน

อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี

ครั้งนั้น เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว

พวกเทวดาผู้มีความมุ่งหมายเพ่งโทษมากด้วยกัน

มีวรรณะงาม ยังพระวิหารเชตวัน ทั้งสิ้นให้สว่าง

เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า

แล้วจึงได้ลอยอยู่ในอากาศ.

...........................................................................................................

[๑๐๗] เทวดาองค์หนึ่ง ครั้นลอยอยู่ในอากาศแล้ว

ได้กล่าวคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ...

บุคคลใดประกาศตนอันมีอยู่โดยอาการอย่างอื่น

ให้เขารู้โดยอาการอย่างอื่น

บุคคลนั้นลวงปัจจัยเขากินด้วยความเป็นขโมย

เหมือนความลวงกินแห่งพรานนก

ก็บุคคลทำกรรมใด ควรพูดถึงกรรมนั้น

ไม่ทำกรรมใด ก็ไม่ควรพูดถึงกรรมนั้น

บัณฑิตทั้งหลายย่อมรู้จักบุคคลนั้น

ผู้ไม่ทำ มัวแต่พูดอยู่.



[๑๐๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาทั้งหลายนี้ว่า ...

ใครๆ ไม่อาจดำเนินปฏิปทานี้

ด้วยเหตุสักว่าพูด หรือฟังส่วนเดียว

บุคคลผู้มีปัญญาทั้งหลาย ผู้มีฌาน

ย่อมพ้นจากเครื่องผูกของมาร

ด้วยปฏิปทาอันมั่นคงนี้

บุคคลผู้มีปัญญาทั้งหลาย

ทราบความเป็นไปของโลกแล้ว

รู้แล้ว เป็นผู้ดับกิเลส

ข้ามตัณหาเป็นเครื่องเกี่ยวข้องในโลกแล้ว

ย่อมไม่พูดโดยแท้.

...........................................................................................................

[๑๐๙] ในลำดับนั้นแล เทวดาเหล่านั้นลงมายืนบนแผ่นดิน

หมอบลงใกล้พระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว

ได้ทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ...

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ

โทษของพวกข้าพเจ้าล่วงไปแล้ว

พวกข้าพเจ้าเหล่าใด เป็นพาลอย่างไร

เป็นผู้หลงแล้วอย่างไร เป็นผู้ไม่ฉลาดอย่างไร

ได้สำคัญแล้วว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าอันพวกเราพึงรุกราน

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ

ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดอดโทษของพวกข้าพเจ้านั้น

เพื่อจะสำรวมในกาลต่อไป.

ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงยิ้มแย้ม.

...........................................................................................................

[๑๑๐] ในลำดับนั้นแล เทวดาเหล่านั้นผู้เพ่งโทษโดยประมาณยิ่ง

กลับขึ้นไปบนอากาศ

เทวดาองค์หนึ่งได้กล่าวคาถานี้

(ด้วยคิดว่าพระผู้มีพระภาคทรงกริ้ว)

ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ...

เมื่อเราแสดงโทษอยู่

ถ้าบุคคลใดมีความโกรธอยู่ในภายใน

มีความเคืองหนัก ย่อมไม่อดโทษให้

บุคคลนั้นย่อมสอดสวมเวร

หากว่าในโลกนี้ โทษก็ไม่มี

ความผิดก็ไม่มี เวรทั้งหลายก็ไม่สงบ

ในโลกนี้ใครพึงเป็นคนฉลาด เพราะเหตุไร

โทษทั้งหลายของใครไม่มี

ความผิดของใครก็ไม่มี

ใครไม่ถึงแล้วซึ่งความหลงใหล

ในโลกนี้ ใครย่อมเป็นผู้มีปัญญา

เป็นผู้มีสติในกาลทั้งปวง



[๑๑๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

โทษทั้งหลายไม่มี

ความผิดก็ไม่มี แก่พระตถาคตนั้น

ผู้ตรัสรู้แล้ว ผู้เอ็นดูแก่สัตว์ทั้งปวง

พระตถาคตนั้นไม่ถึงแล้วซึ่งความหลงใหล

พระตถาคตนั้นย่อมเป็นผู้มีปัญญา

เป็นผู้มีสติในกาลทั้งปวง

เมื่อพวกท่านแสดงโทษอยู่

หากบุคคลใดมีความโกรธอยู่ในภายใน

มีความเคืองหนัก ย่อมไม่อดโทษให้

บุคคลนั้นย่อมสอดสวมเวร

เราไม่ชอบเวรนั้น เราย่อมอดโทษแก่ท่านทั้งหลาย.



๕. อุชฌานสัญญีสูตร

ว่าด้วยเทวดามุ่งโทษ

สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 187

ฟังดูแล้วเหมือนกับว่า อกุศลของเราฝากไว้ที่คนอื่น

แล้วแต่ว่าเขาจะเอามาส่งให้เมื่อไร ก็รับเอาเป็นอกุศลของ

เรา เพราะว่าหน้าตาของเขาบอกบุญไม่รับ เพราะฉะนั้น

เราจึงเกิดอกุศล...
คนอื่นไม่สามารถทำร้ายจิตใจของ

ท่านได้เลย แต่ว่ากิเลสของตนเองเท่านั้น ที่เกิดขึ้น

ทำร้ายจิตใจของตนเอง ถ้าถูกโจรจับเลื่อยอวัยวะ โจร

สามารถจะทำร้ายได้เพียงอวัยวะ
แต่จิตของคนนั้นเป็น

กุศลเกิดขึ้น โจรไม่สามารถจะทำร้ายได้

เพราะฉะนั้น อกุศลทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลย ไม่

ว่าหน้าตาจะบอกบุญไม่รับ ก็ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้อกุศลจิต

ของท่านเกิดได้...ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะกิเลสของท่านเอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งในที่แจ้ง

ในความมืดตื้อในราตรี

เมื่อประทีปน้ำมันลุกโพลงอยู่

ก็สมัยนั้นแล ตัวแมลงเป็นอันมากตกลงรอบๆ ที่ประทีปน้ำมันเหล่านั้น

ถึงความทุกข์ ความพินาศ ความย่อยยับ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นตัวแมลงเป็นอันมากเหล่านั้น

ตกลงรอบๆ ที่ประทีปน้ำมันเหล่านั้น

ถึงความทุกข์ ความพินาศ ความย่อยยับ.

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว

จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ...



สมณพราหมณ์พวกหนึ่งย่อมแล่นเลยไป

ไม่ถึงธรรมอันเป็นสาระ ย่อมพอกพูนเครื่องผูกใหม่ๆ

ตั้งมั่นอยู่ในสิ่งที่ตนเห็นแล้ว ฟังแล้วอย่างนี้

เหมือนฝูงแมลงตกลงสู่ประทีปน้ำมันฉะนั้น.




( ข้อความบางตอนจาก )

๙. อุปาติสูตร

ว่าด้วยแมลงบินเข้าไป

ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๖๔๘

อกุศลจิตย่อมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เพราะกิเลสที่ได้สะสมมามากมายในอดีต

ฉนั้นอกุศลจิตที่เกิดขึ้นนั้นก็เพราะกิเลสของตนเอง ไม่มีใครทำให้อกุศลจิตของเรา

เกิดได้ จึงควรฟังพระธรรมให้เข้าใจ และ อบรมเจริญปัญญา ค่อยๆขัดเกลากิเลส

เมื่อปัญญาค่อย ๆเจริญขึ้น ๆแม้จะได้รับอารมณ์ที่ไม่ดี จิตที่เกิดขึ้นย่อมเป็นกุศลจิตได้

อกุศลเกิดมากเพราะความผูกพัน

ถ้าผูกพันน้อยก็เดือดร้อนน้อย ถ้าผูกพันมากก็เดือดร้อนมาก

เมื่อความผูกพันยังเกิดเพราะเหตุปัจจัย

การศึกษาพระธรรมก็จะมีประโยชน์

เมื่อรู้ว่า ตราบใดยังดับความผูกพันไม่ได้

แต่สติเกิดระลึกรู้ได้ว่า...ความเดือดร้อนมีลักษณะอย่างนั้น

เกิดแล้วดับแล้ว...ไม่ใช่เรา

เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน อาราธนาศีล
รักษาศีล ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ ให้ทานแก่สัตว์ข้างถนนทุกวัน
เมื่อวานตอนเย็นมีรถขับมาผิดทางจะมาจนก็ไม่โกรธให้อภัย และวันนี้ได้กรวดน้ำ
อุทิศบุญ อฐิษฐานจิต เจริญอนุสติ 8 อย่าง กำหนดอิริยาบทย่อย ศึกษษการรักษาโรค
อนุโมทนาบุญกับผู้ที่ใส่บาตรตามถนนหนทาง สนทนาธรรมกับพระคุณเจ้า
และวันนี้ตั้งใจว่าจะฟังธรรม ศึกษาธรรม ศึกษาการรักษาโรค สวดมนต์ นั่งสมาธิ
เดินจงกรม กำหนดอิริยาบทย่อย สร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่าง ตั้งแต่ ทานบารมี ถึงอุเบกขาบารมี ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญร่วมบุญสร้างศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่


ติดต่อได้ที่ พระอาจารย์มนตรา จิตฺตภาโร วัดสุวรรณประสิทธิ์ ถนนนวมินทร์ (๔๒) แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๗๓๔-๖๒๖๕-๖, ๐๘-๙๖๖๑-๓๘๗๕ ศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่ โทร.๐๘-๑๖๑๑-๓๐๙๐

ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: ระวังจิต
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 23 ก.พ. 2010 11:13 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 12:00 pm
โพสต์: 488
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 100 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO