พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
จันทร์ 05 ก.ค. 2010 6:43 pm
- re1.jpg (23.55 KiB) เปิดดู 999 ครั้ง
กิจกรรมบุญอันหนึ่งที่เป็นอุบายที่หลวงปู่สอนลูกศิษย์ ก็คือ "การถวายข้าวพระ"
การถวายข้าวพระในที่นี้ หมายถึงการถวายข้าวพระพุทธเจ้า
ถามว่าพระพุทธเจ้า พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วจะยังทรงเสวยอาหารอยู่อีกหรือ คำตอบก็คือ ไม่แล้ว เพราะพระองค์ไม่มีขันธ์ ไม่ว่าขันธ์หยาบหรือขันธ์ละเอียดที่ต้องมีภาระในการเลี้ยงขันธ์อีกแล้ว
ถ้าเช่นนั้นเราถวายข้าวพระพุทธเจ้าไปทำไม คำตอบก็คือ "กิริยาบุญ"
หลวงปู่ท่านเน้นมากเรื่องความกตัญญูรู้คุณ แต่ก็ผสมไปด้วยไหวพริบปฏิภาณ ดังเช่น "อุบายการตั้งจิตถวายข้าวพระพุทธเจ้า"
ทุกเช้าก่อนที่หลวงปู่จะฉันภัตตาหาร ท่านจะยกมือพนมเพื่อตั้งจิตถวายข้าวพระพุทธเจ้า จากนั้นก็พิจารณาอาหารก่อนฉัน (แบบสำรวม) ซึ่งในระหว่างที่หลวงปู่ตั้งจิต หลวงปู่ก็จะแนะนำให้บรรดาผู้ที่อยู่ที่นั้นตั้งจิตตามไปด้วย
อุบายหรือรายละเอียดการตั้งจิตอาจแตกต่างกันไปบ้างก็คงไม่ถือเป็นเรื่องตายตัว ตัวอย่างอันหนึ่งก็เช่น กำหนดให้ข้าวปลาอาหารเบื้องหน้าใสเป็นแก้ว แล้วยกขึ้นถวายหลวงปู่ทวดเพื่อขอบารมีท่านเพิ่มพูนอาหารให้ทับทวีคูณมากเข้า แล้วถวายต่อพระพุทธเจ้าทั้งแสนโกฏิจักรวาล อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเราตั้งจิตน้อมเอาข้าวปลาอาหารยกขึ้นไป แล้วน้อมประเคนพระพุทธเจ้าด้วยตนเอง อันนี้ก็ตามแต่อัธยาศัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิริยาบุญทั้งสิ้น โดยก่อนที่หลวงปู่จะฉัน ท่านก็สอนให้ตั้งจิตลาข้าวพระ เพื่อขออนุญาตเอาอาหารส่วนหยาบมาฉัน (ว่าบท "เสสัง มังคะลา ยาจามิ" เพราะถือว่าอาหารส่วนที่เป็นทิพย์ได้ยกถวายพระพุทธเจ้าไปแล้ว)
ในขณะที่ท่านฉัน ก็เป็นธรรมเนียมอยู่เองที่บรรดาลูกศิษย์ก็ควรแยกย้ายกันไปหาที่นั่งภาวนาด้วยอาการอันสงบ จนเมื่อหลวงปู่ฉันเสร็จก็จะมาช่วยกันลำเลียงอาหารไปวางเรียงบริเวณหน้ากุฏิ แล้วนั่งเตรียมรับประทานทั้ง ๒ ฟาก
ก่อนจะทานข้าวก็จะทำอย่างที่หลวงปู่พาทำ คือ พนมมือตั้งจิตลาข้าวพระ ขออนุญาตเอาอาหารส่วนหยาบมารับประทาน และพิจารณาอาหารว่าสักแต่ว่าเป็นธาตุมาเลี้ยงธาตุ จะไม่กินเพราะเห็นแก่ความเอร็ดอร่อย หรือเพียงมาบำรุงบำเรอร่างกาย หากแต่เพื่อระงับเวทนาคือความหิว และให้เกิดกำลังวังชาเพื่อการประพฤติธรรมต่อไปได้
โดยสรุป การถวายข้าวพระพุทธเจ้าสามารถกระทำได้ทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหาร แม้ในที่ทำงาน เพียงแต่อย่าทำให้ประเจิดประเจ้อ เมื่ออาหารอยู่ต่อหน้าก็ทำควมสงบใจ ตั้งจิตน้อมถวายข้าวพระ ชั่วอึดใจก็กำหนดจิตลาข้าวพระ แล้วเริ่มรับประทานอาหาร โดยอาจไม่ต้องพนมมือให้เป็นที่สังเกต เท่านี้ก็ได้บุญอย่างที่หลวงปู่ดู่ท่านให้อุบายไว้แล้วครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความพี่สิทธิ์ หลวงพ่อดู่ดอทคอม
จันทร์ 05 ก.ค. 2010 7:27 pm
ขอบคุณครับ
จันทร์ 05 ก.ค. 2010 7:30 pm
ด้วยความยินดีครับ
อังคาร 06 ก.ค. 2010 10:07 am
พระพุทธเจ้าพระองค์ท่านไม่สามารถฉันภัตตาหารได้แล้ว แต่ที่เราทำเพื่อบูชาพระคุณของพระองค์ท่าน พระนิพพาน เป็นอนัตตา ไม่ใช่เป็นอัตตาเหมือนวัด
บ้างลัทธิสอนกันเพื่อหวังเงินบริจาคของชาวบ้านครับ
ขอบคุณท่านอาจารย์รณธรรมครับผม
เสาร์ 10 ก.ค. 2010 12:38 am
เห็นด้วยครับ พวกลัทธิบ้าบอ เมื่อไหร่จะวิบัติซะที
อาทิตย์ 11 ก.ค. 2010 12:56 am
อาทิตย์ 11 ก.ค. 2010 9:45 am
ช่วยกันครับเพื่อความถูกต้องของพระธรรมคำสอน
หมูสองตัวรวมพลัง
อาทิตย์ 11 ก.ค. 2010 1:01 pm
- rosdee3.gif (17.87 KiB) เปิดดู 799 ครั้ง
หมูฉึกๆ หรือเปล่าฮะ
อาทิตย์ 11 ก.ค. 2010 9:35 pm
หมูอู๊ดๆจ้า 555
จันทร์ 12 ก.ค. 2010 12:36 am
- .gif (6.45 KiB) เปิดดู 781 ครั้ง
อังคาร 13 ก.ค. 2010 12:02 am
- 14.jpg (37.78 KiB) เปิดดู 749 ครั้ง
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.