ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am โพสต์: 6586
|
...บางพวกก็ตั้งหน้าตั้งตาไปหาศีลหาธรรมจริง ๆ ที่น่าสงสาร แต่บางพวกก็พากันไปเที่ยวตากอากาศเปลี่ยนอารมณ์ในวัด แล้วก็เที่ยวจุ้นจ้านพูดคุยกันไม่ออมปาก ปล่อยตามอารมณ์ ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมทั่วบริเวณวัด จนลืมคิดไปว่าที่นั่นเป็นวัด และมีครูอาจารย์ พระเณรบำเพ็ญธรรมอยู่ที่นั่น ท่านอาจรำคาญได้ คิดแต่ความสนุกสนานรื่นเริงไปตามลัทธินิสัยของตน
บางพวกก็ไปด้วยเสียงเล่าลือว่า ท่านเก่งทางนั้นทางนี้ แล้วก็ตื่นข่าวพากันไปเพื่อได้ของดีจากท่านมาอวดกัน เมื่อไปก็รบกวนขอนั่นขอนี่ท่าน เมื่อท่านบอกว่าไม่มี ก็ดื้อรั้นเถียงท่านว่าท่านมี แล้วเซ้าซี้ขอจนน่ารำคาญ เมื่อไม่ได้ดังใจ บางรายก็พาลทะเลาะกับพระแล้วกลับไป ก่อนไปก็พูดทิ้งท้ายในลักษณะบาดหมาง สาปแช่งต่าง ๆ ว่า ต่อไปจะไม่มาเหยียบวัดนี้อีกจนวันตาย พระอะไรอย่างนี้ ขออะไร ๆ ก็ว่าไม่มี ๆ จะหวงไว้กินสมบัติอะไรก็ไม่รู้
ตามธรรมดาของพระผู้มีธรรมประจำใจอยู่แล้ว ท่านไม่เห็นอะไรยิ่งกว่าธรรม ตลอดอิริยาบถ ท่านคิดฝักใฝ่ใคร่ธรรมอยู่โดยสม่ำเสมอ ไม่สนใจและเผลอไผลคิดไปโน้นไปนี้ ว่าคนนั้นจะมาหา คนนี้จะมาเยี่ยม จะมาหรือไม่ก็เป็นเรื่องเป็นอัธยาศัยของแต่ละคน ท่านไม่กังวลกับอะไรมากกว่าการแสวงหาธรรมด้วยการปฏิบัติ มีเดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิภาวนาบ้าง ยืนรำพึงในธรรมทั้งหลายบ้าง ให้สติอยู่กับตัว ไม่ปล่อยใจให้เลื่อนลอยไปตามอารมณ์ ท่านมีความสำรวมระวังอยู่ทุกอิริยาบถ นอกจากหลับเท่านั้น นอกนั้นเป็นท่าแห่งความเพียรเพื่อละกิเลสแลกองทุกข์ทั้งมวลโดยตลอด ท่านจึงไม่ต้องการสิ่งรบกวนต่าง ๆ ...
*****************************************************************************************
ขอบพระคุณคุณเพียงดินเวปหลวงปู่ดู่ดอทคอม
_________________ ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน
|
|