ถือเป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่คนเข้าวัดใหม่ ๆ ย่อมปรารถนาอยากให้บุคคลอันเป็นที่รัก หรือหมู่เพื่อนมีศรัทธาไปวัดปฏิบัติธรรมกับเราด้วย
แต่บางครั้ง การแสดงความปรารถนาดีของเราก็อาจขาดความรอบคอบ โดยมองข้ามความพร้อมของอีกฝ่ายหนึ่งไป ซึ่งเรื่องนี้ หลวงป่เคยเตือนว่า
"แกไปชวนเข้าวัด เขาร้อง "ฮึ" (หมายถึงอาการปฏิเสธ) ก็ได้ชื่อว่าเขาปรามาสธรรม และ...แกคือต้นบาป"
ทำให้การจะชวนใครเข้าวัดปฏิบัติธรรมนี่ ต้องพิจารณากันให้ดี ๆ เชียว ไม่อย่างนั้น แทนที่จะได้บุญ กลับหาบาปใส่ตัวได้
ทีนี้ จะทำอย่างไรล่ะ ที่จะให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดศรัทธาไว ๆ เพราะชีวิตคนเราก็ไม่แน่นอน อันนี้ หลวงปู่ก็ให้อุบายไว้อีกว่าเมื่อเราปฏิบัติกรรมฐานจนใจสงบดีแล้วทุกครั้ง ก็ให้นึกแผ่เมตตาไปที่กายใน (กายทิพย์) ของผู้นั้นเรื่อย ๆ จะช่วยให้เขามีจิตใจอ่อนโยน กระทั่งเป็นฝ่ายสนใจสอบถามหรือกระตือรือร้นมาวัดด้วย ซึ่งศิษย์หลายคนก็ใช้ได้ผลมาแล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องของคนอื่น ย่อมต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง เราจะไปยึดมั่นหมายมั่นให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ดูเอาเถิด โยมแม่ของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ กว่าที่พระสารีบุตรจะโปรดโยมแม่ได้ ก็ต้องรอจนถึงเวลาที่ท่านใกล้จะนิพพาน หรือในบางกรณีก็ต้องปล่อยวางไปเลย เพราะบางคนเขาไม่รับจริง ๆ
สมดังพุทธพจน์ที่ว่า
สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมทั้งหลายอันเราไม่อาจบังคับบัญชาได้