พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 46
ด้วยเหตุที่ธรรมทั้งหลาย ที่มีความเจริญ ที่มีความกำหนดหมาย
ที่บุคคลบูชาแล้ว บัณฑิตกำหนดตัด
และ ที่ยิ่ง อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้วในพระอภิธรรมนี้
ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่าอภิธรรม.
ส่วนปิฎกศัพท์ใด เป็นศัพท์ที่ไม่พิเศษในพระวินัย พระสูตร และ พระอภิธรรรมนี้
ปิฎกศัพท์นั้น อันบัณฑิตทั้งหลาย ผู้รู้อรรถแห่งปิฎก
กล่าวว่า ปิฏก โดยอรรถว่าปริยัติและภาชนะ
ศัพท์ทั้ง ๓ มีวินัยเป็นต้น บัณฑิตพึงให้ประชุมลงด้วยปิฎกศัพท์นั้น แล้วพึงทราบ.
[ ปิฎกเปรียบเหมือนตะกร้า]
จริงอยู่ แม้ปริยัติ ท่านก็เรียกว่า ปิฎก ในคำทั้งหลายเป็นต้นว่า
อย่าเชื่อโดยการอ้างตำรา๑. ฯลฯ
คือถ้าเข้าใจการจำแนกจิตทั้งหมด เป็นวิญญาณธาตุ ๗ จะชัดเจนกว่า
ประมวลจิต ๘๙ เป็นวิญญาณธาตุ ๗ ประเภท คือ ...
จักขุวิญญาณธาตุ ๑
โสตวิญญาณธาตุ ๑
ฆานวิญญาณธาตุ ๑
ชิวหาวิญญาณธาตุ ๑
กายวิญญาณธาตุ ๑
มโนธาตุ ๑
มโนวิญญาณธาตุ ๑
สรุปว่า นอกจากธาตุ ๖ ประเภท ที่เหลือเป็นมโนวิญญาณครับ
ตามหลักพระธรรมคำสอนแสดงว่า กรรม คือการกระทำ ความจงใจ สภาพธรรมได้แก่
เจตนาเจตสิก เจตนาเป็นนามธรรม เมื่อเกิดขึ้นย่อมมีชีวิตินทีรย์เจตสิกเกิดร่วมด้วย
และเกิดร่วมกับจิตทุกประเภท กรรมหรือเจตนาจะเกิดกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ไม่เกิดที่
ก้อนหินก้อนดินภูเขาที่ชาวโลกเรียกว่าธรรมชาติครับ แต่จะเกิดกับสัตว์มีจิตเท่านั้น
เจตนาเจตสิกเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเป็นปรมัตถธรรม..นามบัญญัติ...ว่าเจตนาเจตสิก..
สัตว์ บุคคลเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเป็นบัญญัติ
เจตนาหมายถึงเจตนาเจตสิกเป็นนามธรรมเป็นสภาพรู้
สิ่งที่มีชีวิตไม่มี..เจตนาเจตสิกมีหรือไม่..
มีเช่น..พวกอสัญญีพรหม
กรรมหมายถึงเจตนาเจตสิกถ้าไม่มีเจตนาเจตสิก...จะมีกรรมไหม
ดังนั้น.เพราะมี.สิ่งมีชิวิตที่มีเจตนาเจตสิกจึงมีกรรมดีและกรรมชั่ว
สื่งไม่มีชีวิตไม่มีนามธรรม..ไม่มีเจตนาเจตสิก...จึงไม่มีกรรมดีและกรรมชั่ว
ควรแยกระหว่างปรมัตถสัจจะและสมมติสัจจะ ความจริงแท้ที่เป็นสภาพธรรมกับความ
จริงโดยสมมติ สภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม(ปรมัตถสัจจะ) ไม่ใช่สัตว์
บุคคล แต่เป็นเพียงสภาพธรรม จิตเป็นสภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล เจตสิกเป็นสภาพ
ธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล เจตนาเป็นเจตสิกเป็นสภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เพราะมี
สภาพธรรม มีจิต เจตสิก รูปจึงบัญญัติ สมมติว่ามีสัตว์ บุคคล เป็นสิ่งมีชีวิต หากไม่มี
สภาพธรรมแล้วก็จะไม่มีสัตว์ บุคคล จะมีสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลย ดังนั้นสภาพธรรมที่เป็น
ปรมัตถธรรมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่เพราะอาศัยสภาพธรรมธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมจึงบัญญัติ
ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้ครับ ซึ่งก็แล้วตามสมควรว่ามีปรมัตถธรรมหรือสภาพธรรมใดอะไรจึง
บัญญัติว่าเพราะมีสภาพธรรมนี้จึงบัญญัติสมมติว่ามีชีวิต
เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทานกับแม่และหลาน อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามวัด กรวดน้ำอุทิศบุญ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ทุกวัน และจะเจริญอาโปกสิน รักษาอาการป่วยของแม่ทุกวัน ได้ถวายพระพุทธรูป ให้ทางวัด 1 องค์ เมื่อวานนี้ได้มีผู้บริจาคสิ่งของให้ทางวัด รวมแล้วประมาณ 100000 บาท และวันนี้ได้คุณแม่และหลานได้ร่วมงานถวายสังฆทานชุดใหญ่ ประมาณรวมแล้ว 1200 ชุด ร่วมกับผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งปลื่มปิติในบุญนี้มาก และได้มีการปฏิบัติธรรมสวดมนต์ เป็นชั่วโมง พร้อมกับอาราธนาศีล ถวายค่าน้ำค่าไฟตามวัด และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญร่วมสร้างเจดีย์มหามงคลศีลาภรณ์ โทร.042709345
ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ
|