พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 15 พ.ค. 2010 9:34 pm
ต้องยอมรับว่า "วัตถุมงคล" ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจนำทางผู้คนจำนวนไม่น้อย
ให้เข้ามาได้รับการต่อยอดในการแสวงหาพระเก่าพระแท้ คือ “ใจ”
ใจที่ต้องฝึกฝนอบรมใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้ “ใจ” เป็นพระขึ้นมาเสียเอง
โดยอาศัยการยึดมั่นในพระรัตนตรัย ให้เป็นหลักใจเสียก่อน
วัตถุมงคล จะแสดงความเป็นมงคลออกมาได้จริง
ก็เมื่อโยงจิตของเจ้าของให้เข้าหา “ธรรม”
แค่อานิสงส์ในทางเมตตา หรือในทางแคล้วคลาดปลอดภัย นั้น
มันยังเป็นเรื่องของโลก ๆ
ขึ้นชื่อว่าโลก ก็ย่อมต้องมีความพร่องอยู่เป็นนิจ
และมิอาจนำให้พ้นไปจาก ความแก่ ความเจ็บ และความตายได้
ถึงจะแคล้วคลาดครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ แต่สุดท้าย...
ก็จะแคล้วคลาดจาก ความแก่ ความเจ็บ และความตายไปไม่ได้
ความเป็นมงคลของสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" จึงอยู่ตรงนี้
ตรงที่เป็นเครื่องระลึกให้ใจของเจ้าของ เข้ามาอยู่ในวงของพระธรรม
วงของการปฏิบัติธรรม เพื่อให้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตนที่มีใจเป็นธรรมเท่านั้น จึงจะแคล้วคลาดปลอดภัยได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ความปลอดจากทุกข์ทางใจ ที่เรียกว่า "ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"
หากสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" มิได้โยงใจคนเข้าหาธรรม ความเป็นมงคลจะเกิดที่ตรงไหน
เหมือนกับพระในคอโจร ก็มิได้ยกระดับจิตใจของโจรให้สูงขึ้นแต่อย่างใด
ความเป็นมงคลจึงไม่บังเกิดขึ้น
ครูบาอาจารย์ มักสอนศิษย์ให้ใช้ปัญญาใคร่ครวญ (บางท่านใช้คำว่า "ตรอง")
เช่น ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ...นั่งสมาธิหลับตาไปทำไม ...ตอบตัวเองให้ชัด
ชีวิตเกิดมาทำไม ...ใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เป็นโมฆะ ...เห็นนิมิตแล้วควรวางใจอย่างไร
เพื่อมิให้ขัดกับเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
ทำสมาธิมิใช่เพื่อสมาธิ หากแต่เป็นสมาธิเพื่อปัญญา
ท่านจึงว่า "อย่าต้มน้ำทิ้งเปล่า ๆ ต้องเอาไปชง ไมโลโอวัลติน จึงจะเกิดประโยชน์"
วัตถุมงคลก็เหมือนกัน การบูชาวัตถุมงคลมิใช่จะให้จบแค่ตัววัตถุมงคล
จบแค่มูลค่าการซื้อขาย หรือความเชื่อในความขลัง ฯลฯ
หากแต่ต้องมาจบที่ใจของเจ้าของ ที่หันเข้ามาสู่ "ธรรม"
ใจที่มีสติมากขึ้น ใจที่เผอเรอน้อยลง ใจที่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมากขึ้น
จนพัฒนาไปสู่ "ใจ" ที่ไม่อาจทำความชั่วได้ทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง
สิ่งที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ สอนมาตลอดชีวิตท่าน
คือให้ศิษย์มีปัญญา และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ผู้ที่มีวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นของหลวงปู่ฯ หรือของครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตาม
ควรพิจารณาทบทวนดูว่า เรากำลังใช้สิ่งนี้อย่างผู้มีปัญญา และอย่างผู้ไม่ประมาทในชีวิตหรือไม่
หรือว่าเรากำลังใช้วัตถุมงคล เพียงแค่เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพ
ใช้ เพื่ออวดหรือข่มคนที่ไม่มีเหมือนเรา
ใช้ เป็นเครื่องเล่นเช่นวัดพลังงานในองค์พระ
ใช้ เป็นสิ่งที่เอาไว้อ้อนวอนขอความสำเร็จ ชนิดที่ไม่ต้องขวนขวายสร้างเหตุที่เหมาะสม
ใช้ เป็นเครื่องอุ่นใจว่าปลอดภัยแน่ ๆ แล้วตั้งตนอยู่บนความประมาท อย่างผู้ขาดสติ
บทความนี้อาจกระทบใจบางท่าน แต่ก็ด้วยหวังประโยชน์อันอาจจะบังเกิดขึ้น
และขอบันทึกไว้เพื่อให้ผู้มาใหม่ได้เห็นปฏิปทาหลักในการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ฯ
ปฏิปทาเพื่อมุ่งจะโยงจิตของผู้ที่ได้รับเข้าหา “พระธรรม”
เพราะนานวันเข้า ปฏิปทาส่วนนี้อาจถูกลืมเลือนไป
อาทิตย์ 16 พ.ค. 2010 9:58 pm
โดนนนนนนน
พฤหัสฯ. 20 พ.ค. 2010 12:45 pm
การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง นับได้ว่าเป็นปัญญา แต่ที่สุดต้องนับจากตนเองก่อน
พฤหัสฯ. 20 พ.ค. 2010 2:03 pm
ขอบคุณครับอาจารย์ !
ขออนุญาตนำภาพมาประกอบประโยคนะครับ
หากสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" มิได้โยงใจคนเข้าหาธรรม ความเป็นมงคลจะเกิดที่ตรงไหน
เหมือนกับพระในคอโจร ก็มิได้ยกระดับจิตใจของโจรให้สูงขึ้นแต่อย่างใด
ความเป็นมงคลจึงไม่บังเกิดขึ้น
- 233.jpg (41.57 KiB) เปิดดู 1046 ครั้ง
ห้อยพระซะระโยงระยาง แต่สวนทางพฤติกรรม
- 222.jpg (38.1 KiB) เปิดดู 1045 ครั้ง
สุดท้าย "กรรมก็ตามทัน"
พฤหัสฯ. 20 พ.ค. 2010 2:56 pm
พฤหัสฯ. 20 พ.ค. 2010 4:52 pm
สหายพันตา เขียน:ขอบคุณครับอาจารย์ !
ขออนุญาตนำภาพมาประกอบประโยคนะครับ
หากสิ่งที่เรียกว่า "วัตถุมงคล" มิได้โยงใจคนเข้าหาธรรม ความเป็นมงคลจะเกิดที่ตรงไหน
เหมือนกับพระในคอโจร ก็มิได้ยกระดับจิตใจของโจรให้สูงขึ้นแต่อย่างใด
ความเป็นมงคลจึงไม่บังเกิดขึ้น233.jpg
ห้อยพระซะระโยงระยาง แต่สวนทางพฤติกรรม
222.jpg
สุดท้าย "กรรมก็ตามทัน"
เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงสัจธรรม และ
ในขณะเดียวกันเลยฮะ
พฤหัสฯ. 20 พ.ค. 2010 8:12 pm
รูปประกอบตรงในเหลือเกิน
เสาร์ 22 พ.ค. 2010 8:29 pm
ขอบคุณมากครับคุณสหายพันตา
แบบนี้เห็นควรได้รางวัลผู้สื่อข่าวยอดเยี่ยมนะนี่นะ
อาทิตย์ 23 พ.ค. 2010 9:34 pm
โดน....ใจเต็มๆครับ ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมขอบคุณครับ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.